รู้เรื่องพยาธิ อาการแบบไหนต้องสงสัยว่ามีพยาธิ ใช้ยาถ่ายพยาธิดีไหม ?

          ใครคิดว่า "พยาธิ" ไม่น่ากลัว ขอให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ นั่นเพราะสิ่งมีชีวิตที่แฝงอยู่ในร่างกายมนุษย์อย่าง "พยาธิ" นั้น อาจทำร้ายมนุษย์ถึงแก่ชีวิตได้เลย ถ้ารักษาไม่ทันกาลจนมันเข้าไปชอนไชอวัยวะสำคัญของร่างกาย เพราะฉะนั้น เราต้องมารู้จัก "พยาธิ" เพื่อรับมือกับมัน ก่อนที่มันจะทำร้ายเรา

พยาธิ

"พยาธิ" คืออะไรกัน?

          พยาธิ คือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ปรสิต" เพราะต้องอาศัยอยู่ในร่างกายสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น อย่างมนุษย์ และสัตว์ เพื่อดำรงชีพ โดยมันมีขนาดเล็กมาก จะคอยดูดเลือด และแย่งอาหารจากสิ่งมีชีวิตที่มันอาศัยอยู่ ทั้งนี้ พยาธิมีมากกว่า 3,000 ชนิด บางชนิดอาจแค่แย่งดูดซึมอาหารจากร่างกายคนและสัตว์เท่านั้น แต่บางชนิดก็อาจทำให้เกิดพยาธิสภาพรุนแรงถึงชีวิตได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

พยาธิชุมนุมลำไส้ เรื่องใกล้ตัวที่คนนึกไม่ถึง

มารู้จักและป้องกัน เหล่าพยาธิก่อโรค

          จริง ๆ แล้ว พยาธิที่ก่อให้เกิดโรคมีหลายชนิด แต่เราจะมารู้จักกับ "พยาธิ" ที่พบได้บ่อยในร่างกายมนุษย์ พร้อมทั้งวิธีป้องกัน เชื่อว่า พยาธิเหล่านี้ทุกคนรู้จักกันดี

พยาธิตัวกลม

          เป็นพยาธิที่มีลักษณะรูปร่างทรงกระบอก หัวท้ายเรียวแหลม ตัวอย่างเช่น

พยาธิไส้เดือน

พยาธิไส้เดือน

          - พยาธิไส้เดือนตัวกลม

          เป็นพยาธิที่อยู่ในลำไส้เล็กของสิ่งมีชีวิต มี 2 เพศ คือ ตัวผู้กับตัวเมีย โดยตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย ส่วนตัวเมียจะออกไข่วันละประมาณ 200,000 ฟอง และจะหลุดออกมาพร้อมกับอุจจาระ โรคนี้มักพบในเด็กที่นำเอามือที่ปนเปื้อนเข้าปาก และมักพบแพร่กระจายในเขตภาคใต้มากกว่าภาคอื่น เพราะเป็นภาคที่มีอากาศชุ่มชื้นตลอดปี

          สำหรับคนที่เป็นโรคพยาธิไส้เดือนนั้น อาจจะรู้สึกเป็นไข้ ไอ หายใจแน่น หอบเหนื่อย บางคนอาจเกิดลมพิษ ซึ่งเหล่านี้เป็นอาการที่เกิดจากพยาธิตัวอ่อนกำลังเดินทางจากลำไส้ไปที่ปอด แต่หากมีพยาธิในลำไส้มาก ๆ มันจะไปอุดตันทางเดินลำไส้ หรือถุงน้ำดี ทำให้รู้สึกปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ตับอ่อนอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบได้ เวลาถ่ายอุจจาระออกมาจะพบตัวกลม ๆ ยาว ๆ คล้ายไส้เดือนปนมาด้วย หากใครมีอาการเช่นนี้ ควรไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยให้ชัดเจน และจะได้ทำการรักษาโดยใช้ยาต่อไป

          การป้องกันโรคพยาธิไส้เดือนตัวกลม ก็คือ ไม่ถ่ายอุจจาระลงบนดิน และหลีกเลี่ยงการสัมผัสดิน เพราะอาจมีไข่พยาธิปะปนอยู่ อย่างไรก็ตาม ต้องดูแลสุขอนามัยให้สะอาด ล้างมือด้วยสบู่อย่างถูกวิธีก่อนรับประทานอาหาร หรือทำอาหาร และหากซื้อผัก-ผลไม้มาก็ควรล้างให้สะอาดจริง ๆ เพื่อป้องกันไข่พยาธิที่ปะปนมาด้วย

พยาธิเส้นด้าย

พยาธิเส้นด้าย

          - พยาธิเส้นด้าย หรือ พยาธิเข็มหมุด

          เป็นพยาธิที่มีขนาดเล็กมาก อาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก เมื่อตัวผู้กับตัวเมียผสมพันธุ์กันจะออกไข่มาปะปนกับอุจจาระ เมื่อตัวอ่อนตกสู่พื้นดินจะเจริญเติบโตเป็นระยะติดต่อ สามารถไชผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกายสิ่งมีชีวิตได้ ซึ่งบางครั้ง พยาธิพวกนี้อาจจะไปเจริญเติบโตในปอด หัวใจ ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้เลยทีเดียว

          โรคพยาธิชนิดนี้ พบได้บ่อยในเด็กเล็ก วิธีสังเกตก็คือ มักจะมีอาการคันก้นในตอนกลางคืน เนื่องจากพยาธิตัวเมียมักจะคลานออกมาจากลำไส้ใหญ่ เพื่อมาวางไข่อยู่รอบ ๆ ก้น จึงทำให้รู้สึกระคายเคือง ซึ่งพยาธิชนิดนี้สามารถติดต่อกันได้ภายในบ้านด้วย เพราะเป็นพยาธิที่มีน้ำหนักเบา และเล็กมาก สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้ใหญ่ผ่านทางอากาศได้

          การป้องกันทำได้โดยสวมรองเท้าให้เรียบร้อย ไม่เดินเท้าเปล่าบนพื้นดิน เพื่อป้องกันพยาธิชอนไชเข้าสู่ผิวหนัง นอกจากนี้ ยังต้องรู้จักการใช้ส้วมที่ถูกสุขลักษณะ และดูแลรักษาความสะอาดของตัวเองด้วย

พยาธิตัวจี๊ด

พยาธิตัวจี๊ด

          - พยาธิตัวจี๊ด

          เป็นพยาธิตัวกลมชนิดหนึ่งที่สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ หากรับประทานสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์จำพวกนก หรือพวกปลาน้ำจืดที่ไม่ปรุงสุก เช่น เนื้อปลา กบ ไก่ เป็ด หรือดื่มน้ำที่อาจมีกุ้งไรปะปนอยู่ นอกจากนี้ อาจติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์โดยไชผ่านทางรกได้

          ทั้งนี้ เมื่อตัวอ่อนระยะที่ 3 เข้าสู่ร่างกายแล้ว มันจะชอนไชเคลื่อนที่ไปตามอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้อวัยวะนั้นเกิดอาการบวม ปวดจี๊ด ๆ และคัน เห็นเป็นรอยแดง ๆ ตามแนวที่พยาธิไชไป โดยจะเป็นอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ แล้วจะหายไปเอง แม้ไม่ได้รับการรักษา แต่หลังจากนั้น รอยแดงก็อาจบวมขึ้นมาใหม่ในบริเวณอื่นใกล้ ๆ กัน ที่น่ากลัวก็คือ มันอาจชอนไชไปยังอวัยวะอื่นที่สำคัญได้ เช่น หากไปที่สมองก็ทำให้สมองอักเสบได้

