ความคิดที่ว่าอายุยังน้อยอยู่ ไม่เจ็บป่วยง่าย ๆ ใช้ชีวิตกันได้เต็มที่ ทำให้หนุ่มสาวหลายคนละเลยสุขภาพของตัวเองไป ทั้งที่จริง ๆ แล้วการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเริ่มลดประสิทธิภาพลงตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจดูแลตัวเองเท่าไร ร่างกายอาจเสื่อมไวเกินอายุ ซึ่งเกิดจากปัจจัยกระตุ้นมากมาย แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าร่างกายกำลังเสื่อมลงเพราะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ลองมาสังเกตอาการผิดปกติที่พบได้บ่อยในแต่ละวัยกัน
เช็กอาการผิดปกติของแต่ละวัย
เมื่อขาดสารอาหารสำคัญ
ช่วงวัย 20+
ช่วงอายุ 20-29 ปี เป็นช่วงวัยที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และพบการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ทั้งระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ผิวพรรณ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงด้านฮอร์โมนที่ส่งผลไปถึงอารมณ์และพฤติกรรม อีกทั้งวัยนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากวัยรุ่นสู่วัยทำงาน และด้วยไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบจึงมักเลือกรับประทานอาหารจานด่วนหรืออาหารสำเร็จรูป ทำให้อาจได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ดังนั้นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังขาดสารอาหารและวิตามิน ที่พบได้บ่อยในช่วงวัยนี้ก็คือ
-
มีสิวขึ้นและผิวหนังอักเสบง่าย : จากภาวะความเครียด พักผ่อนน้อย ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ปัญหาผิวพรรณเหล่านี้มักเกิดจากการขาดแร่ธาตุซิงค์ หรือสังกะสี ซึ่งมีส่วนช่วยลดการอักเสบของผิวที่เป็นสิวและโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง นอกจากนี้ยังขาดเซราไมด์ ตัวเชื่อมเคราตินบนชั้นผิวให้เป็นระเบียบ และช่วยให้ผิวเก็บกักความชุ่มชื้นเอาไว้ สามารถหารับประทานได้จากอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ธัญพืชต่าง ๆ
-
สายตาล้า : เกิดจากทำกิจกรรมที่ใช้สายตามากเกินไป เช่น อ่านหนังสือจนดึกดื่น ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ติดโซเชียล ติดซีรีส์ การที่สายตาล้าได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนอาจเป็นเพราะร่างกายขาดสารอาหารอย่างวิตามินเอ ที่ช่วยคงสภาพปกติในการมองเห็น จึงควรรับประทานผัก-ผลไม้สีเหลืองหรือสีส้มให้มากขึ้น
ช่วงวัย 30+
ช่วงอายุ 30-49 ปี เป็นวัยทำงานอย่างเต็มรูปแบบ มีภาระหน้าที่หนักขึ้นทั้งเรื่องงานและครอบครัว ความเสื่อมของร่างกายก็จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้น ถ้ายังปล่อยปละละเลย พอเข้าสู่วัย 50 ร่างกายอาจจะยิ่งพัง หากมีสัญญาณเตือนเหล่านี้ก็ควรรีบดูแลตัวเองโดยด่วน
-
ผิวพรรณหย่อนคล้อย ริ้วรอยถามหา : เมื่ออายุขึ้นเลข 3 ผิวพรรณย่อมไม่เต่งตึงเหมือนเดิม ผิวแห้ง รูขุมขนก็กว้างขึ้น ยิ่งร่างกายขาดสารอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อผิวก็จะยิ่งเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวอย่างชัดเจน ดังนั้นสารอาหารที่จำเป็นอย่างเช่น เรสเวอราทรอล ที่พบมากในเปลือกขององุ่นแดงจะมีส่วนช่วยป้องกันเซลล์ผิวจากภาวะความเสื่อมสภาพของผิวหนัง (Aging Skin) ที่โดนทำลายจากรังสี UV รวมทั้งสารอาหารอย่างเซราไมด์สกัดจากจมูกข้าวญี่ปุ่น ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว และแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีอยู่มากในผลไม้ตระกูลเบอร์รี
-
ผมขาดหลุดร่วง เล็บแห้งแตก : เส้นผมที่หลุดร่วงมากกว่าปกติ ผมหงอกก่อนวัย เล็บเปราะและแห้งแตก ล้วนเป็นสัญญาณว่าร่างกายของเราได้รับไบโอตินหรือวิตามินบี 7 ไม่เพียงพอ ทำให้สุขภาพผิว ผม เล็บ อ่อนแอลง อาหารประเภทเนื้อสัตว์ ไข่แดง ถั่วอัลมอนด์ ถั่วลิสง ที่มีไบโอตินสูง จึงมีความจำเป็นต่อสุขภาพของคนวัย 30+
-
