โดนแมงมุมกัด จะปฐมพยาบาลเบื้องต้นยังไงดี ให้ร่างกายได้รับพิษจากแมงมุมในปริมาณน้อย และเกิดอันตรายต่อร่างกายน้อยที่สุดด้วย
แมงมุมเป็นสัตว์ที่พบเจอได้ทั่วไป โดยเฉพาะในบ้าน ที่อยู่อาศัย หรือตามใต้โต๊ะก็อาจเจอแมงมุมได้ และแม้ส่วนใหญ่แมงมุมจะไม่ทำอันตรายคน แต่ก็มีแมงมุมบางชนิดที่มีพฤติกรรมกัดคนเหมือนกัน ดังนั้นหากโดนแมงมุมกัดเข้า เราจะปฐมพยาบาลยังไงได้บ้าง ลองมาศึกษาเอาไว้ก็ดี เพราะบางทีการได้รับพิษแมงมุมก็อาจทำให้เราตกอยู่ในสภาวะอันตราย โดยเฉพาะคนที่มีอาการแพ้พิษแมงมุม
หากโดนแมงมุมทั่วไป ที่ไม่มีพิษร้ายแรงมาก อาจมีอาการคล้ายโดนแมลงสัตว์กัดต่อยธรรมดา ไม่อันตรายนัก เนื่องจากแมงมุมเป็นสัตว์ขนาดเล็ก การปล่อยพิษหลังจากกัดในแต่ละครั้งก็จะมีปริมาณพิษน้อยไปด้วย ความรุนแรงของอาการเลยอาจไม่ได้ร้ายแรงเท่าไร โดยหลังถูกแมงมุมกัดให้สังเกตอาการ 1 คืน หากมีอาการปวด บวม เจ็บพอทนไหว และอาจมีผื่นขึ้น ก็ยังถือว่าไม่อันตราย แต่หากอาการไม่ดีขึ้นเลยก็ควรรีบไปพบแพทย์
ทว่าหากโดนแมงมุมกัดแล้วมีอาการปวดจนทนไม่ไหว มีอาการชา หน้ามืด อาเจียน ไข้ขึ้น แผลบวมไหม้เป็นสีดำ ปวดตามข้อและกระดูก ปวดท้อง ปวดศีรษะ ให้รีบมาพบแพทย์ทันที เพราะอาจถูกแมงมุมที่มีพิษกัด หากเป็นไปได้ควรนำแมงมุมที่กัดเราไปให้แพทย์ดูด้วย หรืออย่างน้อยควรสังเกตลักษณะของแมงมุมให้ดี ๆ เพื่อจะได้ระบุชนิดและความร้ายแรงของพิษแมงมุมได้ เพราะแมงมุมมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน
5 แมงมุมพิษที่คนไทยควรรู้จักไว้
นายประสิทธิ์ วงษ์พรม ผอ.ศูนย์ธรรมชาติศึกษาไทย ได้ให้ข้อมูลกับเว็บไซต์เดลินิวส์ เกี่ยวกับแมงมุมที่มีพิษร้ายแรง และสามารถพบได้ในประเทศไทย จำนวน 5 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็จะส่งผลต่อร่างกายที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล
1. แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล
พบเจอได้ตามบริเวณที่รก เช่น ใต้ถุนบ้าน โรงรถ ห้องน้ำเก่า โรงไม้เก่า ลังไม้ รองเท้าเก่า ๆ ใต้กะละมังเก่า ๆ หรือแม้กระทั่งเก้าอี้เก่าที่วางไว้นาน ๆ
* ลักษณะ
- มีลายตรงหน้าท้องเป็นรูปนาฬิกาทรายสีแสด หรือสีแดง
- หน้าท้องด้านบนจะมีสีน้ำตาลเป็นลักษณะครึ่งวงกลม
- บริเวณท้องจะมีสัดส่วนใหญ่กว่าส่วนหัวชัดเจนมาก
- มีลายนูนบนท้องเป็นริ้วสีน้ำตาลสลับสีขาวอ่อน ๆ ตรงริ้วเป็นจุดสามจุดเรียงกันสองแถว
- มีถุงไข่เกาะรวมกันเป็นกลุ่ม มีลักษณะสีขาว คล้ายสำลีจุ่มน้ำ มีขนาด 1.5 เซนติเมตร
* อาการหากถูกกัด
- หลังถูกกัด 15-30 นาที จะปวดร้อนและรู้สึกชาหรือตึงที่บริเวณแผล
- ลักษณะของแผลจะแดงเป็นจ้ำ ๆ ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะพิษของแมงมุมชนิดนี้จะเข้าไปทำลายระบบประสาท ทำให้เกิดอาการชาขึ้นมา
