โรคร้ายที่ผู้หญิงต้องรู้จัก (คู่หูเดินทาง)
มะเร็งปากมดลูก ถือเป็นโรคร้ายอันดับแรกของสาวไทยทีเดียว โรคนี้บางครั้งอาจไม่แสดงอาการนานถึง 15 ปี สาเหตุมาจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น
การมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย
การมีคู่นอนหลายคน
การตั้งครรภ์หรือมีลูกหลายคน
มีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะเชื้อไวรัสหูดหงอนไก่ (Human Papilloma Virus (HPV)
การรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ๆ
มีคู่นอนที่เข้าข่ายเหล่านี้ คือ ผู้ชายที่มีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย ผู้ชายที่เป็นมะเร็งองคชาติ ผู้ชายที่เคยมีภรรยาเป็นมะเร็งปากมดลูก ผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น การสูบบุหรี่ มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ จากพันธุกรรม และการขาดสารอาหารบางชนิด
มีอาการแบบไหนถึงควรรีบไปตรวจ?
มะเร็งปากมดลูกมักพบในสตรีอายุ 45-55 ปี แต่ตอนนี้มักตรวจพบมะเร็งปากมดลูกก่อนวัยอันควร และปัจจุบันก็พบในอายุน้อยลง โดยเซลล์ปากมดลูกผิดปกติมักพบในวัยเจริญพันธุ์ มะเร็งปากมดลูกมักไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจน จึงเป็นสาเหตุให้การวินิจฉัยกระทำได้ช้า และมักตรวจพบเมื่อเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว ที่สำคัญผู้หญิงส่วนมากมักปฏิเสธการตรวจภายใน เพราะอายและกลัว และมักจะไม่มีอาการ จึงละเลยการตรวจร่างกาย
อาการเตือนอาจมีได้ดังนี้
1. ตกขาวสีเหลือง มีกลิ่น ปนเลือด
2. เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด (อาจพบหลังมีเพศสัมพันธ์)
3. ปวดท้องน้อย (พบในกรณีมะเร็งลุกลามเนื้อเยื้อในช่องเชิงกราน)
4. ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะเป็นเลือด (พบในกรณีมีการลุกลามไปกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย)
5. เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
6. ขาบวม (มะเร็งลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง)
การรักษา
หากรู้แต่เนิ่น ๆ ในขั้นที่ 1-2 สามารถใช้การจี้ด้วยไฟฟ้าหรือตัดชิ้นเนื้อนั้นออกไป แต่ในขั้นที่ 3 นั้นก็ต้องตัดมดลูกทิ้ง เพื่อไม่ให้ลามไปอวัยวะอื่น ๆ ไม่ต้องทำคีโมหรือฉายแสงใด ๆ ในขั้นที่ 4 นั้น ต้องตัดมดลูกทิ้งเช่นกัน แล้วต้องฉายแสงหรือทำคีโมเพื่อให้มะเร็งหยุดลุกลาม
การป้องกัน
เวลามีเพศสัมพันธ์ก็ควรใช้ถุงยางอนามัย
ไปตรวจภายในทุกปี
สาวที่มีเซ็กส์ครั้งแรกก็ควรจะตรวจได้แล้วไม่ว่าอายุเท่าไหร่ แต่ถ้าสาวโสดควรตรวจเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปนะ
ตอนนี้มีวัคซีนป้องกันแล้ว แต่จะให้ได้ผลดีควรฉีดก่อนที่จะมีเซ็กส์ครั้งแรก ทั้งนี้ สามารถสอบถามเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ตามโรงพยาบาลชั้นนำ
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก