ความเครียด มลพิษ ไวรัสยังไม่หายไป ยิ่งป่วยบ่อยเท่าไร ซีซันนี้ยิ่งต้องใส่ใจระบบภูมิคุ้มกัน !

        อยากเสริมภูมิคุ้มกันให้สตรองทำได้ไม่ยาก เพราะการโหมงานหนัก ภาวะสถานการณ์ข้างนอก ทำให้ภูมิตก หรือต้องรับมือกับเชื้อโรคภายนอกจนเริ่มป่วยบ่อย ผิวพรรณไม่สดใส ดังนั้นซีซันนี้ต้องใส่ใจตัวเองให้มากขึ้น !
ภูมิคุ้มกัน

          มีคนจำนวนไม่น้อยที่ทำงานหนักจนแทบไม่ได้พักผ่อน เผชิญกับความเครียดเป็นประจำ แถมเมื่อต้องออกไปข้างนอกก็เจอกับมลพิษ ฝุ่นควัน และยังเสี่ยงต่อไวรัสที่กลายพันธุ์อยู่เรื่อย ๆ ด้วยสภาพอากาศและสถานการณ์ภายนอกที่เราหลีกเลี่ยงกันไม่ค่อยได้แบบนี้นี่แหละค่ะ ที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ภูมิคุ้มกันตก !

          แล้วภูมิคุ้มกันสำคัญอย่างไร ? แน่นอนว่านี่คือกลไกตามธรรมชาติที่จะคอยต่อต้านไม่ให้เชื้อโรคเข้ามาทำอันตรายต่อร่างกาย แต่เมื่อภูมิคุ้มกันตก ความสามารถในการต้านทานเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมของร่างกายจะถดถอยลง เซลล์ต่าง ๆ ก็พากันเสื่อมโทรม พาให้สุขภาพโดยรวมรวนไปได้ สังเกตจากอาการ 3 วันดี 4 วันไข้ ป่วยบ่อย ป่วยง่าย หรือมีอาการรุนแรงกว่าปกติ เพราะไม่มีเกราะป้องกัน ดังนั้นก่อนร่างจะพังและผิวพรรณจะแย่ จากความเครียด มลพิษ หรือไวรัสกลายพันธุ์ที่ยังไม่หายไปไหนจากสังคมโลก หันมาใส่ใจระบบภูมิคุ้มกันที่เป็นปราการสำคัญในการป้องกันความเจ็บป่วยต่าง ๆ กันดีกว่า ด้วยวิธีง่าย ๆ ทำได้ทุกวัน

5 วิธีเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำง่าย ๆ ได้ทุกวัน
ภูมิคุ้มกัน

1. นอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ

          การนอนหลับพักผ่อนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการมีสุขภาพดี และยังช่วยชะลอวัย เพราะหากอดนอน หรือนอนอย่างไร้คุณภาพ การฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายก็จะทำได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันต้องทำงานหนักขึ้น โดยสร้างและสลายเซลล์เม็ดเลือดขาวทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็น เมื่อต้องออกโรงจัดการเชื้อโรคจริง ๆ ความสามารถในการต้านทานเชื้อโรคก็จะลดลงได้ หรือที่เรียกว่าภูมิคุ้มกันต่ำ ภูมิคุ้มกันตก จนทำให้ป่วยได้ง่าย หรือป่วยได้รุนแรงกว่าที่ควรจะเป็น

          ดังนั้น คนที่อยากมีภูมิคุ้มกันแข็งแรง รีเฟรชตัวเองให้ดูสดใส ไม่โทรม ควรนอนหลับอย่างมีคุณภาพ คือ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง ถ้าเป็นไปได้ควรเข้านอนก่อนเวลา 22.00 น. เพื่อให้สมองหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ออกมามากที่สุด ฮอร์โมนตัวนี้นอกจากจะช่วยฟื้นฟูระบบต่าง ๆ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอแล้ว ยังช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง และยิ่งนอนหลับได้สนิทเท่าไร ก็เหมือนร่างกายได้ชาร์จแบตเต็มที่ ตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า

