เครื่องผลิตออกซิเจน ยี่ห้อไหนดี ราคาไม่เกิน 20,000 บาท ไอเทมขายดีช่วงโควิด

           ทำความรู้จัก เครื่องผลิตออกซิเจน เครื่องมือสำคัญที่ช่วยรักษาระดับออกซิเจนของร่างกาย พร้อมแนะนำยี่ห้อและรุ่นที่น่าใช้ในราคาไม่เกิน 20,000 บาท

          เพราะผู้ป่วยโควิด 19 มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีแนวโน้มต้องรอเตียงนานกว่าเดิม บางคนก็จำเป็นต้องรักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) ทำให้เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพาเป็นอีกหนึ่งไอเทมขายดีในช่วงนี้ ทั้งซื้อไว้ใช้ที่บ้าน หรือซื้อไปบริจาคให้สถานพยาบาลต่าง ๆ เนื่องจากเจ้าเครื่องนี้สามารถสร้างออกซิเจนบริสุทธิ์ให้กับผู้ป่วยที่มีภาวะโควิดลงปอด จนค่าออกซิเจนในเลือดลดลงเหลือต่ำกว่า 96% จึงเป็นตัวช่วยหนึ่งที่จะลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

          วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาทุกคนไปรู้จักกับเครื่องผลิตออกซิเจนว่าทำงานอย่างไร ใครบ้างที่จำเป็นต้องใช้ รวมถึงแนะนำแบรนด์เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา ในราคาไม่เกิน 20,000 บาทด้วยค่ะ
  
เครื่องผลิตออกซิเจน คืออะไร
เครื่องผลิตออกซิเจน

           เครื่องผลิตออกซิเจน หรือ เครื่องเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจน เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อผลิตและเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจนในอากาศ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือผู้ที่ต้องการออกซิเจนมากกว่าคนปกติ เนื่องจากมีปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำ โดยทั่วไปแล้วมักจะใช้ควบคู่กับเครื่องช่วยหายใจ และต้องเป็นการใช้งานที่ได้รับการอนุญาตจากแพทย์แล้วเท่านั้น
เครื่องผลิตออกซิเจน ภาษาอังกฤษคือ Oxygen Concentrator
เครื่องผลิตออกซิเจน ทำงานยังไง
           เครื่องผลิตออกซิเจนจะทำงานโดยใช้หลัก PSA (Pressure Swing Adsorption) กล่าวคือ ในอากาศจะประกอบด้วยออกซิเจนประมาณ 21% ไนโตรเจน 78% และก๊าซอื่น ๆ เครื่องนี้จะใช้ซีโอไลต์ (Zeolite) ที่มีรูพรุนดูดซับไนโตรเจนและก๊าซอื่น ๆ ออกจากอากาศที่เข้าสู่เครื่อง ทำให้ได้ออกซิเจนที่มีความเข้มข้นสูงสุดถึง 96%
เครื่องผลิตออกซิเจน มีแบบไหนบ้าง

1. เครื่องผลิตออกซิเจนแบบ Continuous Flow

           เป็นอุปกรณ์ผลิตออกซิเจนที่มีการไหลแบบต่อเนื่อง ใช้งานง่าย สะดวก เพราะจัดการตั้งค่าปริมาณออกซิเจนให้เหมาะสมกับผู้ป่วยได้ดีกว่าแบบ Pulse Dose โดยสามารถผลิตออกซิเจนได้มากกว่า 3 ลิตร/นาที จึงสามารถรองรับความต้องการออกซิเจนได้หลากหลายกว่า เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการออกซิเจนตั้งแต่ 2-5 ลิตรต่อนาที แต่เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ น้ำหนักเยอะ หลายแบรนด์จึงทำให้มีล้อเลื่อนเพื่อให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก

2. เครื่องผลิตออกซิเจนแบบ Pulse Dose

           เป็นเครื่องผลิตออกซิเจนที่ส่งออกมาเป็นระยะ ๆ ตามการหายใจเข้าของผู้ป่วย สามารถผลิตออกซิเจนได้ตั้งแต่ 450-1,250 มิลลิลิตร/นาที เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการออกซิเจนไม่มากนัก หรือไม่เกิน 2 ลิตร/นาที มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา บางยี่ห้อมาพร้อมกับสายสะพายไหล่หรือกระเป๋าเป้ขนาดเล็กสำหรับพกพา
เครื่องผลิตออกซิเจน vs ถังออกซิเจน
ต่างกันอย่างไร

          แม้ว่าทั้งสองอุปกรณ์จะถูกออกแบบมาเพื่อให้ออกซิเจนกับผู้ป่วยที่มีปัญหาทางเดินหายใจ และช่วยรักษาระดับออกซิเจนให้คงที่ แต่ทั้งสองก็มีข้อแตกต่างกันดังนี้

  • เครื่องผลิตออกซิเจน : ใช้งานง่าย แค่เสียบปลั๊ก เปิดเครื่องก็ใช้งานได้ทันที ประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า เพราะเป็นการซื้อครั้งเดียวแล้วใช้งานได้ยาว ๆ แต่ก็มีข้อเสียคือ ต้องใช้ไฟฟ้าอยู่เสมอ ถ้าไฟดับก็ไม่สามารถใช้ได้ และไม่สามารถใช้ในระหว่างการเดินทางได้ เพราะเครื่องถูกออกแบบมาให้ใช้กับไฟบ้านเท่านั้น จึงจำเป็นจะต้องมีถังออกซิเจนสำรองเตรียมเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินด้วย
  • ถังออกซิเจน : ให้ออกซิเจนที่บริสุทธิ์กว่า โดยมีความเข้มข้นอยู่ที่ประมาณ 99% (ในขณะที่เครื่องผลิตออกซิเจนให้ได้สูงสุดที่ 93-96%) ใช้งานบนรถหรือระหว่างการเดินทางได้ เพราะมีหลายขนาด หลายความจุ เคลื่อนย้ายได้สะดวก แต่ก็มีปัญหาเรื่องสิ้นเปลือง เพราะต้องคอยเติมออกซิเจนอยู่บ่อย ๆ และเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า 
เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา ใช้กับใครได้บ้าง

          ในการใช้งานเครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความยินยอมและใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น โดยผู้ป่วยที่สามารถใช้เครื่องนี้ได้ มีดังนี้

  • ผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคอื่น ๆ ที่มีอาการหอบเหนื่อย หายใจไม่สะดวก รวมถึงผู้ป่วยที่ต้องพ่นยารักษาอาการด้วย 

  • ผู้ป่วยที่มีระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนต่ำกว่า 85% ซึ่งหมายถึงผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีอาการแน่นหน้าอก หายใจเร็วและลำบาก ไอแล้วเหนื่อย หรือผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบ 

  • ผู้ป่วยเจาะคอที่ต้องใส่หน้ากากครอบคอ หรือใช้อุปกรณ์กระปุกแบบปรับได้

วิธีใช้เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา
เครื่องผลิตออกซิเจน

  1. เติมน้ำกลั่นทางการแพทย์ หรือสเตอร์ไรด์ (Sterile Water) ลงในกระบอกเก็บความชื้น ในปริมาณกึ่งกลางกระบอก ปิดฝากระบอกให้แน่น แล้วนำไปต่อเข้าตัวเครื่อง 

  2. ต่อสายแคนนูลา (สายออกซิเจนเสียบจมูก) เข้าที่ทางออกออกซิเจนของตัวเครื่อง และอีกด้านหนึ่งต่อเข้ากับผู้ใช้ เปิดเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที เพื่อเป็นการวอร์มเครื่อง 

  3. หมุนปรับมิเตอร์การไหลของออกซิเจน โดยขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ 

  4. เมื่อใช้งานเสร็จ ให้ถอดสายแคนนูลาออก ปิดเครื่อง และถอดปลั๊ก

ข้อควรระวังในการใช้งาน
          ในการใช้งานเครื่องผลิตออกซิเจนให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ควรพิจารณาถึงข้อควรระวังต่อไปนี้
  1. ควรวางเครื่องให้ห่างจากเปลวไฟ หรืออุปกรณ์ที่อาจทำให้เกิดประกายไฟอย่างน้อย 2 เมตร 

