คนรู้จักที่ห่างหายกันไปนาน พอกลับมาเจอกันอีกทีสงสัยบ้างไหมคะว่า ทำไมชอบทักกันเกี่ยวกับเรื่องรูปร่าง เช่นว่า ผอมลงนะ หรือ อวบขึ้นหรือเปล่า นอกจากการสังเกตจากรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ก็ยังสังเกตุจากใบหน้าได้ด้วยว่าซูบเซียวหรืออวบอูมขึ้นมากเท่าใด ซึ่งใบหน้านับว่าเป็นปราการด่านแรกที่เราจะมองเมื่อพบปะผู้คนเลยทีเดียว
สาว ๆ หลายคนพอน้ำหนักมีการขึ้นลง ส่วนที่เปลี่ยนแปลงนำไปก่อนเป็นอันดับแรกก็คือใบหน้านี่เอง ก็เลยพากันระวังเรื่องน้ำหนักขึ้นเอามาก ๆ เพราะแค่เข็มตาชั่งปัดขึ้นนิดเดียว หน้าก็บวมจนแทบจะมองไม่เห็นคางอยู่แล้ว และแน่นอนหากจะลดสัดส่วนเฉพาะที่ใบหน้าก็คงเป็นไปได้ยาก แต่หากสาว ๆ ได้ลองทำตามคำแนะนำที่หยิบมาฝากกันในวันนี้ก็จะช่วยให้คุณสาว ๆ ลดน้ำหนักได้พร้อมกับทำให้หน้าบวม ๆ เรียวเล็กลงเป็นอันดับแรกด้วย อ๊ะ ๆ อยากรู้แล้วล่ะสิว่าต้องทำยังไงบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ
1. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
หากคุณเป็นคนดื่มน้ำน้อย รีบเปลี่ยนมาจิบน้ำบ่อย ๆ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเถอะค่ะ เพราะร่างกายที่ได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะพยายามกักเก็บน้ำเอาไว้ภายในให้มากที่สุด สิ่งที่ตามมาก็คืออาการบวมน้ำที่มือ เท้า และใบหน้านั่นเอง หากดื่มน้ำได้พอดีกับความต้องการของร่างกาย ระบบภายในร่างกายก็จะทำงานได้ปกติ มีการกักเก็บและระบายน้ำออกมาอย่างสมดุล ไม่ต้องกลัวหน้าอูมด้วยอาการบวมน้ำแน่นอนค่ะ
2. ทานผักผลไม้แทนขนมขบเคี้ยว
ลองเปลี่ยนพฤติกรรมทานขนบขบเคี้ยวระหว่างวัน มาเป็นการทานผักหรือผลไม้แทน นอกจากจะได้น้ำและความหวานตามธรรมชาติแล้ว ยังได้เซลลูโลสซึ่งทำให้อยู่ท้องไปจนถึงมื้ออาหาร ซึ่งจะช่วยให้คุณลดการบริโภคแป้งในอาหารมื้อนั้นได้ง่ายขึ้นด้วย และหากว่าคุณกลัวจะอ้วนจากน้ำตาลที่ได้จากผักและผลไม้แล้วล่ะก็ เลิกกังวลไปได้เลยค่ะ ในขนมที่เรามักจะทานกันนั้นมีน้ำตาลเยอะกว่าในผักผลไม้เป็นไหน ๆ แถมแคลอรีก็สูงกว่าเห็น ๆ ที่สำคัญคุณเคยได้ยินว่าใครอ้วนเพราะกินผลไม้หรือเปล่าล่ะ
3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น เหล้า เบียร์ ไวน์ บรั่นดี ฯลฯ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญของการบวมน้ำ แถมยังมีปริมาณแคลอรีสูงกว่าเครื่องดื่มทั่ว ๆ ไปอีกด้วย
4. เสริมแคลเซียมให้ร่างกายมากกว่าที่เคย