2. ผ่อนคลายความเครียด

          ความเครียดไม่เคยดีต่อสุขภาพไม่ว่าจะในแง่ไหน คนที่เครียดง่าย เครียดบ่อย คงจะสังเกตเห็นความอ่อนล้า อ่อนเพลีย ทั้งทางสีหน้าและแววตา แถมยังอาจมีอาการแสดงอื่น ๆ เช่น เป็นหวัดง่าย ผื่นขึ้น ท้องเสียบ่อย หรือท้องเสียเรื้อรัง เนื่องจากฮอร์โมนแห่งความเครียดจะส่งผลให้ร่างกายผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลง และเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ถูกผลิตมาก็จะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าที่ควร เมื่อเจอเชื้อโรคจึงอาจต้านทานได้ไม่ดีดังเดิม ฉะนั้นเพื่อเป็นการฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน เรามาผ่อนคลายความเครียดกันดีกว่าค่ะ เช่น ลองหางานอดิเรกทำ ดูหนัง ฟังเพลง นั่งสมาธิ หรือหาเวลาออกไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ได้

3. ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน

          การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและเป็นประจำช่วยเพิ่มการทำงานของภูมิต้านทาน เนื่องจากจะไปกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ได้รับออกซิเจนมากขึ้น อีกทั้งยังส่งเสริมการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เราควรเลือกออกกำลังกายในระดับปานกลาง เช่น เดินเร็ว 30 นาที ทุกวัน แต่หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนักเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง

4. รับประทานอาหารให้สมดุล

           ปฏิเสธไม่ได้ว่าพฤติกรรมการรับประทานอาหารเป็นปัจจัยสำคัญของการมีสุขภาพดี ดั่งคำว่า You are what you eat หากเลือกอาหารที่ดี ครบหลักโภชนาการ 5 หมู่ เน้นอาหารไขมันต่ำ ผัก ผลไม้ ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และช่วงวัย และดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ก็จะได้รับสารอาหารที่หลากหลายและครบถ้วน โดยเฉพาะวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันของเรา

5. เติมสารอาหารที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน

          อย่างที่บอกว่าอาหารมีส่วนสำคัญกับการสร้างภูมิคุ้มกันไม่น้อย และทราบไหมคะว่ายังมีสารอาหารบางชนิดที่ยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เปรียบเสมือนเกราะป้องกันให้ร่างกาย ได้แก่
  • วิตามินซี : จัดเป็นวิตามินตัวท็อป ๆ ในวงการเสริมภูมิคุ้มกัน โดยผลการศึกษาทางการแพทย์ พบว่า วิตามินซีเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์เม็ดเลือดขาว อีกทั้งยังมีสรรพคุณกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนัง สามารถหารับประทานได้จากอาหารประเภทผัก-ผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้รสเปรี้ยว และผลไม้ตระกูลเบอร์รี
     
  • เควอซิทิน (Quercetin) : สารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids) มีฤทธิ์ป้องกันและยับยั้งการติดเชื้อไวรัส ซึ่งถ้าใครอยากให้ร่างกายได้รับสารเควอซิทินก็มองหาพืชตระกูลถั่วสายพันธุ์ญี่ปุ่น (Sophora Japonica) หรือแอปเปิล องุ่นแดง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ได้เลย  
     
  • สารต้านอนุมูลอิสระ : พบได้มากในอาหารประเภทพืชผัก-ผลไม้ ทำหน้าที่กำจัดอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเสื่อมถอย จนก่อให้เกิดโรคเรื้อรังอื่น ๆ ตามมา หากเราได้รับในปริมาณที่เพียงพอก็จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดจากภาวะความเครียดของร่างกาย (Oxidative Stress) ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้นได้อีกด้วย
     
  • วิตามินดี : มีส่วนลดการติดเชื้อของจุลินทรีย์ ลดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างสมบูรณ์ พบมากในไข่แดง น้ำมันตับปลา ปลาน้ำจืด รวมทั้งการสัมผัสแสงแดดในช่วงเช้า  
          อย่างไรก็ดี การรับประทานอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ครบถ้วนแบบนี้อาจทำได้ยากในชีวิตประจำวัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเราสามารถเลือกรับประทานวิตามินเสริมที่มีสารอาหารเหล่านี้ได้ค่ะ
Vistra Imu-Pro C Acerola Cherry 2000 Plus 
เสริมภูมิคุ้มกัน พร้อมดูแลผิวพรรณไปในตัว
Vistra Imu-Pro C Acerola Cherry 2000 Plus

