สังเกตสัญญาณเสี่ยงจากไหนได้บ้าง
ในระยะเริ่มต้นที่หัวใจยังทำงานได้ปกติ ไม่บกพร่อง อาการของผู้ป่วยจะยังคงปกติดี ทว่าตราบใดที่หัวใจโตส่งผลให้หัวใจสูบฉีดเลือดไม่ดี อาจมีอาการแสดงดังต่อไปนี้ได้
1. หายใจลำบาก เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
2. หายใจเร็ว
3. เวียนศีรษะ รู้สึกอ่อนเพลียง่าย
4. ใจสั่น
5. มีอาการเท้าบวมในตอนสาย ๆ
6. ไอเฉพาะเวลานอน
7. มีอาการไอ เหนื่อย แน่นหน้าอก ขณะนอนราบ
ภาวะหัวใจโตเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน โดยส่วนใหญ่จะพบภาวะหัวใจโตจากภาวะ ดังนี้
* โรคความดันโลหิตสูง
* โรคความดันในปอดสูง
* โรคเบาหวาน
* โรคไขมันในเลือดสูง
* โรคหัวใจ เช่น โรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจ, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคลิ้นหัวใจ
* โรคโลหิตจาง
* โรคที่เกี่ยวกับต่อมไทรอยด์
* ผู้ที่รับประทานธาตุเหล็กมากเกินไป หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับโปรตีน
คนที่เสี่ยงกับโรคหัวใจโตจะเป็นคนในกลุ่มต่อไปนี้
1. ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง และมีความดันโลหิตสูงอย่างต่อเนื่อง หัวใจจะทำงานหนักและทำให้หัวใจโต
2. ผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจ ไม่ว่าจะลิ้นหัวใจตีบหรือลิ้นหัวใจรั่ว หรือมีการอักเสบติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ จะเสี่ยงภาวะหัวใจโตมากกว่าคนปกติ
3. ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ (Cardiomyopathy) จากพฤติกรรมดื่มสุราเป็นเวลานาน ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลาย และเกิดภาวะหัวใจโตได้
4. ผู้ป่วยโรคหัวใจพิการมาแต่กำเนิด เช่น โรคผนังหัวใจรั่ว เป็นต้น
5. ผู้ป่วยโรคเบาหวาน จะมีความเสี่ยงเกิดโรคหรือความผิดปกติกับหัวใจมากกว่าปกติถึง 7 เท่า เพราะระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงจะก่อความเสื่อมของผนังหลอดเลือดแดงทั่วร่างกายได้ง่าย และมักจะมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง หรือโรคอ้วน เป็นต้น
6. ผู้ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง
7. ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยโรคหัวใจ โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ
8. ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางหรือมีภาวะซีดเป็นเวลานาน
9. ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์
10. ผู้ที่รับประทานธาตุเหล็กมากเกินไปจนทำให้ร่างกายสะสมธาตุเหล็กและเกิดภาวะธาตุเหล็กเกิน (Hemochromatosis)
11. ผู้ป่วยโรคแอมีลอยโดซิส (Amyloidosis) ที่มีภาวะสารโปรตีนผิดปกติชนิดหนึ่งที่เรียกว่า แอมีลอย เข้าไปจับตัวอยู่ในกล้ามเนื้อหัวใจจนเป็นสาเหตุทำให้หัวใจล้มเหลวในที่สุด
12. ผู้ที่สูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่เป็นเวลานาน
13. ผู้สูงอายุที่มีความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายมากกว่าคนอายุน้อย ๆ
14. ผู้ที่มีภาวะอ้วน จะเสี่ยงภาวะหัวใจโตหรือมีความเสี่ยงโรคหัวใจมากขึ้น
15. ผู้ที่ติดสารเสพติดให้โทษชนิดต่าง ๆ
16. คนที่ไม่ออกกำลังกาย
17. คนที่มีภาวะเครียดบ่อย ๆ
คนที่มีภาวะหัวใจโตสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ถ้าดูแลตัวเองให้ดีและรับประทานยาตามแพทย์สั่งก็สามารถควบคุมอาการได้ ไม่ใช่ว่าเป็นแล้วจะต้องเสียชีวิตเสมอไป
แต่ในกรณีมีภาวะหัวใจโตที่เป็นมานานโดยไม่รู้ตัว จึงไม่ได้รักษา อาจส่งผลให้หัวใจทำงานผิดปกติไป และทำให้ใช้ชีวิตลำบากขึ้น โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ มักจะมีอาการเหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย นอนราบปกติไม่ได้ นอกจากนี้ผู้ที่มีภาวะหัวใจโตร่วมกับมีความผิดปกติทั้งระบบหัวใจและสมองพร้อม ๆ กัน อาจเสี่ยงต่อภาวะเส้นเลือดอุดตันจนเป็นเหตุให้หัวใจวายเฉียบพลัน เสียชีวิตกะทันหันได้
วิธีรักษาหัวใจโตแพทย์จะเลือกรักษาโดยอิงจากสาเหตุที่ทำให้หัวใจโต เช่น หากหัวใจโตจากโรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ก็จะรักษาด้วยยาตามโรคประจำตัวที่ผู้ป่วยเป็น ควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
แต่หากเป็นภาวะหัวใจโตจากความผิดปกติของหัวใจ เช่น ลิ้นหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว แพทย์จะรักษาด้วยยา หรือในเคสที่ผ่าตัดรักษาได้ก็จะใช้วิธีผ่าตัดแก้ไข เช่น ทำบอลลูน หรือฉีดสีที่ศูนย์หัวใจ เป็นต้น
เราสามารถป้องกันภาวะหัวใจโตได้ ดังนี้
* รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่อ้วน
* หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
* ไม่สูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่
* หลีกเลี่ยงการดื่มสุราและสารเสพติดให้โทษทุกชนิด
* ตรวจสุขภาพประจำปี โดยควรตรวจหัวใจด้วย เพื่อดูว่ามีขนาดของหัวใจโตกว่าปกติหรือไม่ โดยเฉพาะผู้ที่ครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหัวใจ
คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โรงพยาบาลเวชธานี
โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
รายการเรื่องเล่าเช้านี้
โรงพยาบาลรามคำแหง