นมโอ๊ต มีดีขนาดไหน ทำไมถึงเป็นเทรนด์ฮิตที่ใคร ๆ ก็ดื่ม

          มารู้จัก “นมโอ๊ต" นมพืชที่มาแรงที่สุดแห่งปี เพราะเต็มเปี่ยมด้วยประโยชน์ ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ แถมยังเข้าเทรนด์รักษ์โลกด้วยนะ
ประโยชน์ของนมโอ๊ต

          เทรนด์อาหาร Plant based หรือการเน้นกินพืช ผัก ธัญพืช ทดแทนเนื้อสัตว์ เติบโตไวและมาแรงมากตั้งแต่ช่วงปี 2019 เนื่องจากคนเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพ และตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน สอดคล้องกับพฤติกรรมการดื่มนมที่พบว่าคนในยุคนี้มีปัญหาแพ้แลคโตสในนมวัวกันมาก จึงต้องมองหานมพืชทางเลือกใหม่ ๆ มาทดแทน

          อย่างในฝั่งอเมริกาและยุโรป เห็นได้ชัดเลยว่ามีจำนวนคนบริโภคนมวัวลดลงเรื่อย ๆ สวนทางกับนมพืชอย่างนมโอ๊ต หรือ Oat Milk ที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเป็นนม Plant based ที่มีกระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อโลก ใช้ทรัพยากรไม่มาก ปล่อยมลพิษน้อยกว่านมวัว และใช้น้ำน้อยกว่านมพืชอื่น ๆ หลายตัว อีกทั้งนมโอ๊ตยังเป็นนมพืชที่มีรสชาติดี ดื่มง่ายไม่ต่างจากนมวัว และยังเต็มเปี่ยมไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพ ตอบโจทย์ทั้ง 2 ทางแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่นมโอ๊ตจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของใครหลายคน เราเลยอยากชวนมาตามเทรนด์สุขภาพให้ทัน ด้วยการพามาทำความรู้จักนมโอ๊ตกันค่ะ

นมโอ๊ต นม Plant based ทางเลือกใหม่ ประโยชน์ดีได้ใจ แถมอร่อยด้วย

          นมโอ๊ต คือ นมที่ผลิตมาจากข้าวโอ๊ต เป็นนม Plant based หรือนมพืชที่ใคร ๆ ก็ดื่มได้ ไม่ว่าจะสายเฮลธ์ตี้ คนกินเจ วีแกน มังสวิรัติ ที่สำคัญประโยชน์ของนมโอ๊ตยังดีต่อสุขภาพมากมาย ดังนี้

1. มีไฟเบอร์ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล

          ข้าวโอ๊ตเป็นโฮลเกรน ธัญพืชไม่ขัดสีที่มีประโยชน์ดีต่อสุขภาพ จึงทำให้นมโอ๊ตอุดมไปด้วยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ และมีสารอาหาร เช่น ธาตุเหล็ก ที่มากกว่านมพืชชนิดอื่น ๆ อย่างนมถั่วเหลืองหรือนมอัลมอนด์ อีกทั้งจากการศึกษาในกลุ่มผู้ชายที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงก็พบว่า การดื่มนมโอ๊ต 3 แก้ว (ปริมาณ 750 มิลลิลิตร) ทุกวัน ติดต่อกัน 5 สัปดาห์ มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ราว 3% และลดไขมันชนิดไม่ดีได้ราว 5% นอกจากนี้ในงานวิจัยเล็ก ๆ ในกลุ่มอาสาสมัครเพศหญิงก็พบว่าได้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกันด้วย

2. ไม่มีสารก่อภูมิแพ้

          ทราบหรือไหมว่า กว่า 65% ของประชากรทั่วโลก ไม่สามารถย่อยแลคโตสในนมวัวได้ เวลาดื่มนมวัวเลยมักจะเกิดอาการท้องเสีย ท้องอืด หรือคนที่แพ้ถั่วก็จะไม่สามารถดื่มนมถั่วเหลืองหรือนมอัลมอนด์ได้เช่นกัน แต่สำหรับนมโอ๊ตจะไม่มีสารก่อให้เกิดภูมิแพ้เหมือนอย่างพืชบางชนิด เพราะฉะนั้นคนที่แพ้แลคโตส แพ้ถั่ว หรือแพ้กลูเตน จึงดื่มได้สบายหายห่วง แต่ทั้งนี้เวลาเลือกซื้อนมโอ๊ตก็ควรดูที่ฉลากให้ดีด้วยนะคะว่าเป็นนมโอ๊ตที่ gluten-free หรือไม่
ประโยชน์ของนมโอ๊ต

3. อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ

          เมื่อเราดื่มนมโอ๊ต 1 แก้ว จะได้รับคุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารสำคัญมากมาย ทั้งโปรตีน แคลเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินบี 2 วิตามินบี 12 และยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำมากกว่านมอัลมอนด์หรือนมถั่วเหลือง อีกทั้งยังมีคาร์โบไฮเดรตคุณภาพดี จึงเป็นแหล่งพลังงานที่ดีให้กับร่างกาย และช่วยให้อยู่ท้อง

4. มีเบต้ากลูแคนช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

          นอกจากมีแคลเซียมและวิตามินหลายชนิดแล้ว นมโอ๊ตยังมีเบต้ากลูแคน ซึ่งเป็นสารอาหารที่หาได้จากธัญพืชอย่างข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ หรือในเชื้อราอย่างเห็ดและยีสต์ ในขณะที่นมพืชชนิดอื่น ๆ จะไม่มีสารตัวนี้ โดยเบต้ากลูแคนมีประโยชน์ในการช่วยปรับสมดุลภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวให้กำจัดเชื้อโรคและเซลล์แปลกปลอมได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยปรับระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ระดับความดันโลหิต ชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้ากระแสเลือด ฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า ฟื้นฟูระบบประสาท และยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ รู้อย่างนี้แล้วมาดื่มนมโอ๊ตเพื่อให้ร่างกายได้เบต้ากลูแคนกันเถอะ

5. ไขมันต่ำ ปราศจากคอเลสเตอรอล

          ประโยชน์ของนมโอ๊ตอีกข้อคือ ไม่มีคอเลสเตอรอลที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคหัวใจ เพราะนมโอ๊ตผลิตมาจากพืช ซึ่งนอกจากจะไม่มีคอเลสเตอรอลแล้ว สารสำคัญ “เบต้ากลูแคน” ที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้านี้ ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้อีก ส่วนปริมาณไขมันก็ต่ำกว่านมวัวค่อนข้างมาก ใครที่พยายามหลีกเลี่ยงไขมันสัตว์ นมโอ๊ตถือเป็นตัวเลือกที่ทดแทนนมวัวได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
ประโยชน์ของนมโอ๊ต

นมโอ๊ตดื่มง่าย อร่อย รสชาติคล้ายนมวัว

          หลายคนอาจจะเคยดื่มนมพืชอย่างนมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ หรือนมพิสตาชิโอ แล้วไม่ค่อยชอบใจกลิ่นเฉพาะตัวของนมเหล่านี้เท่าไร แต่สำหรับนมโอ๊ตนั้นหายห่วงเรื่องกลิ่นไปได้เลย เพราะจะออกกลิ่นครีมหอม ๆ ไม่มีกลิ่นพืชเหมือนนมทางเลือกอื่น แถมรสชาติยังดีมากเป็นที่ถูกใจของใครหลาย ๆ คน อร่อย ดื่มง่าย ไม่ต่างจากนมวัวเลย เรียกได้ว่าถ้าได้ลองดื่มนมโอ๊ตแล้วจะต้องติดใจ ไม่อยากกลับไปดื่มนมอื่น ๆ เลยทีเดียว และด้วยรสชาติที่คล้ายนมวัวแบบนี้ นมโอ๊ตจึงถูกนำมาใช้ทำเมนูเครื่องดื่มและอาหารอย่างหลากหลายไม่ต่างจากนมวัวเลย ไม่ว่าจะเป็นเมนูกาแฟต่าง ๆ ที่ปัจจุบันร้านกาแฟส่วนมาก หรือแม้แต่ Starbucks ก็เลือกใช้นมโอ๊ตเป็นนมทางเลือกหลัก เพราะรสชาติเข้ากับกาแฟได้เป็นอย่างดี บวกกับยังตีโฟมนมได้อย่างเนียนนุ่มไม่แพ้นมวัวเลย
ประโยชน์ของนมโอ๊ต

