
สรุปข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
สธ. สั่งโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศสำรองเซรุ่มแก้พิษงู 7 ชนิด ป้องกันการเสียชีวิตของประชาชน ย้ำ วิธีการช่วยเหลือผู้ที่ถูกงูพิษกัด ห้ามใช้ปากดูดพิษงูจากแผลอย่างเด็ดขาด ให้รีบพาไปโรงพยาบาล หรือโทรแจ้ง 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝนบางแห่งอาจมีน้ำท่วมขัง ทำให้สัตว์เลื้อยคลานหนีน้ำและอาจจะเข้ามาอยู่ในที่อยู่อาศัยของประชาชนได้ ที่น่าห่วงก็คืองูพิษ ซึ่งหากถูกกัดแล้ว อาจทำให้เสียชีวิตได้
โดยในปีนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สถานบริการในสังกัด คือ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลชุมชน สำรองเซรุ่มแก้พิษงูไว้ให้พร้อม ตามชนิดงูพิษที่พบบ่อย 7 ชนิด ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลา งูแมวเซา งูกะปะ งูเขียวหางไหม้ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงทีป้องกันการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์งูพิษกัด สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานว่า มีผู้ถูกงูพิษกัดตลอดทั้งปี ตั้งแต่ปี 2546-2555 เฉลี่ยปีละ 7,723 ราย โดยคนที่ถูกงูกัดส่วนใหญ่อยู่ในชนบท 2 ใน 3 ประกอบอาชีพเกษตรกรรม พบมากที่สุดในภาคกลางและตะวันออกเฉียงเหนือ และเกือบร้อยละ 50 ถูกกัดในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ประชาชนทำงานในไร่นา หรือเป็นช่วงที่มีน้ำท่วมขังมาก
ด้าน นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในการสังเกตว่างูที่กัดเป็นงูมีพิษหรือไม่นั้น ขอให้ประชาชนดูจากรอยเขี้ยวงู หากเป็นงูพิษ รอยแผลจะมีขนาดเล็กคล้ายถูกเข็มตำ โดยปกติจะมี 2 รอย อยู่คู่กัน อย่างไรก็ตามในบางครั้งอาจจะเห็นเพียงรอยเดียว หากถูกกัดที่ปลายมือปลายเท้า
ทั้งนี้ พิษของงูขึ้นอยู่กับชนิดของงู โดยงูที่มีพิษต่อระบบประสาท ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลา เมื่อพิษเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หนังตาตก กลืนลำบาก พูดไม่ชัด และหยุดหายใจ ส่วนงูที่มีพิษต่อระบบเลือด ทำให้เลือดออกผิดปกติ ได้แก่ งูแมวเซา งูกะปะ และงูเขียวหางไหม้ หลังถูกกัดจะมีเลือดซึมออกจากแผลรอยเขี้ยว หรือมีจ้ำเลือดที่บริเวณแผล มีเลือดออกตามไรฟัน บางรายอาจทำให้ไตวายได้

สำหรับวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกงูพิษกัดนั้น นายแพทย์โสภณ แนะนำดังนี้



สิ่งสำคัญ คือ พยายามให้อวัยวะที่ถูกกัดอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด ควรใช้ไม้กระดานหรือกระดาษแข็ง ๆ รองหรือดามไว้จนกว่าจะถึงโรงพยาบาล เพื่อชะลอพิษงูซึมเข้าสู่ร่างกายช้าลงโดยอาจนำซากงูพิษที่กัดไปให้แพทย์ดูด้วยหากเป็นไปได้
สิ่งที่ไม่ควรทำในการช่วยเหลือผู้ที่ถูกงูพิษกัด คือ




สำหรับวิธีการป้องกันงูกัด ควรเก็บกวาดบ้านเรือนที่อยู่อาศัยให้สะอาด หลีกเลี่ยงการเดินในบริเวณที่รกร้าง มีหญ้าขึ้นสูง โดยเฉพาะเวลากลางคืน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพกรีดยางตอนกลางคืน หรือเช้ามืด ควรสวมรองเท้าบู๊ทยางยาวเหนือเข่าหุ้มกางเกง เพื่อเป็นเกราะป้องกันเขี้ยวงู
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
