หมอเผยคนไข้หลอดลมโป่งพอง แม้ไม่สูบบุหรี่ รักษาแล้วตากลับมีปัญหา พบแค่ 1 ใน 100

 
          หมอมนูญเผยเคส หญิงวัย 63 ปี ไม่สูบบุหรี่ ป่วยหลอดลมโป่งพอง ก่อนรักษาวัณโรคเทียม แต่ตาพร่ามัว เห็นภาพขาวดำ ผลข้างเคียงหายากจากการแพ้ยา 

ตาบอดสี เพราะแพ้ยา

        วันที่ 9 ตุลาคม 2568 นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC โพสต์เล่าเคสหญิงป่วยวัณโรคเทียม หลังได้รับยารักษามานานกว่า 3 เดือน อาการไอดีขึ้น แต่กลับเกิดภาวะตาพร่ามัว มองเห็นเป็นภาพขาวดำจนใช้ชีวิตลำบาก ตรวจพบสาเหตุเกิดจากการแพ้ยา เป็นภาวะที่พบได้ไม่บ่อย ต้องใช้เวลาฟื้นฟูการมองเห็นอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี หลังหยุดยา

          โพสต์ดังกล่าวระบุว่า ผู้ป่วยหญิงชาวไทย อายุ 63 ปี ไม่สูบบุหรี่ มีประวัติไอเรื้อรังนาน 8 ปี เป็นอาการไอแห้ง ๆ ไม่เหนื่อย เคยทำคอมพิวเตอร์สแกนปอดที่โรงพยาบาลอื่นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 พบหลอดลมโป่งพองในปอดทั้ง 2 ข้าง เก็บเสมหะเพาะเชื้อวัณโรคไม่ขึ้น

          เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผู้ป่วยมีอาการไอปนเลือด แพทย์ที่โรงพยาบาลได้ส่องกล้องเข้าไปในหลอดลมเพื่อเก็บเสมหะเพาะเชื้อ พบเชื้อวัณโรคเทียมชื่อ Mycobacterium intracellulare ซึ่งไวต่อยา clarithromycin และ amikacin ผลตรวจเลือดค่าตับและไตปกติ แพทย์ได้เริ่มให้ยารักษา ได้แก่ rifampicin, ethambutol และ azithromycin รับประทานขนาดปกติทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2568

          หลังจากรับประทานยาไป 3 เดือน 20 วัน อาการไอดีขึ้น แต่เริ่มมีอาการตาพร่ามัว มองไม่เห็นสี เห็นภาพเป็นขาวดำ ภาพตรงกลางมีจุดดำ มองโทรทัศน์ไม่เห็นสี อ่านหนังสือไม่ได้ ใช้โทรศัพท์มือถือไม่ได้ และขับรถไม่ได้

          แพทย์ผู้รักษาได้สั่งหยุดยาทุกตัวทันทีเมื่อผู้ป่วยมีอาการผิดปกติทางตา จากนั้นส่งตรวจ MRI สมอง และปรึกษาจักษุแพทย์ พบว่าสาเหตุเกิดจากการแพ้ยา ethambutol

          ขณะนี้ผู้ป่วยหยุดยารักษาวัณโรคเทียมทุกตัวมากกว่า 3 เดือนแล้ว แต่การมองเห็นยังไม่ดีขึ้น จึงมาปรึกษาขอความเห็นที่สอง (second opinion) เพื่อพิจารณาว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไป

ตาบอดสี เพราะแพ้ยา
 ภาพจาก เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC 

        ผลการตรวจร่างกาย พบว่าขณะฟังปอดมีเสียงผิดปกติ เอกซเรย์ปอดพบลักษณะหลอดลมโป่งพองในปอดส่วนล่างทั้ง 2 ข้าง เมื่อเทียบกับเอกซเรย์ก่อนหน้านี้ไม่พบการเปลี่ยนแปลงที่แย่ลง

          วินิจฉัย : โรคหลอดลมโป่งพอง ติดเชื้อวัณโรคเทียม M. intracellulare หลังรักษา 3 เดือน 20 วัน เกิดผลข้างเคียงทางตาจากยาอีแทมบูทอล (Ethambutol) คือเกิดประสาทตาอักเสบ (Optic neuritis) ทำให้การมองเห็นสีผิดปกติ (แยกสีน้ำเงินและเหลืองไม่ออก) ตามัว และมีภาพกลางจอมืด (central scotoma)

          โดยทั่วไป ภาวะประสาทตาอักเสบจากยา ethambutol พบไม่บ่อย ประมาณ 1 ใน 100 คนที่รับประทานยา ผู้ป่วยที่ใช้ยานี้ควรตรวจเช็กสายตาและการมองเห็นของตนเองทุกวัน หากพบความผิดปกติควรหยุดยาและรีบพบแพทย์ทันที

          คำแนะนำ : ให้หยุดยารักษาวัณโรคเทียมต่อไป และไม่กลับไปใช้ยา ethambutol อีก การมองเห็นจะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง แต่ต้องใช้เวลานานอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี หลังหยุดยา ethambutol
 

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC 


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หมอเผยคนไข้หลอดลมโป่งพอง แม้ไม่สูบบุหรี่ รักษาแล้วตากลับมีปัญหา พบแค่ 1 ใน 100 โพสต์เมื่อ 11 ตุลาคม 2568 เวลา 15:12:41 1,246 อ่าน
TOP