x close

มารู้จัก คามู คามู King of Vitamin C ผลไม้ดี ๆ ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

          ชวนมารู้จัก “คามู คามู” ซูเปอร์ฟรุต (Superfruit) ที่ยืนหนึ่งเรื่องวิตามินซีมากกว่าผลไม้ชนิดไหน ๆ มาดูกันว่าคุณประโยชน์ของคามู คามู ดีต่อสุขภาพอย่างไร ทำไมจึงควรรับประทานเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน

           การมีสุขภาพที่ดีคือสิ่งสำคัญในยุคนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเราต้องเผชิญกับไวรัส เชื้อโรค ฝุ่น มลพิษมากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยบั่นทอนสุขภาพเราในทุกวัน ถ้าหากร่างกายไม่แข็งแรงพอย่อมมีโอกาสติดเชื้อก่อโรคได้ง่ายและเจ็บป่วยบ่อย ๆ แน่นอน ดังนั้นหลายคนจึงใส่ใจกับการเสริมภูมิคุ้มกันให้ตัวเองมากขึ้น ซึ่งนอกจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว การรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูงก็เป็นอีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้เช่นกันนะคะ

วิตามินซี ตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

คามู คามู

          เราอาจจะรู้จักวิตามินซีในบทบาทของการป้องกันโรคหวัด รักษาเลือดออกตามไรฟัน ทว่าก็ยังมีอีกหน้าที่สำคัญ นั่นก็คือการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง โดยมีการศึกษาพบว่า วิตามินซีมีส่วนกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวให้ดักจับและทำลายเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเม็ดเลือดขาวนี่ล่ะค่ะที่เป็นด่านหน้าในการต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ แสดงว่า ถ้าเม็ดเลือดขาวทำงานได้ดี โรคภัยไข้เจ็บก็จะไม่ย่างกรายเข้ามาทำร้ายเราง่าย ๆ

          ทั้งนี้ โดยปกติแล้วในวัยผู้ใหญ่ควรได้รับวิตามินซี ประมาณ 60-90 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากต้องการเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสต่าง ๆ อาจรับประทานได้ถึงวันละ 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งเมื่อพูดถึงผัก-ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ๆ หลายคนอาจนึกถึงส้ม มะนาว มาเป็นอันดับต้น ๆ ใช่ไหมคะ แต่รู้ไหมว่า จริง ๆ แล้วผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงที่สุดก็คือ "คามู คามู" ที่มีฉายาว่า “King of Vitamin C” และเราอยากชวนทุกคนไปทำความรู้จักผลไม้ชนิดนี้กันให้มากขึ้น

คามู คามู King of Vitamin C จากแดนลาติน

คามู คามู

          ในบ้านเราอาจจะไม่คุ้นกับผลไม้ที่ชื่อว่าคามู คามู (Camu Camu) เท่าไร เพราะเป็นผลไม้ที่มีแหล่งกำเนิดจากทวีปอเมริกาใต้ในพื้นที่ริมน้ำของเขตป่าฝนแถบแอมะซอน ซึ่งครอบคลุมอาณาเขตหลายประเทศ ทั้งบราซิล เปรู โคลอมเบีย เวเนซุเอลา และเอกวาดอร์ ลักษณะเป็นไม้พุ่มที่มีขนาดเล็กประมาณ 3-5 เมตร ผลสุกคามู คามู จะมีสีม่วงแดงเข้ม รูปทรงรีคล้ายผลของเชอร์รี รสชาติจะออกเปรี้ยว

          โดยผลไม้ชนิดนี้เป็นที่นิยมมาก ๆ ในกลุ่มคนรักสุขภาพ เนื่องจากมีผลวิจัยยืนยันว่า คามู คามู เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทั้งหมด คือ มีวิตามินซีสูงถึง 2,400-3,000 มิลลิกรัม ต่อเนื้อผลสด 100 กรัม ซึ่งมากกว่าส้มราว ๆ 50 เท่า และเมื่อเทียบกับมะนาวก็พบว่า คามู คามู มีปริมาณวิตามินซีมากกว่า 100 เท่า ไม่แปลกเลยที่ได้รับสมญานามว่าเป็น King of Vitamin C

7 สรรพคุณดี ๆ ของคามู คามู ที่รู้แล้วจะเลิฟ

คามู คามู

           นอกจากคามู คามู จะเป็น King of Vitamin C แล้ว ผลไม้ชนิดนี้ยังจัดเป็นซูเปอร์ฟรุตอีกด้วย เพราะไม่ได้มีดีแค่วิตามินซีสูงปรี๊ดเท่านั้น แต่ยังพกพาสารอาหารที่มีประโยชน์อื่น ๆ มาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย โพแทสเซียม แคลเซียม เหล็ก หรือสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มโพลีฟีนอลและแคโรทีนอยด์จำพวกลูทีน ซีแซนทีน และเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง จึงเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพกายและผิวพรรณของเรา ดังนี้

1. เสริมภูมิคุ้มกัน

          เพราะวิตามินซีมีบทบาทสำคัญต่อภูมิคุ้มกันของเรา เมื่อคามู คามู มีปริมาณวิตามินซีสูงมาก ประกอบกับมีสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มโพลีฟีนอลอีกหลายชนิด จึงมีส่วนช่วยบูสต์ระบบภูมิคุ้มกันของเราให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

