วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉีดแล้วจะไม่เป็นหวัดอีกเลยหรือเปล่า แล้วจำเป็นต้องฉีดซ้ำไหม ใครคือกลุ่มเสี่ยงที่ต้องฉีด อยากรู้คำตอบตามไปอ่านด้วยกันเลย
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซ่า
ซึ่งมักระบาดเป็นช่วง ๆ โดยเฉพาะในช่งหน้าฝนและหน้าหนาว
แถมยังมีความร้ายกาจตรงนี้มีโอกาสกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่รุนแรงได้ด้วย
อย่างเช่นตอนที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ H1N1 หรือไข้หวัด 2009
ถือเป็นการระบาดครั้งใหญ่เลย
จะรู้ได้อย่างไรว่าป่วยไข้หวัดใหญ่ ?
จริง ๆ อาการไข้หวัดใหญ่ก็คล้ายกับไข้หวัดทั่วไปค่ะ แต่จะมีอาการรุนแรงกว่า ผู้ป่วยจะมีน้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ มีไข้สูงมาก ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว บางรายจะมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น ปอดบวม ถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลได้เลย
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่คืออะไร ?
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นวัคซีนชนิดฉีด ผลิตจากเชื้อที่ตายแล้วโดยผ่านกระบวนการผลิตที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรค แต่ผู้ฉีดวัคซีนแล้วยังอาจเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ แต่อาการจะน้อยลง โดยภูมิคุ้มกันจะสร้างขึ้นภายใน 2 สัปดาห์หลังจากได้รับวัคซีน
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วจะไม่เป็นหวัดแล้ว จริงป่ะ ?
ใครคิดแบบนี้อยู่ต้องรีบบอกเลยว่า "ไม่ใช่" ค่ะ เพราะวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จะช่วยป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เท่านั้น ไม่ได้ป้องกันโรคไข้หวัดทั่วไปที่เกิดจากเชื้ออื่น ๆ นะ และสามารถป้องกันได้ปีต่อปี เนื่องจากเชื้อไวรัสที่ระบาดในแต่ละปีนั้นอาจเป็นคนละตัว
ใครควรได้รับการฉีดวัคซีน ?
วัคซีนนี้สามารถฉีดป้องกันได้เกือบทุกคนนะคะ แต่ปกติแล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะเน้นย้ำให้คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรได้รับการฉีดวัคซีนมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ คือ
1. บุคคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วย
2. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค ได้แก่ เบาหวาน หลอดเลือดสมอง ไตวาย หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ และโรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัด
3. หญิงมีครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
4. บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
5. เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
6. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
7. ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย
8. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ติดเชื้อ HIV
9. คนที่น้ำหนักตัวมากกว่า 100 กก. หรือค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35 กก. ต่อตารางเมตร
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ได้ที่ไหน ?
ใครที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ สามารถไปขอรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ฟรีตามโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ หรือสถานบริการสาธารณสุขของรัฐที่เข้าร่วมโครงการ สอบถามก่อนได้ที่สายด่วน สปสช. โทร. 1330 หรือที่สายด่วนกรมควบคุมโรค หมายเลข 1422
แล้วควรฉีดวัคซีนเมื่อไร ?
สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ก่อนฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม) และก่อนฤดูหนาว (เดือนตุลาคม) เพราะเป็นช่วงที่เริ่มมีการระบาดแล้วค่ะ
เพิ่งฉีดไปเมื่อปีที่แล้ว จำเป็นต้องฉีดซ้ำในปีนี้ด้วยไหม ?
ถึงแม้เราจะฉีดวัคซีนไปแล้วเมื่อปีที่ก่อน แต่ปีนี้ก็ต้องฉีดด้วยค่ะ เพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่มักอยู่ไม่นาน มักลดต่ำลงได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือนหรือปี จึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่กระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกปี เพื่อจะได้ป้องกันได้อย่างต่อเนื่อง
แล้วรู้ไหมว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่มักกลายพันธุ์ได้ในช่วงระยะเวลาไม่นานด้วย ทำให้สายพันธุ์ที่ระบาดในแต่ละปีไม่เหมือนกัน ดังนั้น จึงต้องปรับเปลี่ยนวัคซีนไปตามฤดูกาลปัจจุบัน เราจึงจำเป็นต้องฉีดทุกปีเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ปรับให้เหมาะสมกับเชื้อใหม่ในแต่ละปีนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณพ่อคุณแม่พาลูก ๆ อายุต่ำกว่า 9 ปี ไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นครั้งแรก มีคำแนะนำให้ฉีด 2 เข็มค่ะ โดยให้เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 4 สัปดาห์
อาการข้างเคียงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่มีอะไรบ้าง ?
การฉีดวัคซีนทุกชนิดสามารถทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ ทั้งมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด เป็นไข้ ปวดเมื่อย แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-2 วันหลังฉีดยา สามารถใช้ผ้าเย็น ๆ ประคบบริเวณที่บวมได้ หรือทานยาลดไข้ในขนาดที่เหมาะสมได้
ส่วนที่ว่าฉีดยาแล้วจะมีอาการแพ้หรือไม่นั้น พบได้น้อยมากค่ะ ถ้าใครแพ้จริง ๆ จะมีอาการปรากฏให้เห็นภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมงหลังฉีด โดยอาจมีอาการหายใจไม่สะดวก หายใจมีเสียงดัง หอบ เสียงแหบ ลมพิษ หัวใจเต้นเร็ว วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม หมดสติ ถ้ามีอาการแบบนี้ให้รีบพบแพทย์ทันที
แล้วมีใครที่ไม่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่บ้าง ?
ถึงแม้วัคซีนไข้หวัดใหญ่จะช่วยป้องกันโรคได้ แต่ก็มีบางคนที่ไม่ควรฉีดวัคซีนชนิดนี้ คือ
- เด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน
- คนที่มีประวัติแพ้ไก่หรือไข่ไก่อย่างรุนแรง เพราะวัคซีนชนิดนี้ผลิตจากไข่ไก่
- ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วมีอาการแพ้อย่างรุนแรง
- ผู้ที่มีไข้ หรือเจ็บป่วยเฉียบพลัน
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจำกำเริบ ควบคุมไม่ได้ ควรเลื่อนการรับวัคซีนไปก่อน
ถ้าเป็นหวัดอยู่เล็กน้อย จะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้หรือไม่ ?
คนที่มีอาการหวัด คัดจมูก เจ็บคอ ไอ ยังคงสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ค่ะ แต่ถ้ามีไข้ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ราคาเท่าไร ?
ถ้าเพื่อน ๆ อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่กล่าวมาแล้วข้างต้น สามารถเข้าไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ฟรีที่โรงพยาบาลของรัฐได้เลยค่ะ ไม่ต้องเสียสตางค์ แต่ถ้าเราไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง เพียงแต่อยากฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ก็ติดต่อสอบถามราคาการฉีดวัคซีนตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้เลย
อ้อ...ที่อยากจะบอกก็คือ ราคาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ของแต่ละโรงพยาบาลจะไม่เหมือนกันนะคะ แต่ส่วนใหญ่ราคาจะไม่เกินเข็มละหนึ่งพันบาทค่ะ และยิ่งในช่วงฤดูฝนถือเป็นโอกาสดีที่โรงพยาบาลหลายแห่งมักจะจัดโปรโมชั่นลดราคาอยู่ ลองติดต่อสอบถามที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักโรคติดต่อทั่วไป
ในแต่ละปีมีผู้ป่วย "โรคไข้หวัดใหญ่" จำนวนไม่น้อย เพราะแพร่ระบาดได้ง่าย แค่หายใจ ไอ จาม
ก็พาลให้คนข้าง ๆ ป่วยตามได้แล้ว
แต่ถ้าเราฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ
ก็ช่วยลดความเสี่ยงให้เราได้เหมือนกัน
ว่าแต่...ใครกันนะที่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แล้วถ้าเราเคยฉีดไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ต้องไปฉีดซ้ำอีกไหม แล้วถ้าฉีดแล้วจะไม่เป็นหวัดไปตลอดทั้งปีเลยหรือ ? ใครกำลังมีข้อสงสัยเรื่องการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อยู่ล่ะก็ วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาช่วยไขคำตอบให้แล้วค่ะ
ว่าแต่...ใครกันนะที่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แล้วถ้าเราเคยฉีดไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ต้องไปฉีดซ้ำอีกไหม แล้วถ้าฉีดแล้วจะไม่เป็นหวัดไปตลอดทั้งปีเลยหรือ ? ใครกำลังมีข้อสงสัยเรื่องการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อยู่ล่ะก็ วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาช่วยไขคำตอบให้แล้วค่ะ
ไข้หวัดใหญ่คืออะไร ?
ทั้งนี้ ไข้หวัดใหญ่แบ่งออกเป็นสายพันธุ์ใหญ่ ๆ 3 สายพันธุ์ คือ เอ บี และซี ซึ่งสายพันธุ์ซี มีความรุนแรงน้อยที่สุด สำหรับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอและบี เป็นสายพันธุ์ที่พบได้ทั่วโลก แต่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอมักจะรุนแรงมากกว่า
จะรู้ได้อย่างไรว่าป่วยไข้หวัดใหญ่ ?
จริง ๆ อาการไข้หวัดใหญ่ก็คล้ายกับไข้หวัดทั่วไปค่ะ แต่จะมีอาการรุนแรงกว่า ผู้ป่วยจะมีน้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ มีไข้สูงมาก ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว บางรายจะมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น ปอดบวม ถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลได้เลย
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่คืออะไร ?
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นวัคซีนชนิดฉีด ผลิตจากเชื้อที่ตายแล้วโดยผ่านกระบวนการผลิตที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรค แต่ผู้ฉีดวัคซีนแล้วยังอาจเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ แต่อาการจะน้อยลง โดยภูมิคุ้มกันจะสร้างขึ้นภายใน 2 สัปดาห์หลังจากได้รับวัคซีน
ใครคิดแบบนี้อยู่ต้องรีบบอกเลยว่า "ไม่ใช่" ค่ะ เพราะวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จะช่วยป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เท่านั้น ไม่ได้ป้องกันโรคไข้หวัดทั่วไปที่เกิดจากเชื้ออื่น ๆ นะ และสามารถป้องกันได้ปีต่อปี เนื่องจากเชื้อไวรัสที่ระบาดในแต่ละปีนั้นอาจเป็นคนละตัว
ใครควรได้รับการฉีดวัคซีน ?
วัคซีนนี้สามารถฉีดป้องกันได้เกือบทุกคนนะคะ แต่ปกติแล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะเน้นย้ำให้คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรได้รับการฉีดวัคซีนมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ คือ
1. บุคคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วย
2. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค ได้แก่ เบาหวาน หลอดเลือดสมอง ไตวาย หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ และโรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัด
3. หญิงมีครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
4. บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
5. เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
6. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
7. ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย
8. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ติดเชื้อ HIV
9. คนที่น้ำหนักตัวมากกว่า 100 กก. หรือค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35 กก. ต่อตารางเมตร
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ได้ที่ไหน ?
ใครที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ สามารถไปขอรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ฟรีตามโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ หรือสถานบริการสาธารณสุขของรัฐที่เข้าร่วมโครงการ สอบถามก่อนได้ที่สายด่วน สปสช. โทร. 1330 หรือที่สายด่วนกรมควบคุมโรค หมายเลข 1422
แล้วควรฉีดวัคซีนเมื่อไร ?
สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ก่อนฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม) และก่อนฤดูหนาว (เดือนตุลาคม) เพราะเป็นช่วงที่เริ่มมีการระบาดแล้วค่ะ
เพิ่งฉีดไปเมื่อปีที่แล้ว จำเป็นต้องฉีดซ้ำในปีนี้ด้วยไหม ?
ถึงแม้เราจะฉีดวัคซีนไปแล้วเมื่อปีที่ก่อน แต่ปีนี้ก็ต้องฉีดด้วยค่ะ เพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่มักอยู่ไม่นาน มักลดต่ำลงได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือนหรือปี จึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่กระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกปี เพื่อจะได้ป้องกันได้อย่างต่อเนื่อง
แล้วรู้ไหมว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่มักกลายพันธุ์ได้ในช่วงระยะเวลาไม่นานด้วย ทำให้สายพันธุ์ที่ระบาดในแต่ละปีไม่เหมือนกัน ดังนั้น จึงต้องปรับเปลี่ยนวัคซีนไปตามฤดูกาลปัจจุบัน เราจึงจำเป็นต้องฉีดทุกปีเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ปรับให้เหมาะสมกับเชื้อใหม่ในแต่ละปีนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณพ่อคุณแม่พาลูก ๆ อายุต่ำกว่า 9 ปี ไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นครั้งแรก มีคำแนะนำให้ฉีด 2 เข็มค่ะ โดยให้เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 4 สัปดาห์
อาการข้างเคียงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่มีอะไรบ้าง ?
การฉีดวัคซีนทุกชนิดสามารถทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ ทั้งมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด เป็นไข้ ปวดเมื่อย แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-2 วันหลังฉีดยา สามารถใช้ผ้าเย็น ๆ ประคบบริเวณที่บวมได้ หรือทานยาลดไข้ในขนาดที่เหมาะสมได้
ส่วนที่ว่าฉีดยาแล้วจะมีอาการแพ้หรือไม่นั้น พบได้น้อยมากค่ะ ถ้าใครแพ้จริง ๆ จะมีอาการปรากฏให้เห็นภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมงหลังฉีด โดยอาจมีอาการหายใจไม่สะดวก หายใจมีเสียงดัง หอบ เสียงแหบ ลมพิษ หัวใจเต้นเร็ว วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม หมดสติ ถ้ามีอาการแบบนี้ให้รีบพบแพทย์ทันที
แล้วมีใครที่ไม่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่บ้าง ?
ถึงแม้วัคซีนไข้หวัดใหญ่จะช่วยป้องกันโรคได้ แต่ก็มีบางคนที่ไม่ควรฉีดวัคซีนชนิดนี้ คือ
- เด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน
- คนที่มีประวัติแพ้ไก่หรือไข่ไก่อย่างรุนแรง เพราะวัคซีนชนิดนี้ผลิตจากไข่ไก่
- ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วมีอาการแพ้อย่างรุนแรง
- ผู้ที่มีไข้ หรือเจ็บป่วยเฉียบพลัน
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจำกำเริบ ควบคุมไม่ได้ ควรเลื่อนการรับวัคซีนไปก่อน
ถ้าเป็นหวัดอยู่เล็กน้อย จะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้หรือไม่ ?
คนที่มีอาการหวัด คัดจมูก เจ็บคอ ไอ ยังคงสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ค่ะ แต่ถ้ามีไข้ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ราคาเท่าไร ?
ถ้าเพื่อน ๆ อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่กล่าวมาแล้วข้างต้น สามารถเข้าไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ฟรีที่โรงพยาบาลของรัฐได้เลยค่ะ ไม่ต้องเสียสตางค์ แต่ถ้าเราไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง เพียงแต่อยากฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ก็ติดต่อสอบถามราคาการฉีดวัคซีนตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้เลย
อ้อ...ที่อยากจะบอกก็คือ ราคาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ของแต่ละโรงพยาบาลจะไม่เหมือนกันนะคะ แต่ส่วนใหญ่ราคาจะไม่เกินเข็มละหนึ่งพันบาทค่ะ และยิ่งในช่วงฤดูฝนถือเป็นโอกาสดีที่โรงพยาบาลหลายแห่งมักจะจัดโปรโมชั่นลดราคาอยู่ ลองติดต่อสอบถามที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักโรคติดต่อทั่วไป