กินยาคุมกำเนิด เป็นวิธีคุมกำเนิดที่สาว ๆ นิยมใช้ เพราะดูแล้วไม่ยุ่งยาก แต่ก็ต้องระวังผลข้างเคียงยาคุมกำเนิดไว้บ้างนะ !
ผลข้างเคียงอันดับต้น ๆ ที่มักจะพบอยู่บ่อย ๆ ในผู้หญิงที่กินยาคุมกำเนิด
ก็คือ อาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งโดยปกติแล้วอาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วง 2-3
เดือนแรกเท่านั้น หลังจากนั้นอาการคลื่นไส้ก็จะหายไป แต่ถ้าหากว่า หลัง 2-3
เดือนแล้วอาการคลื่นไส้อาเจียนยังอยู่
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้กินอาหารแล้วค่อยกินยา แต่ถ้ายังไม่หายอีก
คราวนี้คงต้องเลิกกินยาคุมกำเนิด แล้วหันไปคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น
อย่างสวมถุงยางอนามัย หรือใส่ห่วงแล้วล่ะค่ะ
2. ความต้องการทางเพศลดลง
ยาคุมกำเนิดมีผลต่ออารมณ์ทางเพศของผู้หญิงเราเช่นกัน
โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า หากกินยาคุมกำเนิดติดต่อกันระยะเวลาหนึ่ง
อาจจะส่งผลให้ความต้องการทางเพศลดลง
จนเป็นเหตุให้เบื่อหรือไม่มีอารมณ์ร่วมเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับคนรักได้
ดังนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่า ลองหยุดกินยาคุมกำเนิด
แล้วคุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติดูบ้าง
ก็จะช่วยให้อารมณ์ทางเพศคุณกลับมาเป็นปกติดังเดิม
3. คัดหน้าอก ปวดหัว และเวียนศีรษะ
อาการเหล่านี้ถือเป็นอาการข้างเคียงยอดนิยมที่ผู้รับประทานยาคุมกำเนิดเกือบทุกคนต้องเจอ แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ออกมาบอกว่า ไม่ต้องกังวลไป เพราะอาการข้างเคียงเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และจะค่อย ๆ หายไปในที่สุด อีกทั้งยังไม่เคยพบว่ามีผู้ใดที่กินยาคุมกำเนิดแล้วจะมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นกับร่างกายตลอดการรับประทานยาเลยด้วย
4. อารมณ์แปรปรวน ฉุนเฉียว
เนื่องจากในยาคุมกำเนิดประกอบไปด้วยฮอร์โมน จึงเป็นไปได้ที่จะเข้าไปแทรกแซงฮอร์โมนที่มีอยู่ในร่างกายเรา ทำให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น หงุดหงิดง่าย อารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้น และอารมณ์แปรปรวนได้ ซึ่งแพทย์ก็ได้ให้ความเห็นว่า การแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนยาคุมกำเนิด ก็อาจจะไม่ได้ช่วยให้อาการเหล่านี้หายไปเท่าไร เพราะยาคุมกำเนิดทุกยี่ห้อ ต่างก็มีฮอร์โมนเป็นส่วนประกอบเช่นเดียวกัน ดังนั้น หากจะแก้อาการเหล่านี้ก็อาจจะต้องกินยาลดอาการซึมเศร้า (Antidepressants) ร่วมด้วย แต่ในระยะยาวให้ลองกินยาคุมกำเนิดที่ไม่มีฮอร์โมน (Non-hormonal contraceptives)
5. น้ำหนักขึ้น ตัวบวม
เชื่อว่าข้อนี้เป็นผลข้างเคียงที่ผู้หญิงทุกคนรู้ และระวังกันเป็นอย่างยิ่ง แต่บางคนก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงนี้ได้เลย อีกทั้งผลการวิจัยทางการแพทย์ยังยืนยันอีกด้วยว่า ผู้หญิงที่กินยาคุมกำเนิด จะมีน้ำหนักตัวโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 3 กิโลกรัมต่อปี และการเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมกำเนิดก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหานี้ได้เสมอไป ดังนั้นหากไม่อยากมีผลข้างเคียงเช่นนี้ แนะนำให้เลือกคุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติดีกว่าค่ะ
6. ประจำเดือนมาน้อยกว่าปกติ
ผลข้างเคียงนี้ก็เป็นอีกอาการหนึ่งที่มักจะพบได้บ่อย ๆ ซึ่งก็เกิดจากร่างกายขับของเสียออกมาไม่หมด ทำให้ประจำเดือนออกน้อย ซึ่งแพทย์ระบุว่า อาการข้างเคียงนี้เป็นผลจากฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในตัวยา และหากจะรักษาอาการข้างเคียงนี้ก็ต้องเลือกกินยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนในปริมาณน้อย
7. เลือดออกกะปริดกะปรอยระหว่างรอบเดือน
อาการข้างเคียงนี้มักจะเกิดกับคนที่เริ่มกินยาคุมกำเนิดใหม่ ๆ
และกินยาไม่ถูกวิธี เช่น กินยาไม่ตรงเวลา ไม่ตามแผงลูกศร
หรือลืมกินยาในบางวัน ซึ่งก็จะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายปรวนแปร
เกิดอาการปรับตัวไม่ทัน
จนเป็นเหตุให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอยระหว่างรอบเดือนได้ และหากปรับการกินยาคุมกำเนิดถูกวิธีแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น
แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางแก้ไขต่อไปค่ะ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นยาอะไร ก็ย่อมต้องมีผลข้างเคียงบ้างไม่มากก็น้อย อยู่ที่สภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย โดยเฉพาะกับยาคุมกำเนิด ดังนั้น คงดีกว่าหากเราจะปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนจะรับประทานยา หรือจะเลือกวิธีคุมกำเนิดวิธีอื่น ๆ ก็ได้ค่ะ
สำหรับคู่รักที่ยังไม่พร้อมจะมีเจ้าตัวน้อย
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็คงต้องหาทางคุมกำเนิด
เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ
และหลายคนก็อาจจะเลือกให้ฝ่ายหญิงเป็นคนคุมกำเนิดด้วยวิธีรับประทานยาคุมกำเนิด
เพราะก็ดูจะเป็นวิธีที่ง่าย และค่อนข้างจะคุมกำเนิดได้แน่นอน แต่ก่อนจะเลือกใช้การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ เราอยากให้คุณสาว ๆ ได้รู้ถึงผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดเสียก่อนค่ะ
1. คลื่นไส้อาเจียน
2. ความต้องการทางเพศลดลง
อาการเหล่านี้ถือเป็นอาการข้างเคียงยอดนิยมที่ผู้รับประทานยาคุมกำเนิดเกือบทุกคนต้องเจอ แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ออกมาบอกว่า ไม่ต้องกังวลไป เพราะอาการข้างเคียงเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และจะค่อย ๆ หายไปในที่สุด อีกทั้งยังไม่เคยพบว่ามีผู้ใดที่กินยาคุมกำเนิดแล้วจะมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นกับร่างกายตลอดการรับประทานยาเลยด้วย
4. อารมณ์แปรปรวน ฉุนเฉียว
เนื่องจากในยาคุมกำเนิดประกอบไปด้วยฮอร์โมน จึงเป็นไปได้ที่จะเข้าไปแทรกแซงฮอร์โมนที่มีอยู่ในร่างกายเรา ทำให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น หงุดหงิดง่าย อารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้น และอารมณ์แปรปรวนได้ ซึ่งแพทย์ก็ได้ให้ความเห็นว่า การแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนยาคุมกำเนิด ก็อาจจะไม่ได้ช่วยให้อาการเหล่านี้หายไปเท่าไร เพราะยาคุมกำเนิดทุกยี่ห้อ ต่างก็มีฮอร์โมนเป็นส่วนประกอบเช่นเดียวกัน ดังนั้น หากจะแก้อาการเหล่านี้ก็อาจจะต้องกินยาลดอาการซึมเศร้า (Antidepressants) ร่วมด้วย แต่ในระยะยาวให้ลองกินยาคุมกำเนิดที่ไม่มีฮอร์โมน (Non-hormonal contraceptives)
5. น้ำหนักขึ้น ตัวบวม
เชื่อว่าข้อนี้เป็นผลข้างเคียงที่ผู้หญิงทุกคนรู้ และระวังกันเป็นอย่างยิ่ง แต่บางคนก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงนี้ได้เลย อีกทั้งผลการวิจัยทางการแพทย์ยังยืนยันอีกด้วยว่า ผู้หญิงที่กินยาคุมกำเนิด จะมีน้ำหนักตัวโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 3 กิโลกรัมต่อปี และการเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมกำเนิดก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหานี้ได้เสมอไป ดังนั้นหากไม่อยากมีผลข้างเคียงเช่นนี้ แนะนำให้เลือกคุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติดีกว่าค่ะ
6. ประจำเดือนมาน้อยกว่าปกติ
ผลข้างเคียงนี้ก็เป็นอีกอาการหนึ่งที่มักจะพบได้บ่อย ๆ ซึ่งก็เกิดจากร่างกายขับของเสียออกมาไม่หมด ทำให้ประจำเดือนออกน้อย ซึ่งแพทย์ระบุว่า อาการข้างเคียงนี้เป็นผลจากฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในตัวยา และหากจะรักษาอาการข้างเคียงนี้ก็ต้องเลือกกินยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนในปริมาณน้อย
7. เลือดออกกะปริดกะปรอยระหว่างรอบเดือน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นยาอะไร ก็ย่อมต้องมีผลข้างเคียงบ้างไม่มากก็น้อย อยู่ที่สภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย โดยเฉพาะกับยาคุมกำเนิด ดังนั้น คงดีกว่าหากเราจะปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนจะรับประทานยา หรือจะเลือกวิธีคุมกำเนิดวิธีอื่น ๆ ก็ได้ค่ะ