นมโอ๊ต มีดีต่อร่างกาย แถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

          นอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพแล้ว รู้ไหมว่านมโอ๊ตยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยอนุรักษ์โลกด้วย โดยจากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Oxford ประเทศอังกฤษ พบว่ากระบวนการผลิตนมโอ๊ตปล่อยมลพิษ (Emissions) สู่อากาศน้อยกว่านมวัวถึง 3 เท่า อีกทั้งใช้พื้นที่ในการเพาะปลูกน้อยกว่า และนมโอ๊ตยังใช้น้ำเพียง 1 ใน 8 ของกระบวนการผลิตนมอัลมอนด์อีกด้วย นั่นหมายความว่า กระบวนการผลิตนมโอ๊ตช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในหลาย ๆ ด้าน และช่วยลดก๊าซเรือนกระจก จึงไม่น่าแปลกใจที่นมโอ๊ตจะมาแรงในยุคนี้ และได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพและรักษ์โลกอย่างท่วมท้น
ประโยชน์ของนมโอ๊ต

          เห็นประโยชน์ของนมโอ๊ตเต็มเปี่ยมขนาดนี้ ถ้าใครเป็นคนรักสุขภาพ หรือแพ้นมวัว แพ้นมถั่ว และกำลังมองหานมทางเลือกใหม่ ๆ ที่ทั้งเฮลธ์ตี้และดีต่อสิ่งแวดล้อม คงอยากดื่มนมโอ๊ตแล้วใช่ไหมล่ะ วันนี้ทางเราจึงอดไม่ได้ที่อยากจะแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับนมโอ๊ตแบรนด์ “Goodmate” ที่กำลังเป็นกระแสในประเทศไทยอยู่ในตอนนี้ โดยนมโอ๊ต Goodmate ผลิตจากข้าวโอ๊ตธรรมชาติเต็มเม็ดจากออสเตรเลีย 100% มีรสชาติเนียนนุ่มและเข้มข้นเหมือนนมวัว และยังออร์แกนิกสุด ๆ ตรงที่ไม่เติมน้ำตาล ไม่มีสารให้ความหวาน ปราศจากสารปรุงแต่งทุกชนิด ไม่ว่าจะวัยเด็ก ผู้ใหญ่ หรือใคร ๆ ก็สามารถดื่มได้ เพราะปราศจากสารก่อภูมิแพ้ทุกชนิด อาทิ แลคโตส ถั่ว และกลูเตน เรียกได้ว่าหากใครได้ลองแล้วอาจจะไม่กลับไปง้อนมอื่นอีกเลย

ประโยชน์ของนมโอ๊ต

ประโยชน์ของนมโอ๊ต

          ใครอยากลองดื่มนมโอ๊ตเพื่อสุขภาพดี ๆ อย่าง Goodmate สามารถหาซื้อได้ที่ Tops Supermarket และซูเปอร์มาร์เกตทั่วไป มี 2 รสชาติด้วยกัน คือ นมโอ๊ตรสออริจินัล และนมโอ๊ตรสช็อกโกแลต ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ goodmateglobal ได้เลยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก
Goodmate Global, business insider, Eatingwell, BBC, Disthai, Healthline
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นมโอ๊ต มีดีขนาดไหน ทำไมถึงเป็นเทรนด์ฮิตที่ใคร ๆ ก็ดื่ม อัปเดตล่าสุด 21 มิถุนายน 2564 เวลา 16:13:15 117,402 อ่าน
TOP
x close