เครียดง่าย สมองล้า : เกิดจากการใช้สมองหนักจนเกินไป ประกอบกับความเหนื่อยล้าสะสม เป็นอาการที่ชี้ชัดว่าร่างกายกำลังขาดวิตามินบีและกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่าง DHA, EPA และ DPA ซึ่งมีประโยชน์ต่อการทำงานของระบบประสาทและสมอง จึงควรรับประทานเนื้อสัตว์และปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอนที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีครบทั้ง DHA, EPA, DPA และมีกรดไขมันดีชนิดอื่น ๆ
- เจ็บป่วยบ่อย เป็นหวัดง่าย : เกิดจากภูมิต้านทานลดลง ส่งผลให้ติดเชื้อและมีโอกาสเจ็บป่วยโรคเรื้อรังได้ง่ายขึ้น แสดงว่าร่างกายขาดสารอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน สามารถเลือกรับประทานผลไม้ตระกูลเบอร์รี เช่น เอลเดอร์เบอร์รี (Elderberry) ที่มีแอนโทไซยานินและวิตามินซีสูง ซึ่งมีงานวิจัยสนับสนุนว่า เอลเดอร์เบอร์รีมีส่วนช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดระยะเวลาและความรุนแรงของอาการหวัดลงได้
ช่วงวัย 50+
เมื่อก้าวเข้าสู่วัย 50 ปีขึ้นไป จะเห็นความโรยราของร่างกายอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเสื่อมถอยลง ประกอบกับคนวัยนี้มักมีภาวะเบื่ออาหาร รับประทานได้น้อยลง ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิดที่ส่งผลต่อความแข็งแรงและภูมิคุ้มกัน โดยสัญญาณเตือนว่าร่างกายขาดวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นก็อย่างเช่น
-
เคลื่อนไหวช้าลง ปวดตามข้อ : โดยปกติมวลกระดูกมีแนวโน้มลดลงราว 2-4% ต่อปี ยิ่งหากไม่ได้รับสารอาหารที่ครบหลักโภชนาการ โดยเฉพาะแคลเซียม วิตามินดี 3 วิตามินเค 2 ก็จะเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนเพิ่มขึ้นได้
-
ความสามารถในการจดจำลดลง : เนื่องจากร่างกายเริ่มเสื่อมถอย และยังมีปัญหาในระบบไหลเวียนเลือด เช่น ภาวะความดันโลหิตสูง หรือไขมันสูง อาจขัดขวางทางเดินของเลือดที่จะไปเลี้ยงสมอง ร่วมกับการขาดกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่นอกจากจะมีผลต่อการลดลงของระดับไขมันในเลือด ยังมี DHA, EPA, DPA ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทสำคัญต่อสมองและความจำ
-
สายตาพร่ามัว : เป็นอาการที่มักเกิดขึ้นในวัย 50 ปีขึ้นไป ส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดวิตามินเอ ที่มีบทบาทสำคัญในด้านการมองเห็น ในขณะที่ผู้สูงอายุบางคนก็มีอาการวุ้นในตาเสื่อม ต้อลม ต้อกระจก ส่งผลให้การมองเห็นแย่ลง
-
เจ็บป่วยง่าย แต่หายช้า : ยิ่งอายุมาก โอกาสติดเชื้อและเจ็บป่วยก็เพิ่มขึ้น เพราะภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพลดลง ร่วมกับการขาดวิตามินหลาย ๆ ชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบีรวม ที่ต่างก็มีส่วนช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
-
อ่อนเพลีย และน้ำหนักตัวลดลง : คนวัยนี้มักมีปัญหาสุขภาพฟัน บวกกับมีอาการเบื่ออาหาร ทำให้รับประทานอาหารได้จำกัด ร่างกายจึงได้รับโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน หรือกลุ่มวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี ที่สำคัญกับการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายไม่เพียงพอ ส่งผลให้มีอาการอ่อนเพลียและน้ำหนักตัวลดลง
อินโนบิก เดลี่ นิวทริเจน ยู (Innobic DAILY NUTRIGEN U)
อินโนบิก เดลี่ นิวทริเจน เอ็ม (Innobic DAILY NUTRIGEN M)
อินโนบิก เดลี่ นิวทริเจน เอส (Innobic DAILY NUTRIGEN S)
อ้างอิงข้อมูลจาก :
- Sen N, Framroze B. The Effect of Dietary Oil Capsules on Reducing Serum Concentrations of Oxidized Low Density Lipoprotein beta2 Glycoprotein Complex. 2013.J Nutr Food Sci 3: 225
- Bastianetto S., Protective Action of Resveratrol in Human Skin: Possible Involvement of Specific Receptor Binding Sites. PLoS ONE 5(9): e12935. doi:10.1371/journal.pone.0012935
- R. Preston Mason, Rationale for different formulations of omega-3 fatty acids leading to differences in residual cardiovascular risk reduction, 2022
- รศ. นพ.พงศ์ศักดิ์ ยุกตะนันท์, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, 23 กันยายน 2563
- คู่มือความสุข 5 มิติสำหรับผู้สูงอายุ (ฉบับปรับปรุง), สำนักส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข, 2556