x close

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับยุง และวิธีลดอาการบวม เมื่อถูกยุงกัด

          ยุงเป็นสัตว์ตัวเล็กนิดเดียวที่เรารู้กันดีว่ามีพิษสงมากมาย โดนเจ้ายุงกัด ทีก็ทั้งคันทั้งเจ็บ แถมเป็นผื่นแดงทิ้งหลักฐานไว้บนผิวเราอีก ยิ่งกับคนที่แพ้น้ำลายยุงเป็นทุนเดิม ก็จะยิ่งทรมานจากการโดนยุงกัดมากขึ้น และที่ร้ายแรงก็คือ อาจจะป่วยเป็นไข้เลือดออก หรือไข้มาลาเรีย ในกรณีที่โดนยุงที่เป็นพาหะนำโรคร้ายทั้งสองโรคนี้กัด

 
ยุงกัด

          แต่อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้เรายังมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับยุงอีกมาย ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมก็ได้รวบรวมความเชื่อเรื่องยุงที่เรามักจะเข้าใจกันอย่างผิด ๆ จากเว็บไซต์ huffingtonpost มาบอกให้ได้ทราบกัน เพื่อให้เราได้มีความเข้าใจเรื่องยุงกันมากขึ้น และปกป้องยุงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

เขาว่ากันว่า...ยุงชนิดไหน ๆ ก็มีพิษเท่ากันหมด

            เนื่องจากยุงมีลักษณะทางกายภาพที่คล้ายคลึงกันมาก จนอาจจะทำให้เราเข้าใจผิดไปว่า ยุงแต่ละชนิดก็มีพิษสงไม่ต่างกันเท่าไร ซึ่งในความจริงแล้วยุงแต่ละชนิดนั้นค่อนข้างมีภัยร้ายต่อคนเราแตกต่างกันมากมายเลยทีเดียว โดยปัจจัยหลัก ๆ ที่จะทำให้ความร้ายแรงของยุงนั้นแตกต่างกันก็คือ แหล่งที่อยู่อาศัย และอาหารที่ยุงกิน เช่น ยุงป่า ย่อมต้องมีพิษและทำอันตรายเราได้มากกว่ายุงบ้านธรรมดา เพราะกัดกินเลือดจากสัตว์ป่า ทำให้อาจจะติดไวรัสชนิดร้ายแรงจากสัตว์ป่ามาได้

          อย่างไรก็ตาม หากเรารู้แหล่งที่มาของยุง ก็จะช่วยให้เรารักษาอาการที่ถูกยุงกัดได้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องขึ้น อ้อ ! และที่ควรรู้อีกอย่างก็คือ มีแค่ยุงตัวเมียเท่านั้นที่กัดเรา ยุงตัวผู้เขาไม่สนใจเลือดของมนุษย์จ้า

เขาว่ากันว่า...ยุงทุกชนิดเป็นพาหะนำโรค

            ยุงมีมากกว่า 3,000 ชนิด แต่มีไม่กี่ร้อยชนิดที่กินเลือดจากคน ที่เหลือชอบกินเลือดสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ หรือสัตว์เลื้อยคลานมากกว่า แต่ในจำนวนยุงที่กินเลือดคนนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นพาหะนำโรคทุกชนิดและทุกตัวไปนะคะ แต่เป็นบางสายพันธุ์เท่านั้น เช่น ยุงที่มีไวรัสเวสต์ไนล์ (West Nile virus) ที่ทำให้เกิดโรคไข้สมองอักเสบ ยุงที่มีไวรัสเซนต์หลุยส์ (St. Louis encephalitis virus) ซึ่งเป็นสาเหตุของการอักเสบของสมอง ซึ่งเคยเป็นโรคระบาดที่ร้ายแรงในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาอยู่ช่วงหนึ่ง โดยเรามักจะพบไวรัสเหล่านี้ในยุงรำคาญ

          แต่ถึงกระนั้นยุงรำคาญก็ไม่ได้เป็นพาหะเสมอไป อีกทั้งก็ยังไม่พบไวรัสทั้ง 2 ชนิดนี้ในประเทศไทย และกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็คอยสอดส่องดูแลอยู่เป็นอย่างดี ฉะนั้นหากโดนยุงกัดก็อย่าเพิ่งตื่นตูมว่าจะไม่สบายหรือเจ็บป่วยจากไวรัสนะจ๊ะ ไว้คอยสังเกตอาการหลังโดนยุงกัดดีกว่า หากมีไข้สูง หนาวสั่น ชักกระตุก หรือตัวชาแข็ง และหมดสติ ก็ค่อยไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

เขาว่ากันว่า...หน้าหนาวจะมียุงน้อยกว่าหน้าร้อนและหน้าฝน

          โดยปกติเรารู้ว่าแหล่งกำเนิดของยุงมาจากแอ่งน้ำ ทำให้ในหน้าฝนจะมียุงชุมมากกว่าในฤดูที่อากาศแห้งอย่างฤดูหนาว และฤดูร้อน แต่ในความเป็นจริงแล้วยุงเกิดได้ทุกที่ ทั้งที่ที่เป็นน้ำ และพื้นที่แห้ง โดยเฉพาะน้ำสกปรกซึ่งอุดมไปด้วยแหล่งอาหารสำหรับลูกน้ำมากมาย

          และจุดเหล่านี้ล่ะที่เป็นแหล่งชุมนุมของยุงที่มีพาหะของโรคไข้เลือดออก ส่วนยุงที่เกิดจากแหล่งพื้นที่แห้ง ก็อาจจะเป็นพาหะนำโรคต่าง ๆ มาสู่คนได้เช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าจะฤดูไหน หรือมีสภาพอากาศเป็นอย่างไร ก็ควรต้องเฝ้าระวังยุงกันอยู่เสมอนะคะ

ไข้เลือดออก

เขาว่ากันว่า...ยุงชอบกัดคนที่มีเลือดหวาน

          เคยโดนแซวหรือแซวคนที่โดนยุงกัดบ่อย ๆ ไหมคะ ว่าเป็นเพราะเขามีเลือดหวาน ยุงก็เลยชอบกัด แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่จะดึงดูดยุงให้มากัดเราก็คือ เหงื่อ กรดแลคติก คาร์บอนไดออกไซด์ น้ำหอมบางชนิด และแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนังเราต่างหาก ถ้าไม่เชื่อลองออกกำลังกายให้เหงื่อออกมาก ๆ ดูก็ได้ค่ะ แล้วจะรู้สึกว่ามียุงมาวนเวียนหรือมากัดเรามากกว่าปกติ

เขาว่ากันว่า...กระเทียมไล่ยุงได้

          แม้จะมีประวัติว่า มีคนใช้กระเทียมป้องกันยุงกัด ด้วยวิธีการทั้งกินและทั้งทา แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันแน่ชัดว่าวิธีนี้จะได้ผลจริง ดังนั้นเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองว่าป้องกันยุงได้จริงดีกว่า อย่างเช่น โลชั่นทากันยุง หรือสเปรย์ไล่ยุง แต่ถ้าไม่อยากใช้สารเคมี ก็สามารถใช้สเปรย์ตะไคร้หอมไล่ยุงได้เหมือนกันค่ะ
         
          ได้รู้ข้อเท็จจริงเรื่องของยุงกันไปแล้ว คราวนี้เรามาดูวิธีบรรเทาอาการที่ถูกต้อง เมื่อโดนยุงกัดกันดีกว่าค่ะ หากโดนยุงกัดและมีอาการคัน เราจะได้รักษาได้ทันท่วงทีด้วยวิธีต่อไปนี้

น้ำผึ้ง

ทาด้วยน้ำผึ้ง

          น้ำผึ้งมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพเราอยู่แล้ว และยังมีคุณสมบัติช่วยลดอาการอักเสบบวมแดงได้อีก ดังนั้นเราจึงสามารถนำมาแก้อาการคันและบวมแดงบริเวณผิวหนังที่โดนยุงกัดได้ ด้วยเช่นกัน โดยใช้น้ำผึ้งสด ๆ ทาลงไปบนตุ่มคันบาง ๆ ก็พอค่ะ

ประคบน้ำแข็ง

          เมื่อผิวที่โดนยุงกัดได้รับความเย็นจากน้ำแข็งอย่างเฉียบพลัน ผิวหนังส่วนนั้นจะเกิดปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการหดตัวทันที ทำให้อาการคันหยุดชะงัก อีกทั้งวิธีนี้ยังช่วยลดอาการบวมแดงของผิวหนังได้อีกด้วย ซึ่งคุณสามารถใช้ได้ทั้งน้ำแข็งประคบโดยตรง หรือจะใช้เจลเย็นที่แช่เย็นจัด ๆ ก็ได้ค่ะ แต่ไม่ควรประคบร้อน เพราะหลังจากประคบร้อนเสร็จแล้ว ผิวหนังจะเกิดอาการคันยิ่งขึ้น

ถุงชา

ประคบด้วยถุงชา

          หลายคนคุ้นเคยกับการประคบถุงชาบริเวณถุงใต้ตา เพื่อลดอาการตาบวม เช่นกันกับอาการบวมแดงของตุ่มยุงกัด ถุงชาก็สามารถกระชับและไล่น้ำส่วนเกินบริเวณที่ยุงกัดได้เช่นกัน

โหระพาลดอาการคัน

          ในโหระพามีทั้งการบูรและไทมอล ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้สามารถลดอาการคันได้เป็นอย่างดี วิธีใช้ก็ง่าย ๆ เพียงแค่เด็ดใบโหระพาแล้วนำมาหั่นให้ละเอียดพอประมาณ แล้วนำมาทาบริเวณที่โดนยุงกัด เท่านี้อาการคันก็จะค่อย ๆ หายไปค่ะ

มะนาว

ทาด้วยน้ำมะนาว

          น้ำมะนาวมีสารต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อโรค และสารที่ช่วยลดอาการคัน ดังนั้นเพียงแค่คุณใช้น้ำมะนาวหรือเปลือกของมะนาวทาถูบริเวณตุ่มคัน ก็จะช่วยลดอาการคันลงได้

แก้คันด้วยสะระแหน่

          สะระแน่เองก็มีคุณสมบัติช่วยลดอาการคัน  เพราะเป็นพืชที่มีความเย็น โดยเราสามารถใช้วิธีนำใบสะระแหน่มาบดแล้วนำมาทาบริเวณตุ่มคัน หรือจะทาด้วยยาสีฟันรสมินต์ก็ได้ เพราะเมื่อทายาสีฟันที่เย็น หรือสะระแหน่ลงบนผิว สมองเราจะรับความรู้สึกเย็นได้ทันที ทำให้ลืมอาการคันที่มีอยู่ได้นั่นเอง

กล้วย

เปลือกกล้วยช่วยได้
         
          น้ำตาลในเปลือกกล้วยก็สามารถลดอาการบวมของตุ่มคันจากยุงกัดได้ด้วย โดยแค่ใช้เปลือกกล้วยด้านในถูลงไปตรงบริเวณผิวที่โดนยุงกัด แล้วคลึงเบา ๆ ทิ้งไว้สักพัก อาการบวมแดงก็จะหายไป

บรรเทาอาการด้วยนม

          ไม่ว่าจะเป็นอาการคัน อาการอักเสบ และอาการบวมแดง เราก็สามารถบรรเทาทุกอาการได้ด้วยการชุบผ้าเช็ดหน้าด้วยนม หรือน้ำให้ชุ่ม แล้วนำไปประคบบริเวณตุ่มคัน ทิ้งไว้สักพัก รอยบวมแดงก็จะค่อย ๆ ยุบตัวลงแล้วล่ะ

ตบหรือหยิก

          อาจจะดูซาดิสม์ไปนิดแต่ขอบอกว่าเป็นวิธีที่ได้ผลเช่นกัน เพราะการหยิกที่ตุ่มคัน หรือตบลงไปแรง ๆ ร่างกายจะรู้สึกเจ็บกว่ารู้สึกคัน ซึ่งคุณอาจจะทายาหม่อง หรือบรรเทาอาการคัน และบวมแดงเบื้องต้นด้วยวิธีที่บอกมาก่อนก็ได้ แล้วค่อยใช้วิธีหยิกหรือตบลงไปแรง ๆ ที่ตุ่มคันร่วมด้วยอีกที

ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ลดอาการคัน

          บางคนอาจจะรู้สรรพคุณของว่านหางจระเข้ในด้านลดรอยไหม้ หรือให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง แต่อีกสรรพคุณหนึ่งของว่านหางจระเข้ก็คือ ช่วยลดอาการคัน อาการบวมแดงของแผลที่โดนยุงกัดได้ชะงัดเลยทีเดียว

          เรียกว่าได้สาระความรู้เกี่ยวกับเรื่องของยุงกันอย่างครบครัน ทั้งได้รู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของยุง และได้รู้อีกสารพัดวิธีรักษาอาการคัน และอาการบวมแดงจากการที่โดนยุงกัด รู้ครบอย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมนำไปใช้ป้องกัน หรือรักษาอาการคันเมื่อโดนยุงกัดกันด้วยนะคะ จะได้ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออก และโรคมาลาเรีย อีกทั้งผิวหนังจะได้ไม่เป็นตุ่มแดงให้รำคาญตาอีกด้วย


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับยุง และวิธีลดอาการบวม เมื่อถูกยุงกัด อัปเดตล่าสุด 1 กรกฎาคม 2564 เวลา 14:18:38 174,622 อ่าน
TOP