เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ suwanchaichan madeethai สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ตีสิบย้อนหลัง (14 ม.ค. 57) โรคไบโพลาร์ ดีเจเคนโด้ เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร ป่วยเป็นไบโพลาร์ หลังจากที่น้องสาวของเขาเพิ่งป่วยไปไม่นาน จนเกือบเอาตัวไม่รอด และขอพาครอบครัวมาเปิดใจเป็นกรณีศึกษา
ไบโพลาร์ กำลังกลายเป็นชื่อโรคที่คนไทยเริ่มคุ้นหูมาพักใหญ่ หลังจากมีจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคนี้ให้พบเห็นมากขึ้น โดยโรคไบโพลาร์ จัดอยู่ในกลุ่มโรคทางด้านอารมณ์ ประเภทเดียวกันกับโรคซึมเศร้า เรียกง่าย ๆ ว่า "อารมณ์สองขั้ว" โดยจะมีลักษณะความผิดปกติทางอารมณ์ เวลาอารมณ์ดีก็จะร่าเริงกว่าปกติอย่างไม่สมเหตุสมผล แต่เวลาซึมเศร้าอาจจะอาการหนักถึงขั้นฆ่าตัวตาย
ดีเจเคนโด้ เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร จาก FM 89.75 ก็เป็นอีกหนึ่งรายที่ป่วยด้วยโรคไบโพลาร์ ในเวลาไล่เลี่ยกันกับน้องสาว ทำให้ครอบครัวต้องเจอกับปัญหาทางอารมณ์ของทั้งคู่ ดีเจเคนโด้ พร้อมด้วยคุณแม่ และน้องสาว จึงมาเปิดใจผ่านรายการตีสิบ (14 มกราคม 2557) เพื่อบอกเล่าถึงที่มาที่ไปของอาการดังกล่าว และวิธีการดูแลตัวเอง เพื่อเป็นกรณีศึกษา
โดย ดีเจเคนโด้ เล่าว่า น้องตุ๊กตา น้องสาวของเขา เริ่มมีอาการของโรคไบโพลาร์ก่อน อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหัน จากที่เคยเป็นเด็กเรียบร้อยและเรียนเก่งมาก ก็กลับกลายเป็นคนอยากเซ็กซี่ ซื้อเสื้อสายเดี่ยวมาใส่ แต่งหน้า ทาปาก ออกกำลังกายอย่างหนัก เพื่อดูแลตัวเอง จนลดน้ำหนักได้เดือนนึง 10 กิโลกรัม และยังเปลี่ยนจากคนไม่ค่อยพูด กลายเป็นคนพูดเยอะทั้งวันทั้งคืน ไม่หลับไม่นอนเลย 3 วัน
ส่วนน้องตุ๊กตา น้องสาวของดีเจเคนโด้ ก็เล่าว่า ตนเองรู้ตัวทุกอย่าง แต่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งตอนนั้นคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแค่เป็นการพัฒนาตัวเอง และตอนนั้นก็น้ำหนักลดลงไปประมาณ 30 กว่ากิโลกรัม ในระยะเวลาแค่ 2-3 เดือน เพราะไม่กินข้าวและไม่หลับไม่นอนเลย จนกระทั่งหนักเข้าก็พูดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ เป็นพระพุทธเจ้า คิดว่าตรัสรู้ได้ด้วยตัวเอง
แต่โชคดีที่คุณแม่มีอาชีพเป็นพยาบาล จึงแปลกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ต่อมาน้องตุ๊กตาเองบอกให้แม่ช่วยพาไปรักษาที่โรงพยาบาลหน่อย ซึ่งเมื่อพาไปรักษาที่โรงพยาบาลศรีธัญญา น้องตุ๊กตากลับบอกคุณหมอว่า ตนเองหลอกคุณแม่มา เพราะคุณแม่เป็นคนป่วย คุณหมอจึงพูดคุยกับคุณแม่และบอกว่า ลูกสาวเริ่มมีอาการทางจิต ต้องนอนรักษาที่โรงพยาบาล เธอจึงได้เข้ารับการรักษาในวันนั้นเลย ซึ่งหลังจากเข้ารับการรักษา น้องตุ๊กตาก็ไม่ยอมให้ครอบครัวเข้าเยี่ยม จนดีเจเคนโด้ และคุณแม่ คิดว่าจะต้องสูญเสียน้องสาวที่รักไปแล้ว
จนกระทั่งวันที่ได้รับการรักษาจนเป็นปกติ น้องตุ๊กตาก็เข้ามากราบเท้า และบอกคุณแม่ว่า หนูขอโทษ ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้คุณแม่ดีใจมาก ที่จะได้ลูกสาวกลับคืนมาสู่อ้อมอก
ทว่าโชคชะตาก็เล่นตลก เพราะต่อมา ดีเจเคนโด้ ก็กลับเริ่มมีอาการแบบเดียวกันกับน้องสาว ซึ่งเขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเก่งไปหมดทุกอย่าง บ้าพลัง ทำตัวกร่างและรุนแรงกับหลาย ๆ คน รวมถึงแต่งตัวเหมือนคนเข้าทรง ทำตัวเหมือนเป็นผู้วิเศษ จนกระทั่งออกไปข้างนอกกับคุณแม่ ยังมีคนทักว่าบ้าหรือเปล่า ซึ่งคุณแม่เอง ก็บอกว่า อาการยังไม่ชัดเจนว่าเขาป่วย เพราะยังสามารถไปทำงานได้ปกติ