2. แมงมุมแม่ม่ายหลังแดง
ใต้ท้องจะมีสีส้ม มีพิษอยู่บริเวณหลัง ลักษณะคล้ายเพลิงสีแดง มักจะอาศัยอยู่บริเวณใต้โพรงดิน สวน ไร่ นา
* อาการหลังถูกกัด
- จะมีอาการร้อนและชาที่แผล ซึ่งบริเวณแผลจะมีลักษณะแดงเป็นจ้ำ ๆ เล็กน้อย แต่ไม่มีแผลเหวอะหวะ
- จากเคสที่เคยถูกแมงมุมแม่ม่ายหลังแดงกัด เมื่อเข้ารับการรักษาจะอยู่โรงพยาบาลไม่เกิน 2-3 วัน ก็สามารถกลับบ้านได้ โดยแพทย์จะรักษาตามอาการและระมัดระวังไม่ให้แผลติดเชื้อ
3. แมงมุมพิษสีน้ำตาล
* อาการหลังถูกกัด
- จะมีอาการร้อนและชาที่แผล ซึ่งบริเวณแผลจะมีลักษณะแดงเป็นจ้ำ ๆ เล็กน้อย แต่ไม่มีแผลเหวอะหวะ
- จากเคสที่เคยถูกแมงมุมแม่ม่ายหลังแดงกัด เมื่อเข้ารับการรักษาจะอยู่โรงพยาบาลไม่เกิน 2-3 วัน ก็สามารถกลับบ้านได้ โดยแพทย์จะรักษาตามอาการและระมัดระวังไม่ให้แผลติดเชื้อ
3. แมงมุมพิษสีน้ำตาล
มักกระจายตัวอยู่ในถ้ำ ปัจจุบันยังไม่มีรายงานพบตามหมู่บ้านแต่อย่างใด
* อาการหลังถูกกัด
- เมื่อถูกกัดระยะแรกจะยังไม่มีอาการ แต่จะเริ่มรู้สึกร้อนและชาที่แผล บวมแดง มีการอักเสบ เป็นผื่น แผลเริ่มมีสีดำไหม้ ภายหลังจากที่โดนกัดไปแล้ว 2 วัน
- ลักษณะแผลเหวอะหวะคล้ายกับงูกะปะกัด ให้รีบไปพบแพทย์ เพราะหากปล่อยไว้นาน แผลจะเน่าได้ และในบางรายที่แพ้พิษก็อาจมีไข้ร่วมด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือต้องดูแลรักษาแผลให้สะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
4. แมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน
* อาการหลังถูกกัด
- เมื่อถูกกัดระยะแรกจะยังไม่มีอาการ แต่จะเริ่มรู้สึกร้อนและชาที่แผล บวมแดง มีการอักเสบ เป็นผื่น แผลเริ่มมีสีดำไหม้ ภายหลังจากที่โดนกัดไปแล้ว 2 วัน
- ลักษณะแผลเหวอะหวะคล้ายกับงูกะปะกัด ให้รีบไปพบแพทย์ เพราะหากปล่อยไว้นาน แผลจะเน่าได้ และในบางรายที่แพ้พิษก็อาจมีไข้ร่วมด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือต้องดูแลรักษาแผลให้สะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
4. แมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน
ลักษณะมีมีสีน้ำตาลเข้ม ร่างกายแบนเรียว ขนาดตัวอยู่ที่ประมาณ 7.0-7.5 มิลลิเมตร บนหัวมีลักษณะคล้ายไวโอลิน ชอบหลบซ่อนตัวตามซอกแคบ ตามถ้ำในป่า ออกหากินตอนกลางคืน ถึงจะมีพิษแต่ไม่มีนิสัยดุร้าย
* อาการหลังถูกกัด
- บริเวณที่ถูกกัดจะมีการอักเสบ
- เนื้อเยื่อตาย โดยนำไปสู่การติดเชื้อจนถึงแก่ชีวิต
- บางรายอาจมีภาวะโลหิตจาง ไตวายเฉียบพลัน
5. แมงมุมแม่ม่ายสีดำ
เป็นแมงมุมสีดำ มีขนาด 1-2 เซนติเมตร ลักษณะเด่นคือ มีลายนาฬิกาทรายใต้ท้อง
* อาการหลังถูกกัด
