
เพราะชีวิตสูงวัย...ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
หลายคนคิดว่าเงินบำนาญ เบี้ยยังชีพ หรือเงินจากลูกหลาน…พอแล้วสำหรับชีวิตหลังเกษียณ แต่ความจริงไม่ใช่เลย เพราะเมื่อถึงวัย 60 ปี รายจ่ายจะยิ่งเพิ่ม ทั้งค่ากินอยู่ ค่ายา ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง และค่าดูแลตัวเองในวันที่คุณทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม
หลายคนคิดว่าเงินบำนาญ เบี้ยยังชีพ หรือเงินจากลูกหลาน…พอแล้วสำหรับชีวิตหลังเกษียณ แต่ความจริงไม่ใช่เลย เพราะเมื่อถึงวัย 60 ปี รายจ่ายจะยิ่งเพิ่ม ทั้งค่ากินอยู่ ค่ายา ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง และค่าดูแลตัวเองในวันที่คุณทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม
ประเทศไทยในวันนี้…มีผู้สูงอายุจำนวนมากที่ต้องทำงานต่อ เพราะไม่มีเงินพอใช้ ไม่มีเงินออมสำรองไว้ และชีวิตหลังเกษียณไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง
แล้วคุณล่ะ…อยากมีชีวิตสูงวัยที่มั่นคงไหม ?
ถ้าใช่…คุณต้องเริ่ม “เก็บไว้ให้ตัวเอง” ตั้งแต่วันนี้
ทำไมจึงต้องออมเงินตั้งแต่วันนี้ ?
• เพราะอายุยืนมากขึ้น : คนไทยมีแนวโน้มมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 85 ปี ในอนาคต ทำให้ต้องมีเงินออมมากพอใช้จ่ายไปจนถึงช่วงปลายชีวิต
• เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น : เงินเฟ้อทำให้ค่าเงินลดลง ของกินของใช้แพงขึ้นเป็นสองเท่าหรือมากกว่าในอนาคต
• เพราะค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มสูง : ค่ารักษาพยาบาลในวัยสูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นปีละ 5-8%
• เพราะอัตราผู้สูงวัยไร้เงินออมมีมากถึง 2 ใน 3 ขณะที่มีผู้สูงวัยเพียง 5% เท่านั้นที่มีเงินออมเกิน 1 ล้านบาท
เทคนิคออมเงินอย่างง่าย ทำได้ทันที
• ออมก่อนใช้ : แนะนำให้ออมเงินอย่างน้อย 10% ของรายได้ทุกครั้งที่ได้รับ เช่น หากมีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน ควรออมขั้นต่ำ 3,000 บาท ทันทีที่ได้รับเงิน
• แยกบัญชีออมเงินออกจากบัญชีใช้จ่าย : เพื่อป้องกันการใช้จ่ายเงินเกินตัว
• ออมในรูปแบบที่เหมาะสม : เช่น ฝากประจำ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือประกันชีวิตแบบออมทรัพย์
• ตั้งเป้าหมายชัดเจน : เช่น ออมเงินให้ได้ 1 ล้านบาท ภายใน 10 ปี เพื่อเป็นเงินตั้งต้นหลังเกษียณ
• วางแผนเผื่อค่าใช้จ่ายไม่คาดฝัน : เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมแซมบ้าน ค่าดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว
ออมเงิน…เพื่ออะไร ?
• มีเงินใช้ยามเกษียณ ไม่ต้องพึ่งพาบุตรหลาน
• ลดความกังวลในอนาคต ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น
• พร้อมรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉิน ไม่กระทบการเงินในชีวิตประจำวัน
• ลงทุนสร้างคุณภาพชีวิตในวัยสูงอายุให้อยู่ดีกินดีและสุขภาพแข็งแรง
วัย 20+ คือจังหวะเริ่มออม
• เพราะเมื่อคุณเริ่มเก็บตั้งแต่มีรายได้แรก ๆ ไม่ว่าจำนวนเงินจะมากหรือน้อย เวลาก็จะช่วยให้เงินของคุณเติบโตเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป
• แค่ “ออมก่อนใช้” ให้เป็นนิสัย แบ่งส่วนหนึ่งจากรายได้ เก็บเข้าบัญชีตัวเองที่ห้ามแตะ อาจเริ่มจาก 5% หรือ 10% คุณจะไม่เหนื่อย ไม่ต้องเร่ง และมีเวลาให้เงินก้อนของคุณเติบโตไปกับตัวคุณเอง
• การเริ่มออมตั้งแต่วัย 20+ คือของขวัญชิ้นสำคัญที่คุณให้ตัวเองในอนาคต
วัย 40+ เริ่มออมตอนนี้…ยังทันไหม ? ตอบเลยว่า “ทัน แต่ต้องเร่ง”
หลายคนเพิ่งเริ่มคิดเรื่องเกษียณตอนเข้าสู่วัย 40+ เพราะรู้สึกว่ายังมีเวลาอีก 20 ปี แต่ในความเป็นจริง วัย 40 คือ “โค้งสุดท้าย” ที่คุณยังพอมีเวลาเร่งสร้างความมั่นคงทางการเงิน ก่อนจะสายเกินไป
ทำไม 40+ ต้องเริ่ม “เร่งออม” โดยด่วน ?
• คุณเหลือเวลาออมเงินเพื่อใช้หลังเกษียณไม่ถึง 20 ปี
• ระยะเวลาลงทุนเหลือน้อย ต้องเน้นสะสมเงินก้อนมากกว่ารอเวลาให้ดอกเบี้ยทบต้นช่วย
• ต้นทุนค่ารักษาพยาบาลและค่าครองชีพหลังเกษียณจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าเพิ่งเริ่มออมตอน 40+ ต้องทำอย่างไร ?
• สิ่งที่ต้องทำ คือ “เร่งออม” ให้มากกว่าคนอื่น
• เริ่มเก็บส่วนหนึ่งให้ตัวเองตั้งแต่วันนี้ จาก 5% เป็น 10% จาก 10% เป็น 20% ของรายได้ อย่ากังวลว่าเริ่มช้า แต่จงโฟกัสว่า “ทุกเดือนที่ยังไม่เริ่ม...คุณเสียโอกาสมากแค่ไหน”
• ออมทีละน้อยดีกว่าไม่มีเลย แต่ถ้าเริ่มช้า…คุณต้องออมให้มากกว่า
• เร่งสร้างเงินก้อนหลักล้านภายใน 10 ปี (ถ้าเริ่มตอน 40 ควรมีเงินเก็บ 1-2 ล้านบาท ตอนอายุ 50)
• ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเงินทันที เช่น ตัดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เลิกผ่อนของที่ไม่จำเป็น
• ลงทุนอย่างสมดุล ทั้งในสินทรัพย์ปลอดภัยและกองทุนเพื่อการเกษียณ (RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ)
เริ่มออมตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ชีวิตหลังเกษียณสบาย แต่ถ้าเริ่มช้า...ต้องเร่งให้มากกว่าคนอื่น
ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร “วันนี้” คือวันที่ดีที่สุดในการเริ่มออมเงิน
#สูงวัยให้พร้อมต้องเตรียมก่อน40
กดติดตามข้อมูลข่าวสาร แคมเปญที่น่าสนใจ และกิจกรรมดี ๆ จาก สสส. เพิ่มเติมได้ที่ :
Facebook : Social Marketing Thaihealth by สสส.
Line : @thaihealththailand
TikTok: @thaihealth
YouTube: SocialMarketingTH
Website : Social Marketing Thaihealth