          การป้องกันโรคพยาธิตัวจี๊ดก็คือ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกแล้ว โดยเฉพาะเนื้อปลา ไก่ เป็ด กบ

พยาธิปากขอ

พยาธิปากขอ

          - พยาธิปากขอ

          มีลักษณะเป็นทรงกระบอกเรียวยาว คล้ายเส้นด้ายสั้น ๆ ตัวแก่จะอาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก มีเขี้ยวแหลมเกาะผนังลำไส้ เพื่อดูดกินเลือดและน้ำเลี้ยงจากลำไส้ ไข่ของพยาธิจะหลุดปนออกมากับอุจจาระ หากตกลงบนพื้นดินก็สามารถเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อน แล้วไชผ่านเข้าผิวหนังของมนุษย์ เช่น ง่ามเท้า เข้าไปอาศัยอยู่ในปอด หลอดลม คอหอย หรือถูกกลืนลงไปในกระเพาะอาหารได้อีก

          วิธีสังเกตว่าเป็นโรคพยาธิปากขอหรือไม่ ให้ดูว่ามีอาการคัน เป็นผื่นแดง และอักเสบเป็นตุ่มแดงตามง่ามเท้า หรือผิวหนังหรือไม่ ซึ่งโดยปกติแล้วอาการพวกนี้มักจะหายในเวลาไม่นาน แต่รอยแดงที่เป็นทางเดินของพยาธิอาจปรากฏอยู่นานถึง 2 สัปดาห์ หากตัวอ่อนเข้าสู่กระแสโลหิตไปจนถึงปอดแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการหลอดลมอักเสบ หรือปอดอักเสบ เป็นไข้ ไอเล็กน้อย แต่เมื่อพยาธิเดินทางไปสู่ลำไส้ อาการที่เกิดจากปอดจะหายไป ผู้ป่วยจะมีอาการที่ลำไส้แทน คือ เยื่อบุผนังลำไส้อาจฉีกขาด และเกิดแผล รู้สึกปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย นอกจากนี้ อาจสังเกตเห็นผู้ป่วยมีใบหน้าซีดเซียว เป็นโรคโลหิตจาง เนื่องจากพยาธิจะดูดเลือดออกไป

          การป้องกัน ทำได้โดยสวมรองเท้าที่มิดชิด เพื่อป้องกันตัวอ่อนระยะติดต่อไชผ่านผิวหนัง หลีกเลี่ยงการถ่ายอุจจาระลงดิน ใช้ส้วมอย่างถูกสุขลักษณะ รวมทั้งไม่ใช้อุจจาระเป็นปุ๋ยรดผัก และที่สำคัญ ควรรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่สะอาด

พยาธิตัวแบน หรือ พยาธิตัวตืด

          เป็นพยาธิที่มีลำตัวแบน แบ่งเป็นปล้อง ๆ เช่น พยาธิตืดหมู พยาธิตืดวัว ซึ่งพยาธิเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายจากการรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ

พยาธิตืดวัว

พยาธิตืดวัว

พยาธิตืดหมู

พยาธิตืดหมู

          - พยาธิตืดหมู/พยาธิตืดวัว

          เป็นพยาธิตัวแบน สีขาวขุ่น ลักษณะเส้นแบนคล้ายข้าวซอย เส้นบะหมี่ มีความยาวหลายเมตร เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้จากการรับประทานเนื้อหมู หรือเนื้อวัวที่ปรุงไม่สุก หรือการดื่มน้ำ การรับประทานผัก ผลไม้ ที่มีไข่พยาธิปนอยู่ โดยพยาธิตืดหมูจะอันตรายกว่าพยาธิตืดวัว เพราะไข่พยาธิตืดหมูจะไปโตเป็นระยะตัวอ่อนเม็ดสาคูในร่างกายคน แล้วไปอาศัยอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งหากไปอยู่ในอวัยวะสำคัญ ๆ เช่น สมอง ไขสันหลัง ก็อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ หรือถ้าไปอยู่ในตาก็อาจทำให้ตาบอดได้

          ทั้งนี้ พยาธิในลำไส้จะไปแย่งอาหารของมนุษย์ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหิวบ่อย แต่ผอมลง น้ำหนักลง แม้กินจุ รู้สึกปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน หรืออุจจาระบ่อย เพราะลำไส้ระคายเคือง วิธีป้องกันคือ ไม่รับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ดื่มน้ำที่ต้มสุกแล้ว ล้างผัก ผลไม้ อาหารสดทุกอย่างให้สะอาด รวมทั้งล้างมือทุกครั้งเมื่อเข้าห้องน้ำแล้ว

          ในประเทศไทยพบผู้ป่วยพยาธิตัวตืดมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะชาวบ้านชอบรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ และพบผู้ป่วยโรคพยาธิตืดวัวมากกว่าพยาธิตืดหมู

พยาธิใบไม้

          เป็นพยาธิที่มีลำตัวแบน ไม่แบ่งเป็นปล้อง ติดต่อได้ง่ายจากการบริโภคอาหารประเภทปลาและสัตว์น้ำจืด ในลักษณะดิบ หรือปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ ที่รู้จักกันดีก็คือ พยาธิใบไม้ตับ

พยาธิ

          - พยาธิใบไม้ตับ

          เป็นพยาธิตัวเต็มวัยของพยาธิที่อาศัยอยู่ในทางเดินน้ำดี รูปร่างคล้ายใบหอก ผิวลำตัวเรียบ ยาว 1.0-2.5 เซนติเมตร กว้าง 0.3-0.5 เซนติเมตร มีลำตัวบางแบนและโปร่งแสง ในตัวจะมีอวัยวะสืบพันธุ์ของทั้งเพศผู้และเพศเมีย อาศัยอยู่ในท่อทางเดินน้ำดีของสิ่งมีชีวิต เมื่อออกไข่ ไข่จะปนออกมากับอุจจาระ หากไข่ตกลงสู่น้ำจะถูกหอยน้ำจืดขนาดเล็กกินเข้าไป และเมื่อปลาน้ำจืดมากินหอยนั้น ก็จะมีพยาธิตกค้างอยู่ในตัวปลา ซึ่งถ้าคนจับปลามารับประทานต่อโดยไม่ปรุงให้สุกก็จะได้รับพยาธิเข้าไปด้วย โดยพยาธิจะเข้าไปในท่อน้ำดีและเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย

          ทั้งนี้ หากพยาธิเข้าไปในทางเดินน้ำดีแล้ว มันจะปล่อยสารบางอย่างออกมา ทำให้ทางเดินน้ำดีระคายเคือง เยื่อบุผนังท่อน้ำดีจะหนาตัวขึ้น ทำให้เกิดพังผืด อาจเป็นนิ่ว ท่อน้ำดีอักเสบ หรือถุงน้ำดีอักเสบได้ หากป่วยด้วยโรคนี้บ่อยครั้งเข้า ก็อาจกลายเป็นมะเร็งท่อน้ำดีได้เลย อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการว่าเป็นพยาธิใบไม้ตับ เพราะบางคนอาจมีแค่อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นครั้งคราว หรือแค่ร้อนท้อง ยกเว้นใครที่มีพยาธิจำนวนมาก ก็อาจมีอาการเบื่ออาหาร ดีซ่าน ท้องมาน ท้องบวม ตับโต เป็นต้น

          การป้องกันพยาธิใบไม้ตับ ทำได้โดยไม่รับประทานปลาน้ำจืดที่มีเกล็ดโดยไม่ปรุงให้สุก เช่น ปลาตะเพียน ปลาขาว ปลาขาวน้อย ปลากระสูบ ปลาแก้มช้ำ ปลาสร้อย ปลากระมัง รวมทั้งไม่ถ่ายอุจจาระลงพื้นดิน หรือแหล่งน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ไข่พยาธิตกลงไปในน้ำ