จนกระทั่งวันหนึ่ง ดีเจเคนโด้ เริ่มรู้ตัวว่าอาการหนัก เพราะเขาใช้อารมณ์แค่ชั่ววูบ ทำร้ายตัวเองด้วยการเอาจานฟาดไปที่ฝาผนัง และจิ้มเข้าไปที่แขนของตัวเองจนเป็นรู ถึงแม้จะรู้ตัวแต่เขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้ เพราะคิดอย่างเดียวว่าตัวเองไม่อยากอยู่ ไม่มีคุณค่า แถมยังเคยด่าคนออกทีวีตอนออกอากาศสดด้วย
ภายหลัง ดีเจเคนโด้ ได้เจอและปรึกษากับ พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ หรือ หมอเบิร์ด อดีตนางสาวไทยปี 2542 ซึ่งปัจจุบันเป็น ผู้อำนวยการศูนย์จิตรักษ์กรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งหมอเบิร์ด ก็มาร่วมรายการและขออธิบายอาการของโรคให้ฟังด้วยว่า ส่วนใหญ่โรคไบโพลาร์จะเกิดกับผู้ที่มีคนในครอบครัวที่ป่วยมาก่อน มีพันธุกรรมมาอยู่แล้ว หรือไม่ก็เจอเหตุกระทบกระเทือนจิตใจรุนแรง โดยเมื่อเป็นแล้วจะมีอาการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เปลี่ยนการกิน เปลี่ยนการนอน และเปลี่ยนการใช้ชีวิต
ซึ่งคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ จะใช้เงินเปลืองมาก เพราะมีโปรเจทค์เยอะ คิดเล็ก ๆ ไม่เป็น และต้องทำให้ถึงที่สุด อีกทั้งยังขยันมาก นอนน้อย คิดแต่เรื่องการลงทุน แต่คนรอบข้างอาจจะไม่รู้ว่า และคิดว่าเป็นคนขี้เหวี่ยง ขี้วีน โดยถ้าประชากรไทย 60 ล้านคน น่าจะมีคนป่วยเป็นโรคไบโพลาร์อยู่ประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งจากการสำรวจขององค์การอนามัยโลก จะต้องมีคน 1 ใน 5 คน ที่มีปัญหาสุขภาพจิต
สำหรับกรณีของ ดีเจเคนโด้ หมอเบิร์ด บอกว่า เขาเป็นคนไข้ที่น่าชื่นชม เพราะดูแลง่าย เขาเชื่อฟัง และให้ความร่วมมือ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยยอมรับว่าตัวเองป่วย หรือคิดว่าตัวเองหายแล้วจนไม่ยอมรักษาอย่างต่อเนื่อง
แต่สิ่งที่ทำให้ ดีเจเคนโด้ และน้องตุ๊กตา ผ่านวันแย่ ๆ จนอาการกลับมาดีขึ้นได้ ทั้งคู่ก็ขอยกความดีให้กับคุณแม่ ที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเหวี่ยงใส่แค่ไหน คุณแม่ก็อดทนและให้กำลังใจเสมอ และยังไปซื้อหนังสือมาอ่านให้ฟัง รวมถึงหาความรู้เกี่ยวกับวิธีการรักษา ใช้วิธีการหลอกล่อให้ลูก ๆ ตั้งใจฟัง ต้องนอนกุมมือกัน และคุณแม่จะตื่นก่อนเพื่อมาดูแลพวกเขาทุกวัน ดังนั้นสำหรับผู้ป่วยด้วยโรคทางจิตเวช จึงควรดูแลเขาด้วยกำลังใจ และความอดทน จึงจะช่วยให้กลับมาเป็นปกติได้
เรียกว่าเมื่อต้องมาป่วยทั้งพี่ชาย และน้องสาว อย่างนี้ คุณแม่ก็คงต้องเหนื่อยแล้วเหนื่อยเล่า แต่ด้วยความเป็นแม่ก็สามารถอดทนเพื่อลูกได้เสมอ และนี่คือเรื่องราวดี ๆ ของครอบครัวดีเจเคนโด้ ที่มาแบ่งปันประสบการณ์ร้าย ๆ และวันที่ก้าวผ่านพ้นมาได้ ให้เป็นกรณีศึกษา หากคนรอบข้างหรือคุณเอง กำลังมีอาการที่เปลี่ยนไปอย่างนี้ อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลย ลองปรึกษาแพทย์ดูก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้เร็วนะคะ
ตีสิบ 14 มกราคม 2557 ตอน 2 คะแนนเลือกเสียง ไบโพล่าร์ เป็นทั้งพี่ทั้งน้อง โพสต์โดยคุณ suwanchaichan madeethai สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
คลิป ตีสิบ 14 มกราคม 2557 ตอน 3 ไบโพล่าร์ โรคจิต..คุณเป็นหรือเปล่า? โพสต์โดยคุณ suwanchaichan madeethai สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ตีสิบ 14 มกราคม 2557 ตอน 4 ไบโพล่าร์ โรคจิต..คุณเป็นหรือเปล่า? โพสต์โดยคุณ suwanchaichan madeethai สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม