ประโยชน์ของแคลเซียม
-
ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
-
ช่วยกระตุ้นการทำงานของโปรตีนที่ช่วยในกระบวนการสร้างและสลายกระดูก
-
ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในกระดูก กระดูกอ่อน และน้ำหล่อลื่นไขข้อ
-
ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนในผู้สูงวัย
-
ช่วยควบคุมการหดตัวหรือคลายตัวของกล้ามเนื้อ รวมทั้งกล้ามเนื้อหัวใจ
-
ช่วยควบคุมความดันโลหิต
-
ช่วยในการแข็งตัวของเลือด
-
ช่วยส่งสัญญาณต่อระบบประสาท
-
ช่วยควบคุมความสมดุลของกรด
เราควรได้รับแคลเซียมวันละเท่าไร
กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดปริมาณแคลเซียมที่ควรบริโภคในแต่ละวันตามกลุ่มอายุ และไม่ควรบริโภคเกินกว่าปริมาณสูงสุด ดังนี้
-
ทารก 0-5 เดือน ต้องการแคลเซียม 210 มิลลิกรัมต่อวัน
-
ทารก 6-11 เดือน ต้องการแคลเซียม 260 มิลลิกรัมต่อวัน
-
เด็กอายุ 1-3 ขวบ ต้องการแคลเซียม 500 มิลลิกรัมต่อวัน
-
เด็กอายุ 4-8 ขวบ ต้องการแคลเซียม 800 มิลลิกรัมต่อวัน
-
วัยรุ่นชาย-หญิง อายุ 9-18 ปี ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
-
ผู้ใหญ่ชาย-หญิง อายุ 19-50 ปี ต้องการแคลเซียม 800 มิลลิกรัมต่อวัน
-
ผู้ใหญ่ชาย-หญิง อายุ 51 ปีขึ้นไป ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
-
หญิงตั้งครรภ์หรือหญิงให้นมบุตร อายุ 14-18 ปี ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
-
หญิงตั้งครรภ์หรือหญิงให้นมบุตร อายุ 19-50 ปี ต้องการแคลเซียม 800 มิลลิกรัมต่อวัน
ทั้งนี้ ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์แคลเซียมได้เอง จึงต้องรับประทานจากอาหารที่มีแคลเซียมสูง หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียม
แคลเซียม ยี่ห้อไหนดี ปี 2024
1. ไบโอเธนทิค แคลเซียม (Biothentic Calcium)
แคลเซียมจากไบโอเธนทิค ใน 1 เม็ด ประกอบด้วย แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต 881.92 มิลลิกรัม (ให้ calcium ion 113.92 มิลลิกรัม) เสริมด้วยแมกนีเซียม 200 มิลลิกรัม วิตามินดี 3 และซิงก์ ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น
-
วิธีรับประทาน : วันละ 2 เม็ด หลังอาหารเช้าหรือเย็น
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 30 เม็ด)
-
ราคาปกติ : 960 บาท
คำเตือน
-
เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
2. แคลอาร์ค (Calark)
แคลอาร์ค (Calark) แบรนด์นี้ใช้สารสกัดนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ใน 1 เม็ด ประกอบด้วย แคลเซียม อะมิโน แอซิด คีเลต 500 มิลลิกรัม ซึ่งเกลือแคลเซียมชนิดนี้สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ถึง 95% รวมทั้งมีแมกนีเซียม อะมิโน แอซิด คีเลต ทำหน้าที่เป็นตัวนำพาแคลเซียมเข้าสู่ภายในเซลล์กระดูก และยังมีส่วนผสมของคอลลาเจนจากปลาแซลมอน คอลลาเจนไทป์ทู สาหร่ายเคลป์ สารสกัดจากงาดำที่มีประโยชน์ต่อกระดูกและข้อ
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1-2 แคปซูล หลังอาหาร 45 นาที
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 30 แคปซูล)
-
ราคาปกติ : 690 บาท
คำเตือน
-
เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
3. โอเอ็มจี แคลตินั่ม (OMG Caltinum)
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากโอเอ็มจี แคลตินั่ม (OMG Caltinum) ทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่าและกระดูก โดยแต่ละเม็ดมีส่วนผสมของแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต 500 มิลลิกรัม มาพร้อมแมกนีเซียม วิตามินดี 3 วิตามินซี เพื่อช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และคอลลาเจน ไทป์ทู ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงเรื่องกระดูกและข้อ นอกจากนี้ยังมีน้ำมันปลา ผงแดนดิไลออน ผงใบบัวบก สารสกัดจากเคลป์ บรรจุมาในแคปซูลขนาดใหญ่ 1,000 มิลลิกรัม จึงเหมาะกับคนที่ไม่ชอบกินยาหลาย ๆ เม็ด
-
วิธีรับประทาน : วันละ 2 แคปซูล โดยแบ่งเป็น 2 มื้อ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุด เมื่ออาการดีขึ้นแล้วสามารถลดเหลือวันละ 1 แคปซูลได้
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 30 แคปซูล)
-
ราคาปกติ : 1,250 บาท
คำเตือน
-
เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
-
ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
-
อ่านคําเตือนในฉลากก่อนบริโภค
-
ควรกินอาหารหลากหลายให้ครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจํา
-
ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ถั่วเหลือง ปลาทะเลหรือน้ำมันปลา
-
ควรระวังในผู้ที่เลือดแข็งตัวช้า หรือผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือแอสไพริน
4. เอเนล แคลแม็ก ดีพลัส (ENEL CalMag DPlus)
เอเนล แคลแม็ก ดีพลัส (ENEL CalMag DPlus) กล่องนี้มีส่วนประกอบของแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต 950 มิลลิกรัม สกัดจากข้าวโพด Non-GMO ที่ผ่านการรับรองสิทธิบัตรจากสหรัฐอเมริกา และยังมีแมกนีเซียม, โบรอน, แมงกานีส, สารสกัดจากเมล็ดถั่วเหลือง, สารสกัดจากงา, กรดอะมิโนต่าง ๆ และวิตามินดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดีต่อกระดูกและข้อรวม 12 ชนิด
-
วิธีรับประทาน : อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป จนถึงผู้สูงอายุ ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1-2 ครั้ง เวลาใดก็ได้ (แนะนำหลังอาหารดีที่สุด เพื่อเพิ่มการดูดซึมวิตามินดี)
-
ขนาด : 1 กล่อง (บรรจุ 30 เม็ด)
-
ราคาปกติ : 990 บาท
5. แคลเทรตซิลเวอร์ 50+
แคลเทรต ซิลเวอร์ 50+ เกลือแคลเซียมขวดนี้เหมาะสำหรับเสริมแคลเซียมในผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยมีส่วนผสมของแคลเซียมคาร์บอเนต 600 มิลลิกรัม และวิตามินดี 400 ไอยู ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ซึ่งในเอกสารกำกับยาระบุว่า ใช้เพื่อเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง และมีส่วนช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด พร้อมอาหารหรือตามแพทย์สั่ง
-
ขนาด : 1 กล่อง (บรรจุ 120 เม็ด)
-
ราคาปกติ : 435 บาท
คำเตือน
-
ห้ามใช้สำหรับผู้ที่แพ้ตัวยาสำคัญหรือส่วนประกอบใด ๆ ของผลิตภัณฑ์
-
ห้ามใช้สำหรับผู้ที่มีภาวะการทำงานของไตบกพร่อง
-
ห้ามใช้สำหรับผู้ที่มีภาวะแคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcaemia) และแคลเซียมในปัสสาวะสูงขั้นรุนแรง (Severe Hypercalciuria)
-
สตรีมีครรภ์และสตรีระหว่างให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อน
-
ผู้ที่รับประทานร่วมกับยาปฏิชีวนะกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน (Fluoroquinolone antibiotics) เตตราซัยคลิน (Tetracycline) หรือเลโวไทรอกซิน (Levothyroxine) (ยารักษาภาวะไทรอยด์) ยาปฏิชีวนะกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน เตตราซัยคลิน และเลโวไทรอกซิน ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
6. แคลวิ่น พลัส (Calvin Plus)
แคลวิ่น พลัส ขวดสีส้ม สูตรนี้ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล เกลือ และแล็กโทส โดยใน 1 เม็ด ประกอบด้วย แคลเซียมคาร์บอเนต 600 มิลลิกรัม และยังประกอบด้วยสารอาหารอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมกระดูก เช่น แมกนีเซียม, วิตามินดี 3, โบรอน, ซิงก์, ทองแดง, แมงกานีส จึงมีส่วนช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ หรือใช้เสริมแคลเซียมสำหรับสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร บุคคลทั่วไปที่ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1-2 เม็ด อาจแบ่งรับประทานในตอนเช้าและตอนเย็นหลังอาหาร
-
ขนาด : 1 กล่อง (บรรจุ 60 เม็ด)
-
ราคาปกติ : 185 บาท
คำเตือน
-
ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 2,000 มิลลิกรัม
7. นูทราแคล เดลี่ แคล-ดี-ซี 1000 (NUTRAKAL Deli Cal-D-C 1000)
แคลเซียมเม็ดฟู่ รสเลมอน ที่มีส่วนประกอบของแคลเซียมคาร์บอเนต 625 มิลลิกรัม และวิตามินดีที่มีส่วนช่วยดูดซึมแคลเซียม เสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟัน นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม ที่ดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน และวิตามินบี 6 ที่มีส่วนช่วยเรื่องการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดอาการชาหรือตะคริว
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ดฟู่ ละลายในน้ำ 1 แก้ว ดื่มหลังอาหาร หรือใช้ตามคำแนะนำของแพทย์
-
ขนาด : 1 หลอด (บรรจุ 10 เม็ด)
-
ราคาปกติ : 220 บาท (3 หลอด)
คำเตือน
-
ยานี้อาจสะสมในร่างกายจนทำให้เกิดอันตรายได้ จึงไม่ควรใช้เกินขนาดที่กำหนดไว้ หรือใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน นอกจากแพทย์สั่ง
วิธีเลือกซื้ออาหารเสริมแคลเซียม
- เลือกซื้อแคลเซียมเสริมในรูปแบบที่ต้องการบริโภค เช่น แบบเม็ด ซอฟต์เจลาติน แคปซูล เม็ดฟู่ ผงชงดื่ม เป็นต้น ซึ่งถ้าเป็นซอฟต์เจล แบบเม็ดฟู่หรือผงชง จะรับประทานได้ง่ายและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายง่าย ไม่ค่อยระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ส่วนแบบเม็ดจะแตกตัวช้าและดูดซึมช้ากว่าแบบอื่น แต่ราคาประหยัดกว่า
- เลือกจากชนิดของแคลเซียม เช่น
◇ หากต้องการแคลเซียมในปริมาณมาก ดูดซึมง่าย กินเวลาไหนก็ได้ ควรเลือกซื้อแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต เนื่องจากสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากที่สุด คือประมาณ 90% และไม่ตกค้าง ไม่เสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว แต่ราคาจะสูงกว่าแคลเซียมคาร์บอเนตและแคลเซียมซิเตรท
◇ แคลเซียมซิเตรท ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ประมาณ 50% ควรรับประทานพร้อมอาหาร
◇ แคลเซียมคาร์บอเนตจะดูดซึมได้ประมาณ 10% ต้องรับประทานพร้อมอาหาร และมีผลข้างเคียงคือทำให้ท้องผูกและท้องอืดได้ แต่หาซื้อง่ายและมีราคาถูกกว่า
◇ สำหรับหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานแคลเซียมคาร์บอเนต เพราะยิ่งทำให้มีอาการท้องผูกมากขึ้น และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนซื้อมารับประทาน
- เลือกซื้อแคลเซียมที่มีส่วนผสมของวิตามินดี เพื่อช่วยให้แคลเซียมดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น และวิตามินดียังช่วยควบคุมการทำงานของแคลเซียม
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ปริมาณแคลเซียมประมาณ 600-800 มิลลิกรัมต่อเม็ด ซึ่งจะดูดซึมได้ดีกว่าแคลเซียมในปริมาณสูง
- พิจารณาวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่ผสมมาด้วย เช่น วิตามินซี วิตามินดี แมกนีเซียม คอลลาเจน ซึ่งให้ประโยชน์ต่อสุขภาพแตกต่างกันไป
- เลือกซื้อจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีชื่อหรือสถานที่ผลิต มีข้อมูลระบุส่วนผสมและวิธีใช้ มีเลขที่ผลิตภัณฑ์ มีเครื่องหมาย อย.
- ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ว่าอยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยฉีกขาดหรือรอยรั่ว รวมทั้งวันเดือนปีที่ผลิตและวันเดือนปีที่หมดอายุ
แคลเซียมกินตอนไหน
แคลเซียมเสริมในท้องตลาดมีอยู่หลายชนิด ที่นิยมก็เช่น แคลเซียมคาร์บอเนต แคลเซียมซิเตรท และแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต ซึ่งแต่ละชนิดมีช่วงเวลาในการรับประทานแตกต่างกันไป
หากเป็นแคลเซียมคาร์บอเนตและแคลเซียมซิเตรทควรรับประทานพร้อมอาหาร หรือรับประทานหลังอาหารอย่างน้อยไม่เกิน 1 ชั่วโมง เนื่องจากต้องการกรดช่วยให้แคลเซียมแตกตัวได้ดีและดูดซึมได้ง่ายขึ้น ส่วนแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต สามารถรับประทานก่อนหรือหลังอาหาร รวมทั้งตอนท้องว่างก็ได้ เพราะสามารถดูดซึมได้ดีโดยไม่ทำให้มีอาการท้องอืดหรือท้องผูก
ทั้งนี้ แนะนำให้รับประทานแคลเซียมช่วงหลังอาหารเย็น เพราะแคลเซียมจะไหลออกจากกระดูกมากที่สุดในช่วงกลางคืน การเสริมแคลเซียมในช่วงเย็นจะช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกบางได้
แคลเซียมห้ามกินกับอะไร
-
ไม่ควรรับประทานแคลเซียมคู่กับยาเสริมธาตุเหล็ก ยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม ยาลดความดันบางกลุ่ม หรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางกลุ่ม เนื่องจากแคลเซียมจะไปลดการดูดซึมยา
-
ไม่ควรรับประทานแคลเซียมร่วมกับอาหารที่ลดการดูดซึมแคลเซียม เช่น ผักที่มีออกซาเลตสูงอย่างใบยอ ผักโขม อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องกินร่วมกัน ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
ข้อควรระวังในการกินแคลเซียมเสริม
-
หากรับประทานแคลเซียมในปริมาณที่มากเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต หินปูนในเต้านมหรือในหลอดเลือด
-
กรณีรับประทานแคลเซียมคาร์บอเนต หรือแคลเซียมซิเตรท ควรรับประทานพร้อมอาหาร เพื่อป้องกันอาการท้องผูกหรือท้องอืด
-
ผู้ที่รับประทานยาหรืออาหารเสริมประเภทอื่น ๆ อยู่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานแคลเซียมเสริม
-
ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทาน