หลังกินยาคุมฉุกเฉินจะรู้ได้ไงว่าไม่ท้อง บางคนกินยาคุมฉุกเฉินไปแล้วแต่ประจำเดือนไม่มา หรือมาช้ากว่าปกติไปเป็นสัปดาห์ ควรตรวจการตั้งครรภ์เลยไหม
ยาคุมฉุกเฉิน นับเป็นวิธีคุมกำเนิดในรูปแบบหนึ่งซึ่งสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ก็จริง แต่ไม่ถึง 100% ดังนั้นจึงมีข้อสงสัยกันว่า หลังกินยาคุมฉุกเฉินจะรู้ได้ยังไงว่าไม่ท้อง หรือมีอาการหลังกินยาคุมฉุกเฉินที่พอจะสังเกตการตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์ได้ไหม เอาเป็นว่ามาคลายข้อข้องใจไปพร้อมกันเลย
หลังกินยาคุมฉุกเฉินจะรู้ได้ไงว่าไม่ท้อง
เพื่อให้แน่ใจว่า หลังกินยาคุมฉุกเฉินแล้วจะท้องหรือไม่ สาว ๆ ควรสำรวจตัวเองตามนี้
- ต้องมั่นใจว่ากินยาคุมฉุกเฉินทันเวลาและถูกวิธี คือ รับประทานทันทีหรือไม่เกิน 72 ชั่วโมง หลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่พึงประสงค์ และไม่มีอาการท้องเสียหรืออาเจียนภายใน 2 ชั่วโมง หลังกินยา
- ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ซ้ำหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมง
- เช็กประจำเดือน โดยการกินยาคุมฉุกเฉินอาจทำให้ประจำเดือนมาเร็วขึ้นหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่หากประจำเดือนยังไม่มาควรตรวจการตั้งครรภ์
- ตรวจการตั้งครรภ์ได้ใน 14 วัน หลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด หรือเมื่อประจำเดือนมาช้า 3-4 สัปดาห์
- เช็กอาการคนท้อง เช่น ประจำเดือนขาด, เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย, คลื่นไส้ อาเจียน, เบื่ออาหาร, เวียนศีรษะ, อารมณ์แปรปรวน, อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น, ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ, ท้องผูก, มีเลือดออกจากช่องคลอดหรือมีตกขาว, ปวดศีรษะ, คัดเต้านม และหัวนมมีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม หากเป็นการตั้งครรภ์ช่วงระยะ 1-2 สัปดาห์แรก อาจไม่ค่อยแสดงอาการมากเท่าไร
กินยาคุมฉุกเฉินแล้วเมนไม่มาจะท้องไหม
หลังกินยาคุมฉุกเฉินในช่วงสัปดาห์แรก สาว ๆ บางคนจะมีอาการเลือดออกกะปริบกะปรอย ซึ่งเป็นกลไกการทำงานของยาคุมฉุกเฉิน ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นประจำเดือน แต่สำหรับประจำเดือนจริง ๆ โดยทั่วไปจะมาในช่วงรอบเดือนปกติ หรืออาจจะมาช้าหรือเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ ดังนั้น หากผ่านไป 3-4 สัปดาห์แล้วประจำเดือนยังไม่มา แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์หรือปรึกษาสูตินรีแพทย์เลยดีกว่าค่ะ
ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน
อาการเป็นอย่างไร
หลังกินยาคุมฉุกเฉินไปแล้วอาจพบผลข้างเคียง ดังนี้
- ประจำเดือนคลาดเคลื่อน มากะปริบกะปรอย หรือในบางคนประจำเดือนอาจมามากได้
- ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- อ่อนเพลีย
- คัดตึงเต้านม
- ปวดท้องช่วงล่าง
นอกจากนี้ การรับประทานยาคุมฉุกเฉินมากเกินไปอาจส่งผลให้รังไข่หรือเยื่อบุโพรงมดลูกผิดปกติ และหากยาคุมฉุกเฉินไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ก็จะเพิ่มความเสี่ยงการท้องนอกมดลูกได้เช่นกัน
ฉะนั้นหากต้องการคุมกำเนิดจริง ๆ แนะนำเป็นยาคุมกำเนิดชนิดปกติ การฝังยาคุมกำเนิด การฉีดยาคุมกำเนิด หรือสวมถุงยางอนามัย ใส่ห่วงอนามัย เพราะยาคุมฉุกเฉินก็มีผลข้างเคียงตามที่กล่าวข้างต้น จึงควรใช้เฉพาะในเคสที่พลาดพลั้งไปมีเพศสัมพันธ์โดยไม่คาดคิดหรือในกรณีที่ถุงยางอนามัยเกิดรั่วหรือฉีกขาด และการกินยาคุมฉุกเฉินซ้ำ ๆ อาจทำให้ประสิทธิภาพของตัวยาลดลง ป้องกันการตั้งครรภ์ได้น้อยลง อีกทั้งยังเสี่ยงต่อผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้องกับยาคุมฉุกเฉิน
ขอบคุณข้อมูลจาก : สาสุข ชัวร์ กรมอนามัย, คลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, โรงพยาบาลศิครินทร์, เฟซบุ๊ก Rsathai