  2. ระวังไม่ให้เครื่องถูกน้ำหรือสัมผัสกับอากาศชื้น ไม่ควรวางเครื่องไว้ในห้องน้ำ ใกล้สระน้ำ หรือแหล่งน้ำอื่น ๆ ในกรณีที่เครื่องโดนน้ำ ให้รีบปิดเครื่องและถอดปลั๊กออกทันที 

  3. หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ หรือห้ามสูบบุหรี่ในห้องที่มีการใช้งานเครื่อง 

  4. ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสเปรย์ในห้องที่มีเครื่องผลิตออกซิเจนกำลังทำงานอยู่ รวมถึงสเปรย์ฉีดผม สเปรย์ฉีดร่างกาย หรือแม้กระทั่งสเปรย์ปรับอากาศด้วย 

  5. จัดเก็บเครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพาให้ถูกต้องและเหมาะสมเมื่อต้องเดินทางไปไหนมาไหน เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับตัวเครื่อง 

  6. พยายามอยู่ในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดี ห้ามปิดกั้นช่องระบายอากาศ เพราะการอุดตันของรูระบายอากาศอาจจะขัดขวางประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องได้ 

  7. ไม่ควรวางเครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพาติดกับผนังห้องจนเกินไป ควรจะเว้นให้มีช่องว่างห่างจากกำแพงประมาณ 1 ฟุต และไม่ควรวางบนพื้นพรม ฟูก หรือโฟม 

  8. หมั่นทำความสะอาดเครื่องทั้งภายนอกและภายใน โดยภายนอกอาจจะใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ด จากนั้นใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดอีกครั้ง และใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้ง ส่วนภายในเครื่องก็ควรถอดไส้กรองมาล้างน้ำและผึ่งลมให้แห้ง รวมถึงควรเปลี่ยนไส้กรองใหม่ทุก ๆ 6 เดือนด้วย 

  9. หากเครื่องมีการทำงานที่ผิดปกติ เช่น ไฟไม่ติด ปรับค่าออกซิเจนไม่ได้ ควรรีบแจ้งแพทย์เพื่อทำการปรับแก้ใหม่ทันที 

วิธีเลือกซื้อเครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา

เครื่องผลิตออกซิเจน

           เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา มีคุณสมบัติ ประโยชน์ และการใช้งานที่แตกต่างกัน ซึ่งในการใช้งานนั้นจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อให้รู้ถึงปริมาณออกซิเจนต่อลิตรที่ผู้ป่วยต้องการเสียก่อน และควรพิจารณาถึงประเด็นอื่น ๆ ต่อไปนี้

1. ขนาดความจุและอัตราการไหลของออกซิเจน

          จัดเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการพิจารณาเลือกซื้อเครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา เพราะขนาดและอัตราการไหล หมายถึง อัตราในการผลิตและเป่าออกซิเจนจากเครื่องส่งไปยังผู้ป่วย โดยเครื่องขนาด 1 ลิตร สามารถใช้งานได้ทั่วไป แต่ถ้าเป็นขนาดตั้งแต่ 3 ลิตรขึ้นไป ต้องได้รับคำแนะนำและอัตราการไหลของออกซิเจนที่เหมาะสมจากแพทย์ก่อน โดยสามารถแบ่งตามความจุของเครื่องได้ดังนี้

  • ขนาด 1 ลิตร : สามารถปรับการไหลแรงลมของออกซิเจนให้เข้าสู่ร่างกายผู้ใช้งานได้สูงสุด 1 ลิตร/นาที เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจ และการนอนหลับ เช่น หายใจไม่สะดวก นอนไม่ค่อยหลับ หลับ ๆ ตื่น ๆ หรือผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงนัก 

  • ขนาด 3 ลิตร : สามารถปรับการไหลแรงลมของออกซิเจนให้เข้าสู่ร่างกายผู้ใช้งานได้สูงสุด 3 ลิตร/นาที มีขนาดกะทัดรัด พกพาไปนอกสถานที่ได้ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาทางเดินหายใจ หายใจไม่สะดวก หอบเหนื่อย หรือผู้สูงอายุ