          ถ้ากำลังมองหาวิตามินเสริมที่มีสารสกัดตัวสำคัญ ๆ ต่อระบบภูมิคุ้มกันและผิวพรรณในเม็ดเดียว "VISTRA Imu-Pro C Acerola Cherry 2000 Plus" (วิสทร้า ไอมู-โปร ซี อะเซโรลา เชอร์รี่ 2000 พลัส) ผลิตภัณฑ์ใหม่จาก VISTRA ก็มีสารอาหารสำคัญเหล่านี้อย่างครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซีจากอะเซโรลา เชอร์รี่, เควอซิทิน, สารสกัด SpectraTM, วิตามินดี 3 ซึ่งแต่ละตัวล้วนมีจุดเด่นในด้านเสริมภูมิคุ้มกันและต่อต้านอนุมูลอิสระ ดังนี้
วิตามินซีจากสารสกัดอะเซโรลา เชอร์รี่ จากสวิตเซอร์แลนด์
Vistra Imu-Pro C Acerola Cherry 2000 Plus

          อะเซโรลา เชอร์รี่ (Acerola Cherry) เป็นซูเปอร์ฟรุต (Superfruit) ที่มีวิตามินซีสูงกว่าส้มและมะนาว 50-100 เท่า ทำงานควบคู่ไปกับเควอซิทินในการกำจัดอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังและโรคที่เกิดจากการติดเชื้อต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการศึกษาพบว่า วิตามินซีในรูปแบบธรรมชาติที่อยู่ในผลอะเซโรลา เชอร์รี่ ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าวิตามินซีในรูปแบบสังเคราะห์ จึงคงคุณค่าของวิตามินซีธรรมชาติ และไม่ระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร ไม่เพียงแต่วิตามินซีเท่านั้น ในอะเซโรลา เชอร์รี่ ยังมีไฟโตนิวเทรียนท์ เช่น แอนโธไซยานิน โพลีฟีนอล และแคโรทีนอยด์ เป็นต้น
เควอซิทิน
          จัดเป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์จากธรรมชาติที่มีสรรพคุณเสริมความแข็งแรงให้เซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ รวมไปถึงเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด 19 ได้ดีขึ้น เมื่อทำงานร่วมกับสารอาหารในกลุ่มวิตามินซีและวิตามินดี เนื่องจากวิตามินเหล่านี้จะช่วยให้เควอซิทินออกฤทธิ์ได้ยาวนานขึ้น
สารสกัด SpectraTM
Vistra Imu-Pro C Acerola Cherry 2000 Plus

           เป็นสารสกัดจากผัก-ผลไม้ 24 ชนิด ที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา อุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์ที่มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าสารอาหารที่ได้จากผัก-ผลไม้ธรรมดาทั่วไป เพราะคัดตัวเต็งด้านความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระ หรือค่า ORAC (Oxygen Radical Absorbance Capacity) ในระดับที่สูงมากมาอยู่ใน SpectraTM ยิ่งหากรับประทานร่วมกับอะเซโรลา เชอร์รี่ เควอซิทิน และซิตรัสไบโอฟลาโวนอยด์ ก็จะยิ่งเพิ่มค่าการต่อต้านอนุมูลอิสระได้สูงกว่า 400,000 ORAC Value/100 g ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าส้มถึง 200 เท่า จึงช่วยเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เสมือนมีเกราะป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระตัวร้ายมาทำลายเซลล์ดี และยังฟื้นฟูเซลล์ผิวให้กลับมาดูสดใส  
วิตามินดี 3
          เป็นวิตามินที่อยู่ในเซลล์ต่าง ๆ รวมไปถึงเซลล์ภูมิคุ้มกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการช่วยลดการอักเสบ ต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย
ด้วยสารอาหารที่ผสานพลังกันหลายชนิด
"VISTRA Imu-Pro C Acerola Cherry 2000 Plus"
จึงเป็นวิตามินที่มีสารสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้ภูมิคุ้มกันร่างกาย
ในหลาย ๆ มิติในขวดเดียว 
Vistra Imu-Pro C Acerola Cherry 2000 Plus

ส่องจุดเด่น VISTRA Acerola Cherry ทั้ง 2 สูตร
Vistra Imu-Pro C Acerola Cherry 2000 Plus

          ทีนี้หลายคนอาจจะเคยรับประทานสูตรเดิม คือ "VISTRA Acerola Cherry 1000 mg & Citrus Bioflavonoids Plus" (วิสทร้า อะเซโรลา เชอร์รี่ 1,000 มก. & ซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์ พลัส) มาก่อน แล้วสงสัยว่าแต่ละสูตรต่างกันอย่างไร ก็ต้องบอกว่าขวดเดิมจะมีสารสกัดจากอะเซโรลา เชอร์รี่ 1,000 มิลลิกรัม มาพร้อมกับสารสกัดจากทับทิมและเมล็ดองุ่นที่มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ลดจุดด่างดำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวพรรณเป็นพิเศษ และคนที่เป็นหวัดบ่อย หรือต้องการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน

          ในขณะที่สูตรใหม่ "VISTRA Imu-Pro C Acerola Cherry 2000 Plus" ขวดนี้อัดสารสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันมาอย่างแน่น ๆ ทั้งสารสกัดจากอะเซโรลา เชอร์รี่ จากส่วนผล 2,000 มิลลิกรัม พ่วงด้วยเควอซิทิน สารสกัด SpectraTM จากผัก-ผลไม้ 24 ชนิด และวิตามินดี 3 ซึ่งไม่มีในสูตรเดิม เห็นได้ชัดว่าสูตรใหม่เน้นประโยชน์เรื่องภูมิคุ้มกันมาเป็นอันดับแรก เสมือนสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแรงให้ร่างกายจากภายในเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคที่อยู่รอบนอกได้อย่างเต็มที่ และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีในสารสกัด SpectraTM ก็ยังช่วยปกป้องและฟื้นฟูผิวพรรณให้แข็งแรงไปพร้อม ๆ กันด้วย 
Vistra Imu-Pro C Acerola Cherry 2000 Plus

          แต่ไม่ว่าจะเป็น VISTRA สูตรไหน ทั้งสองขวดก็ให้สารสำคัญในด้านนั้น ๆ มาอย่างจัดเต็ม ถือเป็น 2 ทางเลือกในการเสริมภูมิคุ้มกันและต่อต้านอนุมูลอิสระ ใครอยากเสริมสิ่งที่ขาดตรงจุดใดก็เลือกซื้อเลือกหามารับประทานได้เลย
Vistra Imu-Pro C Acerola Cherry 2000 Plus

          การใช้ชีวิตหนัก ๆ มาอย่างต่อเนื่อง จนอ่อนเพลีย ป่วยบ่อย ผิวแพ้ง่าย ซีซันนี้ต้องใส่ใจตัวเองมากขึ้นแล้วนะคะ ด้วยการดูแลระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดี เสริมความแข็งแรงจากภายในไว้ก่อน เพื่อต่อต้านสารอนุมูลอิสระตัวร้าย เชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอม ที่อาจทำให้เจ็บป่วยง่ายและผิวดูโทรมกว่าวัย โดยหนึ่งในวิธีเติมสารสำคัญที่ช่วยเรื่องเสริมภูมิคุ้มกันหลาย ๆ ตัวพร้อมกันง่าย ๆ ได้ทุกวัน ก็แค่รับประทาน "VISTRA Imu-Pro C Acerola Cherry 2000 Plus" วันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร โดย 1 กระปุก บรรจุ 30 เม็ด ราคาปกติเพียง 550 บาท สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาชั้นนำทั่วไป หรือถ้าใครอยากรู้จักผลิตภัณฑ์ของ Vistra ให้มากกว่านี้ ก็แวะเข้ามาได้ที่ เฟซบุ๊ก VISTRA หรือติดตามข้อมูลข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ vistra.co.th ค่ะ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ความเครียด มลพิษ ไวรัสยังไม่หายไป ยิ่งป่วยบ่อยเท่าไร ซีซันนี้ยิ่งต้องใส่ใจระบบภูมิคุ้มกัน ! อัปเดตล่าสุด 4 ตุลาคม 2565 เวลา 17:45:06 3,414 อ่าน
TOP