- ลักษณะอาการจะคล้ายกับถูกแมงมุมแม่ม่ายสีน้ำตาลกัด แต่จะมีอาการแทรกซ้อนอีกคือ พิษของมันจะเข้าไปทำลายกล้ามเนื้อจุดกระบังลม ระบบประสาท อาจทำให้เกิดอาการเกร็งจนกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงานได้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบรายงานว่าพิษแมงมุมร้ายแรงถึงขั้นทำให้คนตายได้โดยตรง เนื่องจากยังไม่เคยมีเคสที่คนตายด้วยพิษแมงมุมเกิดขึ้นเลย ส่วนใหญ่ผู้ที่โดนพิษแมงมุมแล้วเสียชีวิต มักจะมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ และการติดเชื้อที่แผล จนถึงแก่ชีวิตมากกว่า
แมงมุมกัด ปฐมพยาบาลยังไงดี
วิธีการปฐมพยาบาลเมื่อโดนแมงมุมกัด สามารถทำได้ ดังนี้
- ทำความสะอาดบาดแผลด้วยสบู่ หรือน้ำเกลือสำหรับล้างแผล เพื่อลดการติดเชื้อ
- ไม่แนะนำให้ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดแผล เพราะจะทำให้แผลหายช้า รวมไปถึงการใช้ยาหม่องทาที่แผลก็อาจทำให้แผลยิ่งบวม เกิดการอักเสบ และเสี่ยงติดเชื้อมากขึ้น
- ใช้น้ำแข็ง หรือผ้าชุบน้ำเย็นบิดให้แห้ง ประคบเย็นที่แผล เพื่อให้ปากแผลเย็นขึ้น ลดโอกาสที่พิษแมงมุมจะกระจายตัวไปที่อวัยวะอื่น
- พยายามอย่าขยับแผลมากนัก และพันผ้าพันแผลเพื่อลดการกระจายของพิษ
- ไม่ควรบีบ หรือเค้นแผล
- หากมีอาการปวด หรือคัน สามารถกินยาแก้ปวด หรือยาแก้แพ้รักษาในเบื้องต้นได้
- หากอาการไม่ดีขึ้น เช่น แผลบวมมาก ปวดมาก มีอาการชา ให้รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ พร้อมนำแมงมุมตัวที่กัดไปให้แพทย์ดูด้วย
วิธีป้องกันแมงมุมกัด
เราสามารถป้องกันแมงมุมกัดได้ ดังนี้
- รักษาความสะอาดของที่พักอาศัยอยู่เสมอ เพื่อกำจัดรังแมงมุม หรือไข่ของแมงมุม เพราะยาฉีดยุง ย่าฆ่าแมลง ไม่สามารถทำให้แมงมุมตายได้
- หากต้องเข้าไปในที่รกร้าง เช่น ห้องเก็บของ หรือจุดที่มีหยากไย่เยอะ ๆ ควรสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิด โดยสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว สวมถุงมือ และรองเท้าหุ้มส้น
- ก่อนใส่รองเท้าผ้าใบ รองเท้าบูต ถุงมือ ควรตรวจสอบให้ดีว่าไม่มีสัตว์ใด ๆ อาศัยอยู่
- วางเตียงนอนให้ห่างจากผนังห้อง และพยายามอย่าให้ผ้านวม ผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียงยาวระพื้น
- ติดมุ้งลวดตามหน้าต่างและประตู เพื่อป้องกันแมลงต่าง ๆ บินเข้ามาในบ้าน
- หากต้องเข้าไปในสวน ไร่ นา ตามถ้ำในป่า ควรแต่งกายให้มิดชิด
การอยู่ในสถานที่ที่สะอาด โปร่งและโล่ง จะช่วยให้แมลงและสัตว์ต่าง ๆ ไม่มาวุ่นวายกับเราเท่าไร ดังนั้นนอกจากสุขอนามัยของตัวเองแล้ว ก็ควรดูแลสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวอยู่เสมอด้วยนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก