มะเร็งตับทำชายตายก่อนวัย ซึมเศร้าคร่าชีวิตหญิงก่อนแก่ (ไทยโพสต์)
แพทย์เผยชายอายุ 45-59 ปี ทนทุกข์จากโรคมะเร็งตับมากที่สุด ส่วนโรคหลอดเลือดหัวใจ คร่าชีวิตชายอายุ 60 ปีขึ้นไปมากที่สุด ขณะที่ผู้หญิงคือโรคเบาหวาน
ดร.ทพ.ญ.กนิษฐา บุญธรรมเจริญ หัวหน้าโครงการศึกษาภาระโรคและปัจจัยของประเทศไทย สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ศึกษาปัจจัยภาระโรค และปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุของคนไทยพิการหรือตายก่อนวัยอันควร จากการเก็บข้อมูลในผู้มีอายุก่อนสูงวัยคือ อายุ 45-59 ปี และผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำข้อมูลไปใช้วางแผนป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่จะบั่นทอนสุขภาพ ความพิการ และการเสียชีวิตของผู้สูงอายุ ทั้งนี้ พบว่า สาเหตุที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตอันดับแรกคือ โรคต้อกระจก โรคสมองเสื่อม รองลงมาคือโรคเบาหวาน
ดร.ทพ.กนิษฐากล่าวอีกว่า วิธีวัดปัญหาสุขภาพใช้ดัชนีที่เรียกว่า "การสูญเสียปีสุขภาวะ" ซึ่งหนึ่งปีสุขภาวะที่สูญเสีย เท่ากับการสูญเสียการมีสุขภาพดีไปหนึ่งปี เป็นดัชนีที่บอกผลจากโรคทั้งในมุมมองของการทำให้ต้องตายก่อนวัยอันควร และทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยหรือพิการ โดยกลุ่มชายก่อนวัยสูงอายุสูญเสียปีสุขภาวะจากโรคมะเร็งตับมากที่สุด ตามด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ส่วนหญิงก่อนวัยสูงอายุคือ โรคเบาหวาน รองมาเป็นโรคซึมเศร้า
ด้านกลุ่มชายวัยสูงอายุสูญเสียปีสุขภาวะด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ตามด้วยโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง เช่น ปอดอักเสบ หอบหืด สำหรับหญิงสูงอายุสูญเสียปีสุขภาวะจากโรคเบาหวานมากที่สุด ขณะที่อุบัติเหตุจราจร การติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และโรคเอดส์ที่พบว่า ติด 10 อันดับแรกของสาเหตุของการสูญเสียปีสุขภาวะของวัยก่อนสูงอายุ แต่กลับไม่ติด 10 อันดับในสาเหตุการเสียปีสุขภาวะของวัยสูงอายุแต่อย่างใด เนื่องจากพฤติกรรมในแต่ละช่วงวัยที่แตกต่างกัน แต่กลับพบว่า ความผิดปกติทางประสาท เช่น โรคสมองเสื่อม เป็นสาเหตุอันดับที่ 4 ของหญิงสูงอายุ
ทั้งนี้ ผลการศึกษาครั้งนี้จะนำไปสู่การวางแผนหามาตรการป้องกัน และการจัดระบบบริการรองรับที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม การสร้างพฤติกรรมที่ช่วยให้มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ ทั้งในช่วงวัยสูงอายุและตั้งแต่ก่อนถึงวัยสูงอายุ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพดีที่ยืนยาว
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
