แพทย์เตือนโรคเกาต์ภัยร้าย ทำข้ออักเสบเฉียบพลัน พบมากในเพศชาย (กระทรวงสาธารณสุข)
แพทย์ ชี้ โรคเกาต์ทำข้ออักเสบเฉียบพลัน สาเหตุสำคัญจากกรดยูริกพุ่งสูง แนะเลี่ยงการดื่มเหล้า เบียร์ และอาหารประเภทเครื่องในสัตว์ สัตว์ปีก รวมทั้งอาหารทะเลปริมาณมากเป็นประจำ
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคเกาต์เป็นโรคข้ออักเสบเฉียบพลันที่พบบ่อยที่สุด เป็นผลจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูงเป็นเวลานานหลาย ๆ ปี ทำให้เกิดการตกผลึกของเกลือยูเรตในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย โดยเฉพาะผู้ที่อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป สำหรับในเพศหญิงมักเริ่มต้นอาการในวัยหลังหมดประจำเดือนไปแล้ว
ทั้งนี้ กรดยูริกพบมากในเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ถั่วต่าง ๆ และยอดผักอ่อน ๆ รวมทั้งเกิดจากการสลายตัวของเซลล์ภายในร่างกาย กรดยูริกจะถูกขับออกทางปัสสาวะ หากร่างกายมีการสร้างกรดยูริกมากเกินไปหรือไตขับยูริกได้น้อยลง เนื่องจากไตเสื่อมลง กรดยูริกก็จะตกผลึกที่บริเวณผนังหลอดเลือด ไตและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อ ทำให้เกิดอาการปวดข้อและโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ เช่น ข้อพิการ นิ่วในไต นิ่วในทางเดินปัสสาวะ กระดูกพรุน เป็นต้น
สำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์ที่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงหรือมีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาตได้มากยิ่งขึ้น
อาการที่พบบ่อย คือ ปวดข้อรุนแรง เฉียบพลัน ถ้าเป็นการปวดครั้งแรกมักจะปวดข้อเดียวและปวดไม่กี่วัน ข้อที่ปวดบ่อย คือ นิ้วหัวแม่เท้าข้างใดข้างหนึ่ง บางรายอาจปวดที่ข้อเข่า ซึ่งข้อจะบวมและเจ็บมากจนทนไม่ไหว ผิวหนังบริเวณที่ปวดจะตึง ร้อนและแดง เมื่ออาการเริ่มทุเลา ผิวหนังบริเวณนั้นก็จะลอกและคัน มักจะเริ่มปวดตอนกลางคืนหรือมีอาการกำเริบหลังจากทานอาหารที่มีกรดยูริกสูง นอกจากนี้อาจมีไข้ หนาวสั่น ใจสั่น อ่อนเพลียหรือเบื่ออาหารร่วมด้วย
สำหรับแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคเกาต์ที่สำคัญ คือ
รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
หากมีอาการผิดปกติ หรือมีผลข้างเคียงจากการรับประทานยาให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
ไม่ควรหยุดยา ปรับขนาดยา หรือซื้อยารับประทานเอง เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการแพ้ยาแล้ว ยังอาจจะทำให้ควบคุมโรคได้ไม่ดี
เข้ารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์นัด เพื่อดูระดับกรดยูริกและการทำงานของตับและไตเป็นระยะ ๆ
ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู รวมทั้งดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 3,000 มิลลิลิตร
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
ลดการรับประทานอาหารประเภทเครื่องในสัตว์ สัตว์ปีก อาหารทะเล
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่อข้อที่รุนแรง
หลีกเลี่ยงการบีบ นวด ถู บริเวณข้อ เนื่องจากสามารถกระตุ้นให้ข้ออักเสบกำเริบได้
การให้ความร่วมมือในการรักษาและรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ และทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก