ลุยฝนเกือบทุกวันจะป้องกันตัวเองอย่างไรไม่ให้ป่วยไปซะก่อน มาอ่านเคล็ดลับดูแลตัวเองหลังจากเดินตากฝนกันก่อน
![หน้าฝน หน้าฝน]()
วิธีดูแลตัวเองหลังจากเดินลุยฝน
1. หากไม่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ ให้รีบเช็ดศีรษะให้แห้ง และทำให้เสื้อผ้าแห้งสนิทโดยเร็ว
2. เมื่อกลับถึงบ้าน ให้รีบถอดเสื้อผ้า ถุงเท้า รองเท้าที่เปียกน้ำฝนออก เพราะการใส่เสื้อผ้าที่เปียก ทำให้ไม่สบาย เป็นหวัด รวมไปถึงเป็นปอดบวมได้ และเสื้อผ้าเปียก ๆ ยังกลายเป็นแหล่งเชื้อโรคได้อีกต่างหาก
3. อาบน้ำ สระผมทันที เพราะในน้ำฝนมีทั้งฝุ่นละออง สิ่งสกปรก เชื้อโรคติดมาด้วย ดังนั้นเราควรอาบน้ำสระผม ทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยด้วยน้ำอุ่นเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น
4. ใช้สบู่ฟอกเท้าให้สะอาด อาจใช้สครับหรือเกลือขัดผิวด้วย เพราะการเดินย่ำน้ำสกปรกทำให้เกิดเชื้อราอันเป็นสาเหตุของโรคฮ่องกงฟุตได้
5. เช็ดตัวให้แห้ง แล้วอย่าลืมเป่าผมให้แห้งก่อนนอน เส้นผมจะได้ไม่อับชื้นจนเกิดปัญหากับเส้นผม หรือทำให้เป็นหวัดตามมา
6. แช่เท้าในน้ำอุ่นถ้าอยากผ่อนคลาย และยังทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น หลังจากแช่สักพักให้เช็ดเท้าให้แห้ง แล้วใช้แป้งฝุ่นทาหลังเท้าจะช่วยให้เท้าสบายมากขึ้น
![หน้าฝน หน้าฝน]()
7. ทาครีมหรือมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวสักหน่อย เพื่อเติมความชุ่มชื่นให้ผิวที่แห้งหลังจากตากฝนและอาบน้ำอุ่นมา แถมยังช่วยลดอาการคันได้
8. ดื่มชาสมุนไพรอุ่น ๆ เช่น ชามินต์ หรือดื่มน้ำขิงสักแก้วคืนความอบอุ่นในร่างกาย และทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานเชื้อโรคและแบคทีเรียมากขึ้น เพราะชาสมุนไพรมีสรรพคุณในการต้านเชื้อแบคทีเรียได้
![กินผลไม้ กินผลไม้]()
9. กินผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ๆ อย่างเช่น ฝรั่ง ส้ม แอปเปิล มะขาม มะนาว เพื่อช่วยเสริมสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายไป อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมกับป้องกันอาการหวัดไปในตัว
10. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ คืนนั้นไม่ควรนอนดึกเด็ดขาด เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนหลังจากเปียกฝนมา จะได้ไม่เจ็บ ไม่ป่วย พร้อมตื่นขึ้นมาลุยงานในวันต่อไป
อยู่ใต้ฟ้าจะกลัวฝนก็คงไม่ได้ เอาเป็นว่าคราวหน้าก็อย่าลืมพกร่มไปไหนมาไหนกันด้วยนะคะ แต่ถ้าฝนตกหนักจริง ๆ แม้แต่ร่มยังเอาไม่อยู่ ก็รอให้ฝนหยุดก่อนแล้วค่อยเดินทางดีกว่าเนอะ ไม่ต้องเสี่ยงป่วยและก็ยังไม่เสี่ยงอุบัติเหตุด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
teenpath
boldsky.com
huffingtonpost.com

หน้าฝนทีไรเหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง อย่างตอนเช้ากำลังจะออกจากบ้านจู่
ๆ ฝนก็ตกลงมา พอตอนเย็นเลิกเรียน เลิกงานจะกลับบ้าน
ฝนก็เทโครมลงมาให้เราเปียกอีกรอบ
นี่ถ้าต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสายฝนแบบนี้เห็นทีคงจะป่วยเอาในไม่ช้า
ว่าแล้วก็มาหาวิธีดูแลตัวเองหลังเปียกฝนกันหน่อยดีกว่า
1. หากไม่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ ให้รีบเช็ดศีรษะให้แห้ง และทำให้เสื้อผ้าแห้งสนิทโดยเร็ว
2. เมื่อกลับถึงบ้าน ให้รีบถอดเสื้อผ้า ถุงเท้า รองเท้าที่เปียกน้ำฝนออก เพราะการใส่เสื้อผ้าที่เปียก ทำให้ไม่สบาย เป็นหวัด รวมไปถึงเป็นปอดบวมได้ และเสื้อผ้าเปียก ๆ ยังกลายเป็นแหล่งเชื้อโรคได้อีกต่างหาก
3. อาบน้ำ สระผมทันที เพราะในน้ำฝนมีทั้งฝุ่นละออง สิ่งสกปรก เชื้อโรคติดมาด้วย ดังนั้นเราควรอาบน้ำสระผม ทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยด้วยน้ำอุ่นเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น
4. ใช้สบู่ฟอกเท้าให้สะอาด อาจใช้สครับหรือเกลือขัดผิวด้วย เพราะการเดินย่ำน้ำสกปรกทำให้เกิดเชื้อราอันเป็นสาเหตุของโรคฮ่องกงฟุตได้

6. แช่เท้าในน้ำอุ่นถ้าอยากผ่อนคลาย และยังทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น หลังจากแช่สักพักให้เช็ดเท้าให้แห้ง แล้วใช้แป้งฝุ่นทาหลังเท้าจะช่วยให้เท้าสบายมากขึ้น

8. ดื่มชาสมุนไพรอุ่น ๆ เช่น ชามินต์ หรือดื่มน้ำขิงสักแก้วคืนความอบอุ่นในร่างกาย และทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานเชื้อโรคและแบคทีเรียมากขึ้น เพราะชาสมุนไพรมีสรรพคุณในการต้านเชื้อแบคทีเรียได้

10. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ คืนนั้นไม่ควรนอนดึกเด็ดขาด เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนหลังจากเปียกฝนมา จะได้ไม่เจ็บ ไม่ป่วย พร้อมตื่นขึ้นมาลุยงานในวันต่อไป
อยู่ใต้ฟ้าจะกลัวฝนก็คงไม่ได้ เอาเป็นว่าคราวหน้าก็อย่าลืมพกร่มไปไหนมาไหนกันด้วยนะคะ แต่ถ้าฝนตกหนักจริง ๆ แม้แต่ร่มยังเอาไม่อยู่ ก็รอให้ฝนหยุดก่อนแล้วค่อยเดินทางดีกว่าเนอะ ไม่ต้องเสี่ยงป่วยและก็ยังไม่เสี่ยงอุบัติเหตุด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
teenpath
boldsky.com
huffingtonpost.com