ว่ายน้ำเป็นกิจกรรมช่วยเบิร์นไขมันที่ได้ผลมากทีเดียว หลายคนที่กำลังไดเอตหุ่นให้สวยเซี๊ยะ ก็เลยเลือกกิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรมไดเอตกันด้วย แต่บางคนที่ยังไม่แน่ใจว่าการว่ายน้ำจะช่วยให้น้ำหนักลด หุ่นเป๊ะได้จริงไหม วันนี้เราก็ได้นำ 7 เหตุผลดี ๆ จากเว็บไซต์ allwomenstalk.com มาช่วยยืนยันให้ได้รู้กัน ว่าแค่ว่ายน้ำก็สามารถสร้างสรีระแจ่ม ๆ ให้เราได้แล้วล่ะ
1. ช่วยเบิร์นแคลอรีได้มากขึ้น
เหตุผลข้อแรกก็คือการว่ายน้ำเพียง 1 ชั่วโมง จะช่วยเบิร์นแคลอรีได้มากถึง 500-750 กิโลกรัม เปรียบเทียบกับผู้หญิงที่มีน้ำหนัก 68 กิโลกรัม แต่ความสามารถในการเผาผลาญจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของแต่ละบุคคล และท่าว่ายน้ำด้วย ดังนั้นหากคุณควบคุมอาหารและออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำเป็นประจำ ก็จะช่วยให้น้ำหนักลดได้อย่างรวดเร็วขึ้น
2. ได้ออกแรงมากขึ้น เพราะมีแรงต้านทาน
กิจกรรมออกกำลังกายที่มีแรงต้านทาน เช่น การปั่นจักรยาน หรือการวิ่ง จะช่วยให้ร่างกายได้ออกแรงกล้ามเนื้อมากขึ้น จึงทำให้มีโอกาสลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นเช่นกัน และการว่ายน้ำที่ร่างกายต้องออกแรงต้านทานกับน้ำ ก็เป็นกิจกรรมที่มีแรงต้านทานอย่างหนึ่ง ซึ่งก็จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายของการลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นด้วยจ้า
3. ได้ออกกำลังทุกสัดส่วน
การว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่บังคับให้เราได้ขยับร่างกายทุกสัดส่วน โดยเฉพาะกับท่าฟรีสไตล์ (freestyle) ที่ต้องออกกำลังแขน และตีขาไปพร้อม ๆ กัน ส่วนศีรษะก็ต้องหันซ้าย หันขวาเหนือน้ำเพื่อหายใจด้วย ซึ่งสามารถช่วยเบิร์นแคลอรีได้มากถึง 475-700 กิโลแคลอรีต่อ 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับอัตราความเร็วของการว่ายน้ำค่ะ
4. ท่ากบช่วยเบิร์นได้มากขึ้น
จากการทดลองพบว่า การว่ายน้ำท่ากบ หรือท่าผีเสื้อสามารถช่วยเบิร์นแคลอรีในผู้หญิงที่มีน้ำหนัก 68 กิโลกรัมได้มากถึง 750 กิโลแคลอรีต่อชั่วโมง เพราะท่ากบหรือท่าผีเสื้อจะบังคับให้ร่างกายได้เกร็งหน้าท้อง และออกแรงทั้งแขนและขาได้มากกว่าท่าว่ายอื่น ๆ จึงช่วยให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นนั่นเอง
5. ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น
อย่างที่บอกว่าการว่ายน้ำก็เป็นกิจกรรมที่มีแรงต้านทานอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้เราต้องออกแรงมากขึ้น และจากการทดลองของผู้หญิงคนหนึ่งที่รัดเข็มขัดน้ำหนัก 20 ปอนด์ในขณะว่ายน้ำต่อเนื่องกัน 1 ชั่วโมงทุกวัน เป็นเวลา 6 สัปดาห์ พบว่าสามารถเผาผลาญพลังงานส่วนเกินในร่างกายได้ถึง 600 กิโลแคลอรีต่อวัน และเธอยังรู้สึกว่ากล้ามเนื้อ และร่างกายแข็งแรงขึ้น จนสามารถวิ่งแข่งขันได้เร็วขึ้น เท่านี้ก็ยืนยันได้แล้วว่า นอกจากการว่ายน้ำจะช่วยให้เราได้เบิร์นแคลอรีแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย
6. ว่ายท่ากรรเชียงก็ดีนะ
สำหรับใครที่ถนัดท่ากรรเชียง ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่าเป็นท่าว่ายน้ำที่ไม่ต้องขยับร่างกายมากก็จริง แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะเบิร์นแคลอรีได้น้อยกว่าท่าอื่น ๆ เพระท่ากรรเชียงเองก็ช่วยเบิร์นแคลอรีได้ถึง 450-500 กิโลแคลอรีต่อชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะท่านี้จะต้องวาดแขนให้เร็ว และตีขาอย่างแรงไปพร้อม ๆ กัน ทำให้ร่างกายได้ขยับไม่น้อยกว่าท่าอื่น ๆ เลยล่ะค่ะ
7. ยิ่งตีขายิ่งช่วยเบิร์นแคลอรี
ว่ายน้ำต่อเนื่องติดต่อกัน 1 ชั่วโมง หลายคนอาจจะเหนื่อยเกินไป ดังนั้นแนะนำให้หยุดพักหลังว่ายน้ำได้ครบ 20 นาที และระหว่างพักให้เกาะสระ แล้วตีขาเร็ว ๆ ต่อเนื่องกัน 20 ครั้ง ทำอย่างนี้ซ้ำกัน 3 ยก แล้วจากนั้นจะลอยตัวข้างสระเพื่อพักอีกสักหน่อย แล้วค่อยว่ายต่อให้ครบ 1 ชั่วโมงก็ได้
รู้เหตุผลดี ๆ ของการว่ายน้ำที่สามารถช่วยให้เราลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นได้กันแล้ว เชื่อได้ว่าหลายคนที่กำลังเข้าโปรแกรมไดเอตกันอยู่คงอยากเสริมกิจกรรมว่ายน้ำลงไปในโปรแกรมด้วยอย่างแน่นอน แต่หากใครไม่สามารถทำได้เพราะว่ายน้ำไม่เป็น ถึงเวลาต้องไปเรียนสักทีแล้วไหมคะ จะได้ออกกำลังกายลดหุ่นด้วยวิธีนี้ได้ แถมยังเป็นทักษะเอาไว้ช่วยชีวิตตัวเองและคนอื่นในภายภาคหน้าได้ด้วย
เหตุผลข้อแรกก็คือการว่ายน้ำเพียง 1 ชั่วโมง จะช่วยเบิร์นแคลอรีได้มากถึง 500-750 กิโลกรัม เปรียบเทียบกับผู้หญิงที่มีน้ำหนัก 68 กิโลกรัม แต่ความสามารถในการเผาผลาญจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของแต่ละบุคคล และท่าว่ายน้ำด้วย ดังนั้นหากคุณควบคุมอาหารและออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำเป็นประจำ ก็จะช่วยให้น้ำหนักลดได้อย่างรวดเร็วขึ้น
2. ได้ออกแรงมากขึ้น เพราะมีแรงต้านทาน
กิจกรรมออกกำลังกายที่มีแรงต้านทาน เช่น การปั่นจักรยาน หรือการวิ่ง จะช่วยให้ร่างกายได้ออกแรงกล้ามเนื้อมากขึ้น จึงทำให้มีโอกาสลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นเช่นกัน และการว่ายน้ำที่ร่างกายต้องออกแรงต้านทานกับน้ำ ก็เป็นกิจกรรมที่มีแรงต้านทานอย่างหนึ่ง ซึ่งก็จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายของการลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นด้วยจ้า
การว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่บังคับให้เราได้ขยับร่างกายทุกสัดส่วน โดยเฉพาะกับท่าฟรีสไตล์ (freestyle) ที่ต้องออกกำลังแขน และตีขาไปพร้อม ๆ กัน ส่วนศีรษะก็ต้องหันซ้าย หันขวาเหนือน้ำเพื่อหายใจด้วย ซึ่งสามารถช่วยเบิร์นแคลอรีได้มากถึง 475-700 กิโลแคลอรีต่อ 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับอัตราความเร็วของการว่ายน้ำค่ะ
4. ท่ากบช่วยเบิร์นได้มากขึ้น
จากการทดลองพบว่า การว่ายน้ำท่ากบ หรือท่าผีเสื้อสามารถช่วยเบิร์นแคลอรีในผู้หญิงที่มีน้ำหนัก 68 กิโลกรัมได้มากถึง 750 กิโลแคลอรีต่อชั่วโมง เพราะท่ากบหรือท่าผีเสื้อจะบังคับให้ร่างกายได้เกร็งหน้าท้อง และออกแรงทั้งแขนและขาได้มากกว่าท่าว่ายอื่น ๆ จึงช่วยให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นนั่นเอง
5. ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น
อย่างที่บอกว่าการว่ายน้ำก็เป็นกิจกรรมที่มีแรงต้านทานอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้เราต้องออกแรงมากขึ้น และจากการทดลองของผู้หญิงคนหนึ่งที่รัดเข็มขัดน้ำหนัก 20 ปอนด์ในขณะว่ายน้ำต่อเนื่องกัน 1 ชั่วโมงทุกวัน เป็นเวลา 6 สัปดาห์ พบว่าสามารถเผาผลาญพลังงานส่วนเกินในร่างกายได้ถึง 600 กิโลแคลอรีต่อวัน และเธอยังรู้สึกว่ากล้ามเนื้อ และร่างกายแข็งแรงขึ้น จนสามารถวิ่งแข่งขันได้เร็วขึ้น เท่านี้ก็ยืนยันได้แล้วว่า นอกจากการว่ายน้ำจะช่วยให้เราได้เบิร์นแคลอรีแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย
6. ว่ายท่ากรรเชียงก็ดีนะ
สำหรับใครที่ถนัดท่ากรรเชียง ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่าเป็นท่าว่ายน้ำที่ไม่ต้องขยับร่างกายมากก็จริง แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะเบิร์นแคลอรีได้น้อยกว่าท่าอื่น ๆ เพระท่ากรรเชียงเองก็ช่วยเบิร์นแคลอรีได้ถึง 450-500 กิโลแคลอรีต่อชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะท่านี้จะต้องวาดแขนให้เร็ว และตีขาอย่างแรงไปพร้อม ๆ กัน ทำให้ร่างกายได้ขยับไม่น้อยกว่าท่าอื่น ๆ เลยล่ะค่ะ
7. ยิ่งตีขายิ่งช่วยเบิร์นแคลอรี
ว่ายน้ำต่อเนื่องติดต่อกัน 1 ชั่วโมง หลายคนอาจจะเหนื่อยเกินไป ดังนั้นแนะนำให้หยุดพักหลังว่ายน้ำได้ครบ 20 นาที และระหว่างพักให้เกาะสระ แล้วตีขาเร็ว ๆ ต่อเนื่องกัน 20 ครั้ง ทำอย่างนี้ซ้ำกัน 3 ยก แล้วจากนั้นจะลอยตัวข้างสระเพื่อพักอีกสักหน่อย แล้วค่อยว่ายต่อให้ครบ 1 ชั่วโมงก็ได้
รู้เหตุผลดี ๆ ของการว่ายน้ำที่สามารถช่วยให้เราลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นได้กันแล้ว เชื่อได้ว่าหลายคนที่กำลังเข้าโปรแกรมไดเอตกันอยู่คงอยากเสริมกิจกรรมว่ายน้ำลงไปในโปรแกรมด้วยอย่างแน่นอน แต่หากใครไม่สามารถทำได้เพราะว่ายน้ำไม่เป็น ถึงเวลาต้องไปเรียนสักทีแล้วไหมคะ จะได้ออกกำลังกายลดหุ่นด้วยวิธีนี้ได้ แถมยังเป็นทักษะเอาไว้ช่วยชีวิตตัวเองและคนอื่นในภายภาคหน้าได้ด้วย