ในหนึ่งวันร่างกายต้องการแคลเซียมไม่ต่ำกว่า 1,000 มิลลิกรัม เพื่อช่วยให้กระบวนการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะได้แคลเซียมตามปริมาณที่ร่างกายต้องการจากนม 3 แก้ว หรือโยเกิร์ต 800 กรัม หรือได้จากการทานปลา ซึ่งปลากระป๋องเองก็ให้แคลเซียมได้ดีเช่นกัน รวมทั้งถั่วต่าง ๆ ก็ด้วย
5. ลดปริมาณพลังงานลงวันละ 500 กิโลแคลอรี
ในการลดน้ำหนักทุก ๆ 0.5 กิโลกรัม คุณต้องกำจัดพลังงานให้ได้ 3,500 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น ลองเริ่มทำให้ได้จากวันละ 500 กิโลแคลอรี ดูก่อนก็ได้ค่ะ ซึ่งทำได้ง่าย ๆ โดยการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานไปสัก 250 กิโลแคลอรี จากการเดินเร็ว 30 นาที หรือการออกกำลังกายหนัก 20 นาที และกำจัดอีก 250 กิโลแคลอรีจากมื้ออาหารของคุณ โดยปรับเปลี่ยนจากพฤติกรรมทานของหวานหลังอาหารของตัวเอง เช่น อาจเปลี่ยนจากไอศกรีมเป็นโยเกิร์ตแช่แข็ง จากเค้กเป็นผลไม้อบแห้งแทน ลองทำกันดูนะคะ
6. ลดอาหารรสเค็ม
ยิ่งทานอาหารที่มีรสเค็มมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้มากเท่านั้น เนื่องจากร่างกายต้องเก็บกักน้ำเอาไว้เพื่อขับโซเดียมที่ได้จากความเค็มออกมา เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด ของหมักดอง อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอกและแฮม รวมถึงมันฝรั่งทอดกรอบต่าง ๆ ด้วย นอกจากจะช่วยลดสาเหตุของอาการบวมน้ำได้แล้ว ยังทำให้คุณห่างไกลจากโรคความดันโลหิตสูงด้วยค่ะ
7. ออกกำลังกาย
หากคุณลดน้ำหนักด้วยการควบคุมการทานอาหารแต่เพียงอย่างเดียว ถึงน้ำหนักจะลดลงแต่จะทำให้ผิวหนังของคุณดูเหี่ยวเหลว ไม่กระชับสดใส เพราะฉะนั้นจึงควรออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อควบคู่ไปด้วยค่ะ จะได้มีน้ำหนักที่พอดีและร่างกายที่ฟิตเฟิร์มด้วย
8. บริหารกล้ามเนื้อที่หน้า
ออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อฟิตแอนด์เฟิร์มกันไปแล้ว คราวนี้ก็มาบริหารกล้ามเนื้อที่ใบหน้ากันบ้าง เพื่อที่ใบหน้าจะได้กระชับไงคะ ด้วยการ
- ฉีกยิ้มกว้าง ๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อตึงตัว จากนั้นพูดคำว่า เอ,อู ยาว ๆ
- ทำปากจู๋เหมือนอมบ๊วยค้างไว้แล้วนับ 1-5 ในใจ
- อมลมที่แก้มทีละข้างให้ป่อง ทำสลับกันซ้ายขวา
- ฉีกยิ้มทีละข้างซ้ายและขวา พยายามยกมุมปากขึ้นให้มากเท่าที่คุณทำได้
รู้วิธีการไดเอตและบริหารใบหน้าไปแล้วก็อย่าลืมนำไปใช้กันนะคะ นอกจากจะช่วยให้คุณสาว ๆ มีหุ่นเฟิร์ม ๆ แล้ว ใบหน้าก็ยังได้รูปอย่างที่ควรจะเป็นด้วย ทีนี้จะออกไปพบใครก็มั่นใจเต็มร้อยแล้วล่ะค่ะ