จัดฟันครั้งแรก ต้องเตรียมตัวอย่างไร ราคาแพงไหม มีขั้นตอนการจัดฟันอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบ พร้อมแนะนำคลินิกทันตกรรมที่มาพร้อมความใส่ใจ ใครอยากมีสุขภาพฟันดี ยิ้มสดใส เรียกความมั่นใจกลับคืนมา บอกเลยว่าไม่ควรพลาด
ใคร ๆ ก็อยากมีฟันสวยและรอยยิ้มสดใส แต่ปัญหาฟันต่าง ๆ เช่น ฟันห่าง ฟันซ้อน ฟันยื่น ฟันไม่สบกัน กลับสร้างความลำบากให้หลายคนไม่น้อย โดยเฉพาะการเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียดพอ ส่งผลให้เกิดโรคทางช่องปากอื่น ๆ ตามมา “การจัดฟัน” จึงเป็นทางเลือกที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ และเป็นที่นิยมในทุกช่วงวัย ซึ่งนอกจากจะทำให้สุขภาพฟันดีแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดกลิ่นปาก เสริมบุคลิกภาพเรียกคืนความมั่นใจ และในบางรายอาจทำให้โครงหน้าดูเข้ารูปมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม การจัดฟันครั้งแรกควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน รวมถึงการเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลก็เป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ดังนั้นสิ่งที่ต้องรู้มีอะไรบ้าง เตรียมตัวอย่างไร ? ตามไปหาคำตอบกันค่ะ
สำหรับคนที่ต้องการจัดฟัน แต่ไม่แน่ใจว่าปัญหาของตัวเองจะแก้ไขด้วยวิธีนี้ได้หรือไม่ มาดูลักษณะของฟันที่ควรรักษาด้วยการจัดฟันกันเลย ซึ่งมีทั้งหมด 6 รูปแบบ ได้แก่
1. ฟันซ้อน
เป็นรูปแบบที่ควรจะแก้ไขด้วยการจัดฟันมากที่สุด เนื่องจากฟันขึ้นซ้อนกันทำให้เศษอาหารและแบคทีเรียสะสม จนก่อให้เกิดปัญหาฟันผุตามมา
2. ฟันสบเปิด
ฟันที่มีรูปแบบนี้จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันบนและฟันล่าง เพราะฉะนั้นการจัดฟันจะช่วยลดช่องว่างระหว่างฟัน และทำให้มีรอยยิ้มสวยงามขึ้น
3. ฟันกัดคร่อม
ฟันลักษณะนี้ทำให้การรับประทานอาหารเป็นเรื่องยาก เนื่องจากฟันไม่สบกันในขณะที่เคี้ยว ไม่ว่าจะเป็นฟันบนที่ยื่นมากกว่าปกติ หรือฟันล่างที่ยื่นมากกว่า ทำให้ฟันไม่สามารถสบกันได้
4. ฟันบนยื่น
เป็นรูปแบบฟันที่จะทำให้คุณเสียความมั่นใจ เพราะบางคนอาจจะถูกล้อ และยังมีปัญหาในเรื่องการรับประทานอาหารด้วยเช่นกัน
5. ฟันล่างยื่น
เป็นลักษณะที่คล้ายกับข้อ 4 แต่เปลี่ยนจากฟันบนเป็นฟันล่างแทน ซึ่งลักษณะเช่นนี้จะทำให้เกิดปัญหาในการรับประทานอาหารได้
6. ฟันกัดเบี้ยว
ลักษณะฟันเช่นนี้ทำให้มีปัญหาในการรับประทานอาหาร เพราะไม่สามารถเคี้ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นรูปแบบที่ควรรักษาด้วยการจัดฟัน
เนื่องจากปัญหาของฟันนั้นมีสารพัด รวมถึงความต้องการและงบประมาณของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ปัจจุบันจึงมีประเภทของการจัดฟันให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น
