หนองใน เกิดจากอะไร
โรคหนองใน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ โรคหนองในแท้ หรือ โกโนเรีย (Gonorrhoea) เกิดจากการติดเชื้อ Neisseria gonorrhoeae ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีรูปร่างค่อนข้างกลม อยู่กันเป็นคู่หันด้านเว้าเข้าหากัน ดูคล้ายเมล็ดกาแฟหรือเมล็ดถั่ว ย้อมสีแกรมติดสีแดง เชื้อนี้จะทำให้เกิดโรคเฉพาะเยื่อเมือก Mucous Membrance เช่น เยื่อเมือกในท่อปัสสาวะ ช่องคลอด ปากมดลูก เยื่อบุมดลูก ท่อรังไข่ ทวารหนัก เยื่อบุตา คอ เป็นต้น โดยเชื้อนี้มีระยะฟักตัวเร็ว คือประมาณ 1-10 วัน
ส่วน โรคหนองใน อีกประเภท คือ โรคหนองในเทียม (Non Gonococcal Urethritis) หรือ NSU เป็นการอักเสบของท่อปัสสาวะที่เกิดจากเชื้อโรคอื่น ๆ ที่ไม่ใช่หนองในแท้
หนองใน ติดต่อกันทางไหน
โรคหนองใน ไม่ว่าจะโรคหนองในแท้ หรือโรคหนองในเทียม สามารถติดต่อกันจากการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะทางปาก ช่องคลอด หรือทางทวารหนัก รวมทั้งหากมีการร่วมเพศทางปาก ก็อาจทำให้ติดโรคที่ลำคอได้
นอกจากนี้ โรคหนองในเทียม ยังเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ, การอักเสบของต่อมลูกหมาก, ท่อปัสสาวะตีบ, การอักเสบของหนังหุ้มอวัยวะเพศ หรือการใส่สายสวนปัสสาวะ
ส่วนการจับมือ หรือนั่งฝาส้วมเดียวกัน ไม่สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อหนองในได้ เนื่องจากเชื้อโรคชนิดนี้ เมื่อออกจากร่างกายคนแล้วจะตายค่อนข้างง่าย ดังนั้นโอกาสที่จะติดต่อกันทางอื่น นอกจากทางเพศสัมพันธ์เป็นไปได้ยากกว่า
อาการหนองใน สังเกตแต่เริ่มแรก รักษาได้เร็ว
- อาการหนองในผู้ชาย : ในผู้ชายที่เป็นหนองในจะมีอาการปัสสาวะขัดอย่างรุนแรง และมีหนองสีเหลืองข้น ไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ มักเกิดอาการหลังรับเชื้อไปแล้ว 2-5 วัน ถ้าไม่รักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ลุกลามไปยังต่อมลูกหมาก ทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบ อัณฑะอักเสบ ฯลฯ ซึ่งทำให้เป็นหมันได้
- อาการหนองในผู้หญิง : ในผู้หญิงที่เป็นหนองใน ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ จนกระทั่ง 10 วันไปแล้ว จะมีอาการตกขาว มีกลิ่นเหม็น ปัสสาวะแสบขัด เพราะเกิดการอักเสบที่ท่อปัสสาวะ และปากมดลูก ถ้าไม่รีบรักษาเชื้อโรคจะลุกลาม ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ต่อมบาร์โธลินอักเสบ เป็นฝีบวมโต การอักเสบในอุ้งเชิงกราน ปีกมดลูกอักเสบ การอุดตันของท่อรังไข่ ซึ่งทำให้เป็นหมันหรือตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ นอกจากนี้ หากหญิงมีครรภ์เป็นโรคหนองใน เวลาคลอดอาจทำให้เด็กทารกติดเชื้อเกิดอาการตาอักเสบได้ และหากรักษาไม่ทัน จะทำให้เด็กตาบอดได้
หนองในเทียม อาการเป็นอย่างไร
อาการของหนองในเทียม จะคล้ายกับอาการผู้ป่วยหนองในแท้ แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า และระยะฟักตัวของโรคหนองในเทียมจะนานกว่าโรคหนองในแท้
การวินิจฉัยโรคหนองใน ทำอย่างไร
การวินิจฉัยว่าเป็นโรคหนองในหรือไม่นั้น แพทย์จะนำหนอง หรือปัสสาวะ มาตรวจ PCR จากนั้นจะนำมาย้อมหาเชื้อ
และนำไปเพาะเชื้อ เพื่อตรวจสอบ
ทั้งนี้แพทย์จะนำการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคอื่น ๆ ร่วมด้วย
ส่วนการวินิจฉัยโรคหนองในเทียม จะต้องอาศัยการตรวจพิเศษทางห้องปฏิบัติการมาร่วมด้วย
หนองใน รักษาได้อย่างไร มาดูวิธี
ผู้ที่เป็นโรคหนองใน มักจะเป็นโรคหนองในเทียมด้วย ดังนั้นจึงต้องรักษาอาการไปพร้อม ๆ กัน โดยการใช้ยาปฏิชีวนะกลุ่ม Cephalosporin และ Quinolone
อาจเป็นชนิดรับประทานหรือชนิดยาฉีด ยาที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่
Cefixime, Ceftriaxone, Ciprofloxacin, Ofloxacin, Levofloxacin เป็นต้น
ทั้งนี้ การรักษาหนองในจะได้ผลหรือไม่
ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยที่จะต้องรับประทานยาให้ครบตามแพทย์สั่ง และปฏิบัติตน
รวมทั้งตรวจซ้ำตามแพทย์แนะนำ และหากใครเป็นโรคหนองในควรพาคู่สามีและภรรยาไปตรวจรักษาด้วย
นอกจากนี้เมื่อหายแล้ว ยังควรกลับไปตรวจซ้ำตามแพทย์นัด จนกว่าจะแน่ใจว่าหายสนิทในทุกตำแหน่งที่มีเพศสัมพันธ์
หนองในหายเองได้ไหม ไม่รักษาได้หรือเปล่า
แม้ว่าผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการดีขึ้นเอง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเป็นหนองในจึงควรเข้ารับการรักษาจากแพทย์จะดีที่สุด
เพราะโรคหนองในสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้
หากไม่รักษาแล้วไปแพร่เชื้อให้คู่นอน อาการหนองในก็จะกลับมาเป็นได้อีก
และมีโอกาสที่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนครั้งที่ได้รับเชื้อ
ซึ่งภาวะแทรกซ้อนก็อย่างเช่น อุ้งเชิงกรานอักเสบ ภาวะมีบุตรยาก
ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
ซึ่งเชื้อหนองในสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและทำให้เกิดการติดเชื้อในร่างกายที่รุนแรงได้
โรคแทรกซ้อนของผู้ป่วยหนองใน
ในผู้ชายที่มีอาการหนองใน อาจเกิดอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ คือ
- การอักเสบของอัณฑะ Epididymitis ซึ่งหากไม่รักษาอาจจะทำให้เป็นหมัน
- ข้ออักเสบ Reiter\'s syndrome (arthritis)
- เยื่อบุตาอักเสบ Conjunctivitis
- ผื่นที่ผิวหนัง Skin lesions
- หนองไหล Discharge
ส่วนผู้หญิงที่มีอาการหนองใน อาจมีอาการดังต่อไปนี้
- อุ้งเชิงกรานอักเสบ Pelvic Inflammatory Disease (PID) อาจจะทำให้เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก
- ปวดท้องน้อยเรื้อรัง Recurrent PID อาจจะทำให้เป็นหมัน
- ท่อปัสสาวะอักเสบ Urethritis
- ช่องคลอดอักเสบ Vaginitis
- แท้ง Spontaneous abortion (miscarriage)
หนองใน ป้องกันได้ไหม
การป้องกันโรคหนองในที่ดีที่สุด คือ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ หากมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่แน่ใจว่ามีเชื้อหรือไม่ ให้สวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันตัวเอง นอกจากนี้ ควรมีสามีหรือภรรยาเพียงคนเดียว หรือลดปัจจัยเสี่ยงในการติดต่อ โรคหนองใน และ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
- กระทรวงสาธารณสุข
- bangkokhealth.com