2. ลดความรุนแรงของโรคหวัด

คามู คามู

           หากร่างกายได้รับวิตามินซีเป็นประจำจะช่วยลดความรุนแรงและย่นระยะเวลาการเป็นหวัดได้ โดยการรับประทานวิตามินซีเพื่อลดความรุนแรงของหวัดควรต้องรับประทานประมาณ 1,000-3,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งวิตามินซีในปริมาณนี้คามู คามู ให้ได้สบาย ๆ

3. ต้านอนุมูลอิสระ

          คามู คามู เป็นผลไม้ที่มีสารแอนติออกซิแดนท์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระสูงไม่แพ้วิตามินซี และมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน เช่น ฟลาโวนอยด์ แอนโทไซยานิน แคโรทีนอยด์ เอลลาจิกแอซิด คาเทชิน ฯลฯ ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยปกป้องไม่ให้อนุมูลอิสระไปทำลายเซลล์ของร่างกาย จนก่อให้เกิดความเสื่อมในอวัยวะต่าง ๆ ตามมา

4. ต้านการอักเสบ

          สารพฤกษเคมีหลายชนิดในคามู คามู นอกจากจะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ จึงอาจช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ เช่น อาการข้ออักเสบและข้อเข่าเสื่อม ที่เคยมีการศึกษาโดยให้อาสาสมัคร 20 คน สุ่มดื่มน้ำผลคามู คามู สกัดเข้มข้น 100% เทียบกับการรับประทานวิตามินซีอัดเม็ด ในปริมาณ 1,050 มิลลิกรัม เท่ากัน เป็นเวลาต่อเนื่อง 7 วัน พบว่า กลุ่มที่ดื่มมีภาวะการเกิดออกซิเดชั่นและภาวะการอักเสบลดลง ในขณะที่กลุ่มรับประทานวิตามินซีอัดเม็ดไม่พบผลดังกล่าว

5. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด

คามู คามู

          ไฟเบอร์ในผลคามู คามู มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด เช่นเดียวกับวิตามินซี ที่จะไปลดไขมันที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มไขมันดี (HDL) ในเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงภาวะไขมันอุดตันตามผนังหลอดเลือด พร้อมกับลดโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดไปด้วย อีกทั้งวิตามินซียังช่วยรักษาผนังหลอดเลือด เพิ่มการสังเคราะห์พรอสตาไซคลิน ซึ่งเป็นสารที่ยับยั้งการจับตัวเป็นก้อนของเกล็ดเลือด  ช่วยขยายหลอดเลือด เท่ากับช่วยป้องกันโรคหัวใจได้อีกทาง

6. บำรุงสายตา

           นอกจากคามู คามู จะมีวิตามินซีสูงแล้ว ยังพ่วงสารอาหารสำคัญสำหรับดวงตาอย่างลูทีน ที่ช่วยบำรุงแก้วตาและจอประสาทตา และเบต้าแคโรทีนที่มีส่วนช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตา ลดความเสี่ยงการเกิดต้อกระจกมาด้วย จึงช่วยบำรุงดวงตาของเราได้

7. ช่วยชะลอวัย

คามู คามู

           ไม่ใช่แค่ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย แต่สาว ๆ ที่อยากมีผิวสวยก็ต้องไม่พลาดคามู คามู เช่นกันนะคะ เนื่องจากสารแอนติออกซิแดนท์ในผลไม้ชนิดนี้จะช่วยปกป้องผิวจากการถูกอนุมูลอิสระทำลาย พร้อมกับเสริมสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนในชั้นโครงสร้างผิว จึงต่อต้านการเกิดริ้วรอยแห่งวัย และป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณสวยใส ดูอ่อนกว่าวัย ด้วยเหตุผลนี้ คามู คามู จึงถูกนำไปใช้ในวงการอุตสาหกรรมเครื่องสำอางมากขึ้นทั้งในญี่ปุ่นและยุโรป เช่น นำไปเป็นส่วนผสมของครีมบำรุงผิว เซรั่ม โลชั่น รวมทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
คามู คามู

           ได้เห็นประโยชน์ของคามู คามู ที่มีดีทั้งต่อสุขภาพและผิวพรรณแบบนี้ หลายคนคงเริ่มสนใจและอยากลิ้มลองผลไม้ที่ถูกขนานนามว่าเป็น King of Vitamin C กันแล้วใช่ไหมคะ แต่ก็ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ผลสดมีรสชาติเปรี้ยวมาก และอาจไม่คุ้นลิ้นกันเท่าไร แต่ถึงอย่างนั้นเราก็สามารถรับประทานคามู คามู ในรูปแบบต่าง ๆ ได้อีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นคามู คามู ที่เป็นส่วนผสมในอาหาร เช่น ไอศกรีม โยเกิร์ต กาแฟ สมูทตี้ สลัดต่าง ๆ รวมไปถึงในรูปแบบวิตามิน หรือสารสกัด ที่ปัจจุบันก็หาซื้อมารับประทานได้ง่ายแล้วด้วยนะ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มารู้จัก คามู คามู King of Vitamin C ผลไม้ดี ๆ ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน อัปเดตล่าสุด 21 เมษายน 2564 เวลา 14:54:29 24,261 อ่าน
TOP