1. การจัดฟันแบบโลหะหรือเหล็กจัดฟัน
เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมจากคนจัดฟันมากที่สุด ซึ่งจะใช้เหล็กเป็นอุปกรณ์ในการดัดฟันให้มีรูปแบบตามที่ทันตแพทย์ประเมินไว้ และยังมียางฟันที่จะต้องเปลี่ยนทุก ๆ เดือน จึงสามารถเลือกสียางได้ตามใจชอบ การจัดฟันด้วยวิธีนี้มีราคาที่ไม่แพงมาก ใช้เวลาจัดฟันรวม 2-3 ปี
2. การจัดฟันแบบเซรามิก
เป็นการจัดฟันที่ใช้เครื่องมือชนิดโปร่งแสง หรือสีเดียวกับฟัน เหมาะสำหรับคนที่กำลังจัดฟันแต่ไม่ต้องการให้คนอื่นสังเกตเห็น มีลักษณะคล้ายกับการจัดฟันแบบเหล็กหรือแบบโลหะ แต่จะใช้เครื่องมือพิเศษอย่างเซรามิกใส ซึ่งมีราคาแพงกว่า ใช้เวลาจัดฟันรวม 2-3 ปี
3. การจัดฟันแบบดามอน
เป็นประเภทที่น่าสนใจ เพราะใช้เวลาในการจัดฟันน้อยกว่าแบบอื่น แต่มีราคาที่ค่อนข้างสูง โดยจะใช้เครื่องมือแบบดามอน หรือบางทันตกรรมจะเรียกว่าการจัดฟันแบบ 3D Clarity SL ความพิเศษคือช่วยเลื่อนฟันอย่างมีระบบ มีความนุ่มนวลมากกว่ารูปแบบเหล็ก ทำให้คนรับบริการเจ็บปวดน้อยกว่า และใช้เวลาจัดฟัน 1-2 ปี
4. การจัดฟันแบบใส
เป็นการจัดฟันที่ใช้แผ่นใส โดยวิธีการจัดนั้นจะต้องเอกซเรย์ฟัน โครงกระดูกใบหน้า และสแกนฟัน เพื่อช่วยให้การติดตั้งเครื่องมือง่ายขึ้น ข้อดีของการจัดฟันรูปแบบนี้คือสามารถถอดออกและใส่กลับได้ด้วยตนเอง จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการจัดฟันแต่ไม่ชอบที่มีเครื่องมืออื่น ๆ มาติดอยู่ แถมยังมองไม่เห็นด้วย ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ใช้เวลาจัดฟันเพียง 6 เดือน - 1 ปี เท่านั้น
จัดฟัน ราคาเท่าไร
จัดฟัน ราคาแพงไหม ? เป็นคำถามยอดฮิตที่หลายคนอยากรู้ บอกเลยว่าแต่ละบุคคลจะมีค่าใช้จ่ายต่างกันไป เพราะตั้งแต่ช่วงก่อนจัดฟันต้องมีการถอนหรือรักษาฟันที่ไม่เหมือนกัน เมื่อเริ่มจัดฟันแล้ว แต่ละเคสก็มีความยากง่ายและใช้ระยะเวลาไม่เท่ากัน รวมถึงการเลือกจัดฟันแต่ละประเภทยังมีราคาแตกต่างกันด้วย อย่างการจัดฟันแบบโลหะจะต้องมีค่าใช้จ่ายราว ๆ 40,000-60,000 บาท แบบเซรามิกจะมีราคาตั้งแต่ 50,000-65,000 บาท ถ้าหากเป็นแบบดามอนก็จะราคาสูงขึ้นไปที่ 70,000-90,000 บาท ส่วนการจัดฟันแบบใสตกอยู่ที่ประมาณ 40,000-150,000 บาท ทั้งนี้ คลินิกแต่ละแห่งอาจมีโปรโมชั่นแบ่งจ่ายเป็นงวด หรือจ่ายทุกเดือน สามารถเลือกได้ตามความสะดวก
จัดฟัน สามารถทำได้ตั้งแต่อายุเท่าไร
ปกติแล้วการจัดฟันสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ โดยทั่วไปอายุที่เหมาะสมคือ 11-20 ปี หรือวัยรุ่น ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกาย กระดูก ฟัน เจริญเติบโตเต็มที่และมีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้ามากที่สุด ทำให้ฟันสามารถเคลื่อนที่และปรับรูปร่างได้ง่ายกว่าในวัยอื่น ขณะเดียวกันได้มีการวิจัยว่าช่วงอายุที่เหมาะสำหรับการทำฟันมากที่สุดคือวัยเด็ก เพราะเป็นช่วงวัยที่กำลังจะเจริญเติบโต จึงทำให้ฟันเรียงตัวสวยงามเป็นธรรมชาติมากกว่าวัยรุ่นหรือวัยทำงาน
ขั้นตอนการจัดฟัน ทำอย่างไรบ้าง
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะจัดฟันแน่นอน สิ่งต่อไปที่ควรรู้ก็คือขั้นตอนค่ะ วันนี้เราจะมาสรุปแบบง่าย ๆ ให้ทุกคนเข้าใจถึงกระบวนการ เพื่อที่จะได้เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับการรักษานั่นเอง
- ปรึกษาทันตแพทย์
ไปคลินิกปุ๊บ ไม่ใช่ว่าจะสามารถจัดฟันได้ปั๊บนะคะ ต้องเข้าพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาและตรวจสุขภาพช่องปากของเราก่อนว่ามีความผิดปกติหรือไม่ รวมไปถึงแนะแนวทางการรักษาเบื้องต้น ระยะเวลาในการติดตั้งเครื่องมือ และเสนอประเภทการจัดฟันต่าง ๆ พร้อมทั้งประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมด หากเราสงสัยอะไรถามคุณหมอให้ชัดเจน เพราะหากเริ่มแผนการจัดฟันไปแล้วมาเปลี่ยนทีหลังจะยุ่งยากกับทุกฝ่าย
- พิมพ์แบบจำลองฟันและเอกซเรย์
การพิมพ์ฟันหรือแบบจำลองฟันจำเป็นอย่างมากในการวางแผน เพื่อดูลักษณะฟันแต่ละซี่ และใช้เปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงของฟันตลอดช่วงเวลาในการรักษา ส่วนเรื่องเอกซเรย์ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะช่วยให้ทันตแพทย์มองเห็นรูปฟันและองค์ประกอบอื่น ๆ ภายในปาก ซึ่งไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ทั้งโครงสร้างกระดูกใบหน้า ขากรรไกร และลักษณะฟัน เพื่อวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องยิ่งขึ้น
- เคลียร์ช่องปาก
หลังจากตกลงแล้วว่าจะเลือกจัดฟันแผนไหน ทันตแพทย์จะแจ้งให้คนไข้ทราบว่าจะต้องถอนฟันซี่ไหนบ้าง และเคลียร์ช่องปากให้สะอาดก่อนการติดเครื่องมือจัดฟัน เช่น อุดฟัน ขูดหินปูน ผ่าฟันคุด รักษารากฟัน เป็นต้น ดังนั้น คนที่มีปัญหาฟันผุ หินปูนเยอะ อาจต้องเหนื่อยหน่อย เพราะไม่ว่าจะจัดฟันครั้งแรกหรือกี่ครั้งก็แล้วแต่ การเคลียร์ช่องปากให้อยู่ในสภาพพร้อมถือเป็นสิ่งสำคัญ
- ติดเครื่องมือจัดฟัน
ขั้นตอนนี้ทันตแพทย์จะเริ่มติดตั้งเครื่องมือจัดฟันให้กับเรา ซึ่งช่วงแรกจะรู้สึกระคายเคือง เพราะยังไม่ชินกับลวดหรือเครื่องมือจัดฟัน อาจจะรู้สึกปวดเสียวฟัน และต้องใช้เวลาแปรงฟันนานขึ้นกว่าเดิม
- พบทันตแพทย์ตามนัด
เมื่อจัดฟันเรียบร้อยแล้ว ต้องพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบสภาพช่องปากและเหล็กจัดฟัน ทุก ๆ 1-3 เดือน แล้วแต่ชนิดเครื่องมือ และต้องขูดหินปูนทุก 6 เดือน
จัดฟันเจ็บไหม กินอะไรได้บ้าง