  • ขนาด 5 ลิตร : สามารถปรับการไหลแรงลมของออกซิเจนให้เข้าสู่ร่างกายผู้ใช้งานได้สูงสุด 5 ลิตร/นาที ใช้งานได้ทั้งในบ้าน โรงพยาบาล และสามารถพกพาไปบนรถหรือเครื่องบินได้ บางรุ่นมีแบตเตอรี่ในตัวด้วย เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจเป็นหลัก เช่น โรคหอบเหนื่อย โรคหอบหืด หรือผู้ป่วยติดเตียง ที่ต้องได้รับการติดตามอาการจากโรงพยาบาล

  • ขนาด 8 ลิตร : สามารถปรับการไหลแรงลมของออกซิเจนให้เข้าสู่ร่างกายผู้ใช้งานได้สูงสุด 8 ลิตร/นาที ส่วนใหญ่เป็นแบบตั้งโต๊ะ แต่ก็สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องเจาะคอ หรือผู้ที่ต้องการออกซิเจนมากกว่าปกติ รวมถึงผู้ป่วยที่มีปัญหาทางด้านการหายใจ

  • ขนาด 10 ลิตร : สามารถปรับการไหลแรงลมของออกซิเจนให้เข้าสู่ร่างกายผู้ใช้งานได้สูงสุด 10 ลิตร/นาที เป็นเครื่องผลิตออกซิเจนแรงดันสูง เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เจาะคอ หรือผู้ที่มีอาการโคม่าและต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์

2. ความเข้มข้นของออกซิเจน

           หลังจากบีบอัดและกรองภายในเครื่องผลิตออกซิเจนแล้ว ออกซิเจนที่ส่งไปยังผู้ป่วยจะมีปริมาณออกซิเจนบริสุทธิ์ตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด ค่านี้เรียกว่า ความเข้มข้นของออกซิเจน โดยทั่วไปเครื่องผลิตออกซิเจนจะมีระดับความเข้มข้นของออกซิเจนที่ทำได้อยู่ระหว่าง 87-99% แตกต่างกันไปตามยี่ห้อและรุ่นความจุ

3. กำลังไฟ

           เพราะเครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพาโดยทั่วไปใช้ไฟฟ้า เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ถ้าเครื่องไหนใช้กำลังไฟสูง ก็ย่อมกินไฟมากตามไปด้วย จึงควรเลือกให้เหมาะสม

4. น้ำหนัก

          สำหรับผู้ป่วยที่นอนโรงพยาบาลอาจจะไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายมากนัก สามารถใช้เครื่องผลิตออกซิเจนที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักเยอะได้ แต่สำหรับผู้ป่วยที่นอนพักรักษาอาการที่บ้าน ก็ควรเลือกเครื่องที่เป็นแบบพกพา ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา หรือแบบที่มีล้อเลื่อนเพื่อให้เคลื่อนที่ได้สะดวก

5. เสียงรบกวน

           เครื่องผลิตออกซิเจนในบ้านทำงานโดยดึงอากาศจากสิ่งแวดล้อมเข้ามาและกรองออกซิเจนออก ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงได้ในบางครั้ง หากไม่ต้องการให้มีเสียงรบกวนก็ควรเลือกเครื่องที่ทำงานเงียบ โดยให้มีระดับเสียงอยู่ระหว่าง 40-60 เดซิเบล ซึ่งเสียงประมาณ 40 เดซิเบลเทียบได้กับเสียงนกร้องหรือในห้องสมุด และเสียงระดับ 60 เดซิเบลเทียบได้กับเสียงพูดคุยปกติหรือเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่นั่นเอง

6. ฟังก์ชันอื่น ๆ

           อาทิ หน้าจอแสดงผลการทำงานต่าง ๆ ของเครื่อง ระบบตั้งเวลาปิดอัตโนมัติ การควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรล หรือระบบพ่นยา รวมไปถึงสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติต่าง ๆ