ตรวจสุขภาพ

 การรักษาโรคพยาธิ

          ใครมีอาการลักษณะดังที่กล่าวมาทั้งหมด หรือต้องสงสัยว่าอาจเป็นพยาธิ ก็ขอให้ไปพบแพทย์เพื่อความแน่ใจ โดยแพทย์จะทำการตรวจอุจจาระ เพื่อหาไข่พยาธิให้ และจะได้ให้ยารักษา ซึ่งมียาหลายชนิดที่สามารถใช้รักษาพยาธิได้ และส่วนใหญ่ก็รักษาให้หายขาดได้ด้วย แต่ต้องป้องกันการติดโรคซ้ำสอง ยกเว้นโรคพยาธิบางชนิด เช่น พยาธิตัวจี๊ด พยาธิใบไม้ในตับ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มียาที่ให้ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ

          อย่างไรก็ตาม ในรายที่มีพยาธิมาก หรือพยาธิไปอยู่ในอวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น สมอง หรืออุดตันลำไส้ แพทย์ก็จะตัดสินใจใช้วิธีการผ่าตัดเอาพยาธิออกมา เพราะหากปล่อยไว้นาน อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ยาถ่ายพยาธิ

 ยาถ่ายพยาธิ ใช้ดีไหมนะ?

          หลายคนเข้าใจว่า หากมีพยาธิก็ใช้ยาถ่ายพยาธิสิ ไม่เห็นยากอะไร ขอบอกว่า คุณเข้าใจถูกแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้ว ยาถ่ายพยาธิจะใช้ได้กับพยาธิที่อยู่ในลำไส้เท่านั้น แต่หากพยาธิเข้าไปอยู่ในอวัยวะส่วนอื่น ๆ การใช้ยาถ่ายพยาธิก็จะไม่สามารถช่วยได้

          แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามีพยาธิอยู่ในลำไส้หรือไม่ ? ก็ให้สังเกตว่า มีตัวพยาธิเวลาอาเจียน หรือถ่ายอุจจาระออกมาหรือไม่ หรืออาจตรวจอุจจาระแล้วพบไข่พยาธิ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็สามารถใช้ยาถ่ายพยาธิได้ แต่ควรใช้ตามขนาดที่แนะนำ และที่สำคัญคือ ไม่ควรใช้ยาถ่ายพยาธิในหญิงตั้งครรภ์ เพราะอาจเกิดอันตรายต่อเด็กในครรภ์ได้

          สำหรับยาถ่ายพยาธิที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ ยาถ่ายพยาธิขององค์การเภสัชกรรม หรือ ยาถ่ายพยาธิปิเปอราซีน (Piperazine Citrate Elixir) ซึ่งใช้ถ่ายพยาธิตัวกลม หรือจะเป็น มีเบนดาโซล (mebendazole) มีชื่อทางการค้าว่า ฟูกาคาร์ (Fugacar), เบนดา (Benda), มีเบน (Meben), วอร์เมกซ์ (Wormex) มีทั้งประเภทน้ำ (100 มิลลิกรัมต่อช้อนชา) และชนิดเม็ด (100 มิลลิกรัม) สามารถใช้ถ่ายพยาธิไส้เดือน พยาธิเส้นด้าย และพยาธิปากขอ

          ทั้งนี้ ควรศึกษาการใช้ยาถ่ายพยาธิจากฉลาก หรือปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด เพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพดี และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากยาถ่ายพยาธิบางชนิดไม่ควรใช้เด็กที่มีอายุน้อย หญิงมีครรภ์ หรือหญิงให้นมบุตร

          อย่างไรก็ตาม ผู้ที่กินยาถ่ายพยาธิบางคนอาจมีอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ แต่ไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรงอะไร แต่หากใครกินยาแล้วมีอาการลมพิษ ผื่นคัน แสดงว่าแพ้ยานี้ ควรเลิกกินทันที

เป็นพยาธิตัวตืด ห้ามซื้อยาถ่ายพยาธิมาใช้เองเด็ดขาด !

          อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่เป็นพยาธิตัวตืด ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้ยา เพราะพยาธิตัวตืดเป็นพยาธิที่อันตรายกว่าชนิดอื่น ๆ โดยเพจ Drama-Addict ซึ่งแอดมินเป็นคุณหมอ ได้เตือนว่า ไม่ควรซื้อยาถ่ายพยาธิมากินเองเด็ดขาด เพราะหากใช้ไม่ถูกวิธี อาจทำให้ปล้องของพยาธิตัวตืดหลุดย้อนกลับเข้าไปในกระเพาะอาหาร แล้วปล้องของพยาธิจะถูกย่อยไปด้วย ทำให้ไข่พยาธิจำนวนมหาศาลถูกปล่อยออกมาจากปล้อง สามารถชอนไชไปยังอวัยวะต่าง ๆ ตามกล้ามเนื้อได้ หากเคสเลวร้าย พยาธิอาจไชไปถึงสมองเป็นอันตรายได้เลย ดังนั้น หากต้องสงสัยว่าร่างกายมีพยาธิ อย่าเพิ่งซื้อยามากิน ควรให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยก่อนจะดีที่สุด

พยาธิ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Fda Thai


 สมุนไพรช่วยถ่ายพยาธิได้นะ

          เป็นที่รู้กันว่า สมุนไพรของไทยมีสรรพคุณมากมาย และบางชนิดก็สามารถฆ่าพยาธิได้ด้วย มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

           แก้ว : ใบแก้วสามารถนำมารับประทานเพื่อขับพยาธิตัวตืดได้ โดยใช้ก้านและใบสด 10-15 กรัม ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว รับประทานวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า-เย็น

           ทับทิม : สามารถใช้ถ่ายพยาธิตัวตืด และพยาธิตัวกลม โดยนำเปลือกสดของราก และต้นที่เก็บใหม่ ๆ 60 กรัม หรือประมาณ 1/2 กำมือ เติมกานพลูหรือกระวานลงไปเล็กน้อย เพื่อแต่งรส ต้มกับน้ำ 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 1/2 ถ้วยแก้ว รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ (30 ซี.ซี.) หลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมง รับประทานยาถ่าย เช่น ดีเกลือ 2 ช้อนโต๊ะตาม ข้อแนะนำคือ ควรอดอาหารก่อนรับประทานยา

           มะเกลือ : เป็นสมุนไพรยอดเยี่ยมที่สุดในการถ่ายพยาธิ ใช้กำจัดพยาธิตัวตืด หรือไส้เดือนตัวกลม พยาธิปากขอ พยาธิเข็มหมุด โดยให้ใช้ผลสดโตเต็มที่และเขียวจัด จำนวนผลเท่าอายุ แต่ไม่เกิน 25 ผล (เช่น คนไข้อายุ 40 ปี ใช้เพียง 25 ผล) ตำใส่กะทิ คั้นเอาแต่น้ำกะทิ ช่วยกลบรสเฝื่อน ควรรับประทานขณะท้องว่าง ถ้า 3 ชั่วโมงแล้วยังไม่ถ่าย ให้ใช้ยาระบาย เช่น ดีเกลือ 2 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำดื่มตามลงไป

           มะหาด : นำแก่นมะหาดมาต้ม เคี่ยวด้วยน้ำไปจนเกิดฟอง แล้วช้อนฟองขึ้นมาตากแห้ง จะได้ผงสีเหลือง นำมาบดให้เป็นผงละเอียดจะได้ยาปวกหาด ใช้รับประทานกับน้ำสุกเย็นครั้งละ 1-2 ช้อนชา (ประมาณ 3-5 กรัม) ก่อนอาหารเช้า หลังจากรับประทานยาปวกหาดแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง ให้รับประทานดีเกลือ หรือยาถ่ายตาม เพื่อระบายท้อง จะถ่ายพยาธิตัวตืด และพยาธิไส้เดือนออกหมด

          นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นพยาธิตัวตืด สามารถนำผงมะหาด 1 ช้อนโต๊ะ มาละลายในน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ รับประทานครั้งเดียว อีก 2 ชั่วโมงต่อมาให้รับประทานยาถ่ายตาม ก็จะช่วยถ่ายพยาธิตัวตืดได้ แต่หากเป็นเด็ก ให้ใช้ยาครึ่งช้อนโต๊ะ ละลายในน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ รับประทานครั้งเดียว อีก 2 ชั่วโมงต่อมาจึงรับประทานยาถ่ายตาม

           เล็บมือนาง : ใช้เมล็ดในของผลเล็บมือนางที่แก่และแห้ง 4-5 เมล็ด (4-6 กรัม) หั่นทอดกับไข่ให้เด็กอายุประมาณ 5-6 ขวบ รับประทานขับถ่ายพยาธิไส้เดือนตัวกลมได้ ส่วนผู้ใหญ่ให้ใช้ 5-7 เมล็ด (หนัก 10-15 กรัม) ทุบพอแตก ต้มเอาน้ำดื่ม หรือหั่นทอดกับไข่รับประทาน จะช่วยขับพยาธิตัวกลม

          อย่างไรก็ตาม ก่อนใช้สมุนไพรควรศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียดก่อน เพราะแม้จะเป็นสมุนไพรจากธรรมชาติ แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงได้ หากใช้ไม่ถูกวิธี

การป้องกัน พยาธิ

 การป้องกันโรคพยาธิ

          หากไม่ต้องการเป็นโรคพยาธิ หรือใครที่เคยเป็นแล้ว ไม่อยากเป็นอีก ควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อโรคพยาธิ มาดูกัน

          1. เลือกรับประทานอาหารที่สะอาด ใหม่ ปรุงสุกแล้ว

          2. ล้างมือทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ รวมทั้งล้างมือทุกครั้งก่อนและหลังเตรียมอาหาร

          3. สวมรองเท้าเสมอเมื่อออกนอกบ้าน ไม่ควรเดินเท้าเปล่า เพราะอาจมีพยาธิไชเข้าผิวหนังโดยที่เราไม่รู้ตัว

          4. ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ ไม่ควรถ่ายลงบนพื้นดิน หรือแหล่งน้ำ เพราะอาจทำให้พยาธิแพร่ไปยังที่อื่น ๆ ได้

          5. ดูแลร่างกายให้มีสุขลักษณะที่ดี รักษาความสะอาดของร่างกาย ตัดเล็บให้สั้น เพื่อไม่ให้ไข่พยาธิที่อาจติดเล็บเข้าสู่ร่างกายทางปากได้

          6. ล้างผักสด ผลไม้สด ให้สะอาดด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 2-3 ครั้ง เพื่อป้องกันไข่พยาธิที่อาจจะติดมา

          เห็นไหมว่า เรื่องของ "พยาธิ" ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย เพราะมันสามารถเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์เราได้ทุกเมื่อ โดยที่เราไม่รู้ตัวเสียด้วย เพราะฉะนั้น ดูแลสุขอนามัยของตัวเองให้ดี จะได้ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องพยาธิยังไงล่ะ

ขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ phanrat สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ขอบคุณข้อมูลจาก
- คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล
- คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ 
- เพจ Drama-Addict


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รู้เรื่องพยาธิ อาการแบบไหนต้องสงสัยว่ามีพยาธิ ใช้ยาถ่ายพยาธิดีไหม ? อัปเดตล่าสุด 23 มีนาคม 2564 เวลา 09:28:20 449,996 อ่าน
TOP
x close