x close

กลิ่นนั้นสำคัญไฉน??

กลิ่นตัว



กลิ่นนั้นสำคัญไฉน?? (Hairworld)

          เมื่อไม่นานมานี้มีโอกาสได้เข้าวัด (หลังจากที่ไม่ได้เข้ามานานมาก...) และได้มีโอกาสเข้าไปฟังเทศน์ ฟังธรรม ในขณะที่กำลังฟังอยู่ก็มีกลิ่นหนึ่งที่ไม่พึงประสงค์ ตอนแรกคิดว่าใครเหยียบขี้หมาเข้ามา แต่แล้วก็ไปสะดุดที่ผู้ชายคนหนึ่ง ในบริเวณที่ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่จะไม่ค่อยมีคนสาเหตุมาจาก "กลิ่นตัว" ของเขาซึ่งส่งกลิ่นโชยอบคลุ้งไปทั่วโบสถ์ (มิน่าล่ะแอบเห็นพระที่กำลังสวดแอบมีชำเลืองมาที่ชายคนนี้เหมือนกัน) แต่เราออกจะเห็นใจและสงสารผู้ชายคนนั้นอยู่เพราะเขาอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองมีข้อผิดพลาดก็เป็นได้

          เอาล่ะไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องของ "กลิ่น" กันแล้ว ฉบับนี้จึงขอถือโอกาสแนะนำวิธีในการกำจัด "กลิ่นตัว" และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อย่าง "กลิ่นเท้า" มาฝากคุณผู้อ่านซะเลย

          กลิ่นตัว เป็นปัญหาที่พบมากในเมืองร้อนอย่างบ้านเรา แต่ก่อนที่เราจะรู้จักกับการกำจัดกลิ่นตัว เราต้องรู้ที่มาก่อนว่ามันมีที่มาอย่างไรเพื่อหาทางกำจัดได้ถูกวิธีและถูกต้นตอจริงๆ โดย "กลิ่นตัว" ส่วนใหญ่เกิดจากต่อมเหงื่อชนิดพิเศษชนิดหนึ่ง โดยต่อมเหงื่อชนิดพิเศษนี้มีมากที่สุดบริเวณรักแร้ ต่อมเหงื่อดังกล่าวจะขับเอาเหงื่อออกมาแล้วเชื้อแบคทีเรียก็จะมากินเหงื่อนี้เป็นอาหาร เสร็จแล้วจะปล่อยเอากรดชนิดหนึ่งออกมา นอกจากนี้ไขมันที่เป็นส่วนประกอบของต่อมไขมันก็ทำให้เกิดกลิ่นตัวได้เช่นกัน เพราะไขมันในนี้อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณรักแร้ เกิด PH เป็นด่าง แล้วทำให้กลิ่นรุนแรงขึ้น

          ซึ่งวิธีของการรักษาและกำจัดกลิ่นตัวเรา ก่อนอื่นก็ต้องกำจัดกันที่ต้นเหตุ ซึ่งเราจะต้องกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่รักแร้ให้หมดไป "เชื้อแบคทีเรีย" ที่กล่าวมานี้ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแค่อาบน้ำฟอกสบู่ที่ผสมตัวยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียสูง เช่น สบู่ผสมเฉกซ่าคลอโรฟิน หรือผสมคลอเฮกซิดีน หรือไทรโคลทาแบน ถึงจะไม่ยากแต่แค่นี้ก็ยังไม่พอ ควรทายาครีมที่ผสมยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบ้างวันละ 3-4 ครั้ง แต่ถ้ายังไม่ได้ผลก็ควรจะต้องมาแก้ที่จุดต่อมเหงื่อพิเศษนี้กัน ซึ่งต้องรักษาตามเหตุผลดังนี้

           ถ้ากลิ่นมาจากต่อมเหงื่อ อาจใช้ยาดับกลิ่นที่เป็นลูกกลิ้งทาบริเวณรักแร้ ยาเหล่านี้จะไปทำให้ท่อของต่อมเหล่านี้อุดตัน ไม่ส่งให้มีกลิ่นหลุดรอดออกมาได้

           ถ้าสาเหตุเกิดมาจากแบคทีเรีย การอาบน้ำหรือรักษาความสะอาดก็ช่วยได้

           ถ้าสาเหตุเกิดจากอาหาร คงต้องระวังเรื่องการรับประทานอาหาร หากไม่ดีขึ้นแนะนำพบแพทย์เฉพาะทางด้านโรคผิวหนังเพื่อหาแนวทางในการรักษาต่อไป

          ส่วนการป้องกันหรือขจัด "กลิ่นเท้า" ให้หมดไปนั้น ง่ายที่สุดก็คือเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อน พฤติกรรมหนึ่งที่คนส่วนใหญ่เป็นและทำให้เกิดกลิ่นเท้าก็คือการหมักหมมสะสมสิ่งสกปรกที่รองเท้าและถุงเท้า บางคนใส่รองเท้าเป็นปีๆ ไม่เคยซักสักครั้ง ไม่ว่าจะดำ สกปรกยังไงก็ไม่สนใจ แถมยังมองว่าดู (ความสกปรก) เป็นศิลปะ อาร์ติสต์ซะงั้น!! ซึ่งทางที่ดีคุณต้องไม่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นความสกปรกเป็นสิ่งสวยงาม ควรรักษาความสะอาดที่เท้าอย่างจริงจังเพื่อให้กลิ่นและความสกปรกต่างๆ ออกไปจากชีวิตคุณซะ แล้วก็เริ่มได้แล้วตั้งแต่บัดนี้ด้วยวิธีนี้

          หาผ้าขนหนูสะอาดๆ สักผืนใช้สำหรับเช็ดเท้าให้แห้ง จากนั้นใช้พัดลมเป่าก่อนที่จะใส่ถุงเท้าและรองเท้า อาจจะทาแป้งเด็กที่เท้าสักหน่อยเพื่อให้ไม่อับชื้นเกินไป หากมีการดูแลเท้าอย่างสม่ำเสมอแล้วกลิ่นอับก็จะเกิดขึ้นได้ยาก หรือหากใครที่กลิ่นติดเท้าแล้วอยากจะทำให้กลิ่นจางลง ก็เริ่มง่ายๆ ด้วยการแช่เท้าในน้ำอุ่นที่บีบน้ำมะนาวหรือมะกรูดลงไปสักวันละ 5 นาที เพื่อให้รูขุมขนเปิด สิ่งสกปรกจะได้หลุดออกได้ง่าย จากนั้นขัดด้วยที่ขัดส้นเท้าหรือฟุตสครับ ขัดและนวดไปเรื่อยๆ จากนั้นก็ทำให้รูขุมขนปิดด้วยการล้างเท้าด้วยน้ำปกติเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาดๆ ทาครีมบำรุงให้ทั่วเท้า โดยเฉพาะส้นเท้าและซอกนิ้ว ทำเช่นนี้สัปดาห์ละครั้งสองครั้ง กลิ่นที่เคยติดเท้าก็จะค่อยๆ ลดลงจนหมดไป

          นอกจากการดูแลรักษาความสะอาดที่เท้าแล้ว ใครที่เป็นแผลที่เท้าแล้วไม่ดูแลอย่างถูกวิธีก็ส่งผลให้เกิดกลิ่นเท้าได้เช่นกัน แม้กระทั่งการกินอาหารมันๆ หรืออาหารที่มีไขมันสูง ไขมันจะแปรรูปเปลี่ยนเป็นพลังงาน ทำให้อุณหภูมิที่เท้าสูงขึ้น เหงื่อจึงออกมาก รวมทั้งยังทำให้แบคทีเรียขยายพันธุ์ได้ง่ายและทำให้เกิดกลิ่นเท้า ดังนั้นหลีกเลี่ยงหรือลดลงได้ก็ควรทำเช่นกัน

          เอาล่ะเมื่อรู้วิธีอย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมนำไปปฏิบัติตามกันดู เพราะของอย่างนี้ใครทำใครได้นั่นเอง!!


  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย 

 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กลิ่นนั้นสำคัญไฉน?? อัปเดตล่าสุด 18 สิงหาคม 2552 เวลา 22:04:49 1,340 อ่าน
TOP