นพ.แมนวัฒน์ จากเพจ เรื่องเล่าจากโรงหมอ ให้ความรู้ ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หลังมีข่าวเด็ก 11 ขวบดับ ยันปลอดภัย ความเสี่ยงต่ำ การเฝ้าระวังไม่ต่างจากยาอื่น ๆ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Surapot Sukkha
จากข่าวชวนสะเทือนใจ
หลังคุณพ่อท่านหนึ่งโพสต์เรื่องราวที่ตนเองเสียลูกสาววัย 11 ขวบ
หลังโรงเรียนพาหมอฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้ลูก
แต่ไม่ตรวจวัดไข้ก่อน สุดท้ายเด็กแน่นหน้าอก อาเจียน
และเสียชีวิตในเวลาต่อมานั้น
อ่านข่าว : พ่อใจสลาย ! โรงเรียนพาหมอฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้ลูก สุดท้ายเด็กตาย
อ่านข่าว : พ่อใจสลาย ! โรงเรียนพาหมอฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้ลูก สุดท้ายเด็กตาย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Surapot Sukkha
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 31 สิงหาคม 2563 นพ.แมนวัฒน์ โชคสุวัฒนสกุล สูตินรีแพทย์ เฟซบุ๊ก เรื่องเล่าจากโรงหมอ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนมะเร็งป้องกันมะเร็งปากมดลูก ว่า สิ่งที่กังวล (จากข่าวการเสียชีวิตของเด็ก 11 ขวบ) คือคนจะกลัวการฉีดวัคซีน ซึ่งปกติแล้วตัววัคซีนเองถือว่าปลอดภัยมาก ผลข้างเคียงหลังฉีดที่เจอบ่อยคือ เจ็บแขน ไข้ต่ำ ๆ ปวดหัว คลื่นไส้ เวียนหัว ที่แพ้มากแบบ anaphylaxis อันตรายถึงชีวิตมีโอกาสเกิด อัตรา 3 ใน 1,000,000 ส่วนอัตราการเกิดผลข้างเคียงรุนแรงอื่น หรือเสียชีวิตจากยาจริง ๆ ก็ต่ำมาก
ทั้งนี้หลังฉีดวัคซีนนั้น จำเป็นต้องสังเกตอาการหลังฉีดเช่นเดียวกับการให้ยาทุกชนิด ถ้าหลังฉีดมาอาการเวียนหัว หน้ามืด ใจเต้นแรง สับสนกระวนกระวาย หมดสติ หรือหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ต้องได้รับการประเมินและให้การรักษาโดยแพทย์ทันที
ส่วนสาเหตุที่มีการฉีดวัคซีนกับเด็ก เพราะการป่วยมะเร็งปากมดลูกในไทยมีการป่วยอัตรา 20 ต่อ 100,000 สูงเป็นอันดับสองของโรคมะเร็งในผู้หญิงรองจากมะเร็งเต้านม ตอนนี้มีผู้ป่วยใหม่ปีละประมาณ 1 หมื่น ตายปีละ 5,200 คน การฉีดวัคซีนนั้นจะได้ผลดีมากในกลุ่มอายุน้อย หรือกลุ่มก่อนมีเพศสัมพันธ์ทั้งชายและหญิง ในช่วงอายุ 9-26 ปี ปัจจุบันมีการฉีดให้กับเด็ก ๆ ชั้นประถม ปีละประมาณ 400,000 คน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เรื่องเล่าจากโรงหมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก เรื่องเล่าจากโรงหมอ