หลังการจัดฟันครั้งแรก เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าจะมีอาการเจ็บปวดอยู่บ้างแน่นอน สาเหตุมาจากการติดหรือปรับเครื่องมือใหม่ ทำให้หลอดเลือดถูกกดจากแรงดัดฟัน จึงมักมีคำถามตามมาว่า จัดฟันกี่วันถึงหายปวด ? ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคน แต่ส่วนใหญ่อาการจะหายภายใน 7 วัน ซึ่งช่วงที่รู้สึกปวด สามารถกินยาแก้ปวดเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้ ส่วนใครถ้ากัดปากตัวเองจนเป็นแผล หรือเหล็กทิ่ม ให้ใช้ยาทาแผลในปากป้าย และที่สำคัญ ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่แข็งและเหนียว อย่างข้าวโพดคั่ว พิซซ่า เนื้อสัตว์ติดกระดูก ผลไม้ที่ต้องใช้ฟันกัดโดยตรง รวมถึงลูกอม หมากฝรั่ง คาราเมล ช็อกโกแลต เพราะจะทำให้เครื่องมือจัดฟันเสียหายได้ แนะนำให้เลือกกินอาหารประเภทนิ่ม ๆ เคี้ยวง่าย เพื่อลดอาการปวดฟัน เช่น ซุปไก่ ก๋วยเตี๋ยว ไข่ ขนมปังนุ่ม ๆ จะดีกว่าค่ะ
จัดฟันที่ไหนดี ?
มาถึงอีกคำถามที่มองข้ามไม่ได้ เพราะมีคนจำนวนมากจัดฟันกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานจนทำให้เกิดปัญหาตามมา ทั้งฟันล้ม รากฟันเน่า ดังนั้นจึงควรเลือกโรงพยาบาลหรือคลินิกทันตกรรมที่น่าเชื่อถือ ดูแลโดยทันตแพทย์ และต้องครบครันด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีทันสมัย มีใบรับรองตรวจสอบได้ รวมทั้งเดินทางสะดวก หรือมีหลายสาขาให้เลือก ทั้งนี้ สำหรับใครที่มองหาอยู่ เราขอแนะนำ PLUS Dental Clinic เพราะนอกจากจะตอบโจทย์ข้างต้นแล้ว ที่นี่ยังมาพร้อมกับความใส่ใจในการบริการ ทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกประทับใจตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนกระทั่งจบเคส และไม่ใช่แค่การจัดฟันเท่านั้นนะคะ ผู้ที่มีปัญหาช่องปากก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้เช่นกัน โดยมีบริการครอบคลุมทั้งการถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน ผ่าฟันคุด รักษารากฟัน และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เรียกว่าครบภายในคลินิกเดียวเลยล่ะ
หากใครที่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย พูดเลยว่าหายห่วง เพราะ PLUS Dental Clinic ยังมีแพ็กเกจโปรโมชั่นให้เลือกจ่ายได้ตามความสบายใจ เริ่มต้นแค่ 1,000 บาท และมีถึง 11 สาขาให้เลือกใช้บริการทีเดียว ได้แก่ อโศก, สาทร, อารีย์, รามคำแหง, อ่อนนุช, อุดมสุข, ลาดกระบัง, งามวงศ์วาน, แจ้งวัฒนะ, พระราม 2 และ ซีคอน บางแค เรียกว่าอยู่ใกล้ที่ไหนก็ไปที่นั่นได้เลย
การจัดฟันไม่ยากและไม่น่ากลัว หากเราเตรียมตัวดี ศึกษาข้อมูล ดูรีวิวให้ถี่ถ้วน และเลือกคลินิกทันตกรรมที่มั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลตลอดการรักษา ทั้งนี้ หากใครสนใจหรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถเข้าไปปรึกษาฟรีลงทะเบียนได้ที่ PLUS Dental Clinic ทุกสาขาใกล้บ้าน โทร. 083-597-3339 หรือทางเฟซบุ๊ก PLUS Dental Clinic เพราะการจัดฟันที่ดี เริ่มต้นด้วย “เรา” เลือก