7. การรับประกันและบริการหลังการขาย

           ผู้ผลิตและจำหน่ายแต่ละรายจะมีนโยบายการรับประกันที่แตกต่างกัน รวมถึงบริการหลังการขายด้วย จึงควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนการเลือกซื้อ
แนะนำเครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา
ในราคาไม่เกิน 20,000 บาท
           ทุกวันนี้เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพากำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก ซึ่งในท้องตลาดก็มีให้เลือกหลากหลายรุ่นและยี่ห้อ ราคาตั้งแต่ 10,000 ไปจนถึง 90,000 บาท ขึ้นอยู่กับความจุและฟังก์ชันต่าง ๆ วันนี้เราจะขอแนะนำเครื่องที่มีราคาประมาณ 20,000 บาท และมีปริมาณความจุตั้งแต่ 3-7 ลิตร ที่น่าจะเหมาะกับการใช้งานในบ้านหรือสถานพยาบาลต่าง ๆ ดังนี้

1. เครื่องผลิตออกซิเจน Haier รุ่น HA105

เครื่องผลิตออกซิเจน

ภาพจาก lazada.co.th

          เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา ปรับการไหลของออกซิเจนได้ตั้งแต่ 1-7 ลิตร/นาที ให้ความเข้มข้นออกซิเจนไม่ต่ำกว่า 93±3% มีระบบการกรอง 8 ระดับช่วยเพิ่มความบริสุทธิ์ให้ออกซิเจนอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 48 ชั่วโมง ผ่านการทดสอบความปลอดภัยอย่างละเอียด หน้าจอสัมผัสอัจฉริยะขนาดใหญ่ ใช้งานได้สะดวก แถมยังมีแอปพลิเคชันสำหรับควบคุมการทำงานจากระยะไกลผ่านโทรศัพท์มือถือด้วย
  • กำลังไฟ : 120 วัตต์

  • ระดับเสียง : 40 เดซิเบล

  • ขนาด : 21 x 21.5 x 30.5 เซนติเมตร

  • น้ำหนัก : 5.5 กิโลกรัม 

  • ราคาประมาณ : 12,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า)

2. เครื่องผลิตออกซิเจน Link Care รุ่น Y007-3W

เครื่องผลิตออกซิเจน

            เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา ปรับการไหลของออกซิเจนได้ 3 ลิตร/นาที และในกรณีฉุกเฉินสามารถเพิ่มได้ถึง 5 ลิตร/นาที ให้ความเข้มข้นออกซิเจนไม่ต่ำกว่า 93±3% มีระบบ Anion ปล่อยประจุลบ ทำให้หายใจสบายขึ้น รวมถึงมีปุ่มสำหรับพ่นยาอยู่ข้างหลังตัวเครื่อง สามารถพ่นยาได้ พร้อมฟังก์ชันรีโมตคอนโทรลสั่งงานจากระยะไกล หน้าจอ LCD แสดงผลการทำงานเสริมด้วยปุ่มพร้อมไฟแบล็กไลท์เพื่อความชัดเจนและสะดวกต่อการใช้งาน มีตัวจับเวลาสำหรับการควบคุมแบบเรียลไทม์เมื่อถึงเวลาสูดออกซิเจน และระบบการตรวจสอบความเข้มข้นที่จะแจ้งเตือนเมื่อออกซิเจนลดลง
  • ระดับเสียง : 40 เดซิเบล

  • น้ำหนัก : 12 กิโลกรัม 

  • ราคาประมาณ : 13,500 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า)

3. เครื่องผลิตออกซิเจน Yuwell รุ่น 8F-3AW

เครื่องผลิตออกซิเจน

ภาพจาก yuwellthailand.com 

           เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา สามารถปรับอัตราการไหลของออกซิเจนได้ 0-3 ลิตร/นาที ให้ความเข้มข้นออกซิเจนไม่ต่ำกว่า 93±3% มีระบบตั้งเวลาปิดได้ และหน้าจอ LCD แสดงผลการทำงาน พร้อมการแจ้งเตือนในกรณีผิดปกติต่าง ๆ เช่น ไฟฟ้าขัดข้อง ความดันผิดปกติ ออกซิเจนต่ำ หรือหากระบบผิดพลาดหรือความร้อนสูงเกินไป เครื่องจะดับและหยุดการทำงานอัตโนมัติ ตัวเครื่องได้รับการออกแบบให้มีความเรียบหรู ขนาดกะทัดรัด จัดเก็บง่าย สะดวกต่อการใช้งาน
  • กำลังไฟ : 230 วัตต์

  • ระดับเสียง : 46 เดซิเบล

  • ขนาด : 48.5 x 34 x 60 เซนติเมตร 

  • น้ำหนัก : 13.6 กิโลกรัม 

  • ราคาประมาณ : 16,900 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า)

4. เครื่องผลิตออกซิเจน CANTA รุ่น VH5-N 5 L.

เครื่องผลิตออกซิเจน

ภาพจาก cantamedical.com

          เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา ขนาด 5 ลิตร ปรับการไหลของออกซิเจนได้ตั้งแต่ 0.5-5 ลิตร/นาที ให้ความเข้มข้นออกซิเจน 93±3% มีระบบปรับ Flowmeter Digital Dial ที่สามารถปรับได้ละเอียดครั้งละ 0.1 ลิตร/นาที และฟังก์ชันการพ่นยาในตัวเครื่อง พร้อมหน้าจอ LED แสดงผลเวลาและการทำงานแบบดิจิทัล และการตั้งเวลาปิดอัตโนมัติสูงสุด 5 ชั่วโมง มีตัวกรองอากาศแบบละเอียดถึง 2 ชั้น และช่องระบายอากาศ 3 ช่องทาง ลดเสียงดังรบกวน
  • กำลังไฟ : 285 วัตต์ 

  • ระดับเสียง : <45 เดซิเบล 

  • ขนาด : 37.5 x 25.2 x 52 เซนติเมตร 

  • น้ำหนัก : 14 กิโลกรัม 

  • ราคาประมาณ : 19,500 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า)

5. เครื่องผลิตออกซิเจน KONSUNG รุ่น KSN-5N

เครื่องผลิตออกซิเจน

ภาพจาก konsung.com

          เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา ขนาด 5 ลิตร สามารถปรับอัตราการไหลได้ตั้งแต่ 0.5-5 ลิตร/นาที และความเข้มข้นของออกซิเจนได้ถึง 93±3% มีแรงดันพ่นออกของออกซิเจน 30-70 kPa ใช้ Molecular Sieve (ตะแกรงกรองโมเลกุลขนาดเล็ก) คุณภาพสูงจากประเทศฝรั่งเศส มีฟังก์ชันพ่นยามาพร้อมกับชุดอุปกรณ์พ่นยา หน้าจอแสดงผลรายละเอียดเวลาสะสมและเวลาขณะเปิดเครื่อง รวมถึงมีสัญญาณเตือนในกรณีที่ไฟฟ้าขัดข้องหรือความดันผิดปกติ สามารถตั้งเวลาปิดได้สูงสุด 10 ชั่วโมง ทำงานต่อเนื่องได้ 24 ชั่วโมง และควบคุมการทำงานด้วยรีโมตคอนโทรล
  • กำลังไฟ : 350 วัตต์ 

  • ระดับเสียง : <50 เดซิเบล 

  • ขนาด : 33.5 x 31.5 x 45 เซนติเมตร 

  • น้ำหนัก : 16 กิโลกรัม 

  • ราคาประมาณ : 18,500 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า)

6. เครื่องผลิตออกซิเจน Longfian รุ่น Jay-5

เครื่องผลิตออกซิเจน

ภาพจาก longfian.com

          เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา ขนาด 5 ลิตร ปรับอัตราการไหลได้ตั้งแต่ 0-5 ลิตร/นาที และความเข้ข้นของออกซิเจนได้ 93-96% พร้อมฟังก์ชันพ่นยา ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงถึง 24 ชั่วโมง และมีระบบแจ้งเตือนเมื่อเกิดไฟฟ้าขัดข้องหรือความดันผิดปกติ
  • กำลังไฟ : <550 วัตต์ 

  • ระดับเสียง : <50 เดซิเบล

  • ขนาด : 37.5 x 36.5 x 60 เซนติเมตร 

  • น้ำหนัก : 26 กิโลกรัม 

  • ราคาประมาณ : 19,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า)

7. เครื่องผลิตออกซิเจน AERTI รุ่น AR-5-N

เครื่องผลิตออกซิเจน

ภาพจาก aertimedical.en

         เครื่องผลิตออกซิเจนแบบกพา จากประเทศจีน ขนาด 5 ลิตร สามารถปรับอัตราการไหลได้ 5(±10%) ลิตร/นาที และความเข้มข้นได้ถึง 93±3% มีแรงดันพ่นออกของออกซิเจน 40-80 kPa พร้อมฟังก์ชันพ่นยา และหน้าจอ LCD พับได้ ขนาด 3.5 นิ้ว แสดงจำนวนชั่วโมงการทำงานทั้งหมดของเครื่อง และค่าความผิดปกติของเครื่องผลิตออกซิเจนขณะใช้งาน หากเกิดความผิดปกติกับตัวเครื่องจะมีสัญญาณเตือนอัตโนมัติ และมีสัญญาณเตือนเมื่อความเข้มข้นของออกซิเจนลดลงถึง <82%(+-3%) ใช้งานได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
  • กำลังไฟ : 390 วัตต์ 

  • ระดับเสียง : <45 เดซิเบล 

  • ขนาด : 31.4 x 24 x 51.5 เซนติเมตร 

  • น้ำหนัก : 13.9 กิโลกรัม 

  • ราคาประมาณ : 19,500 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า)

8. เครื่องผลิตออกซิเจน OWGELS รุ่น OZ-5-01TWO

เครื่องผลิตออกซิเจน

ภาพจาก owgelsgroup.com

           เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา ขนาด 5 ลิตร ที่มีเทคโนโลยีและควบคุมการผลิตจากประเทศเยอรมัน สามารถปรับอัตราการไหลได้ 1-5 ลิตร/นาที ผลิตความเข้มข้นของออกซิเจนได้ 93 ± 3 % มีแรงดันพ่นออกของออกซิเจน 50 +/-2kPa พร้อมฟังก์ชันพ่นละอองยาได้ไม่ต่ำกว่า 0.18 มิลลิลิตร/นาที โดยข้อต่อช่องพ่นยาเป็นอิสระแยกต่างหากจากข้อต่อช่องออกซิเจน มั่นใจในความปลอดภัยด้วยระบบ Exceed Press Safety Valve (วาล์วนิรภัย) ที่จะระบายแรงดันภายในระบบออก ซึ่งจะทำงานเองโดยอัตโนมัติเมื่อมีแรงดันเกินกว่าค่าที่ตั้งไว้ และระบบส่งสัญญาณเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติของตัวเครื่องผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลการทำงาน สะดวกในการใช้งานเพราะมีล้อเลื่อนเคลื่อนย้ายได้ง่าย
  • กำลังไฟ : 350 วัตต์ 

  • ระดับเสียง : <50 เดซิเบล 

  • ขนาด : 34 x 30 x 65 เซนติเมตร

  • น้ำหนัก : 19 กิโลกรัม 

  • ราคาประมาณ : 20,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า)

           เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพาเป็นเพียงตัวช่วยให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนที่บริสุทธิ์ ซึ่งจะต้องได้รับการแนะนำจากแพทย์ว่าจำเป็นต้องใช้ในการรักษา และไม่ได้เป็นอุปกรณ์สำหรับช่วยชีวิต ดังนั้นหากเกิดปัญหาใด ๆ ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ และปฏิบัติตามข้อควรระวังที่มีระบุไว้คู่มือการใช้งานของเครื่องอย่างเคร่งครัด รวมถึงหมั่นตรวจเช็กทำความสะอาดและเปลี่ยนไส้กรองตามเวลาที่กำหนดไว้เพื่อให้เครื่องสามารถทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งานนะคะ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เครื่องผลิตออกซิเจน ยี่ห้อไหนดี ราคาไม่เกิน 20,000 บาท ไอเทมขายดีช่วงโควิด อัปเดตล่าสุด 9 สิงหาคม 2564 เวลา 09:03:41 29,730 อ่าน
TOP
x close