แคลเซียม ประโยชน์มีอะไรบ้าง
แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีมากที่สุดในร่างกาย 99% ของแคลเซียมจะอยู่ในกระดูกและฟัน โดยมีประโยชน์ดังนี้
-
ช่วยรักษาและเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ฟัน เล็บ และเส้นผม
-
ชะลอการสูญเสียความหนาแน่นของมวลกระดูก จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน หรือโรคเกี่ยวกับกระดูกต่าง ๆ
-
ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของกระดูก
-
ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ โดยส่งสัญญาณไปยังเซลล์ทั่วร่างกายเพื่อให้หลอดเลือดและกล้ามเนื้อหดหรือขยาย
-
ช่วยในการแข็งตัวของเลือด
-
ช่วยกระตุ้นการทำงานของโปรตีนที่ช่วยในกระบวนการสร้างและสลายกระดูก
-
ควบคุมความสมดุลของกรดในร่างกาย
-
ควบคุมความดันโลหิตให้ปกติ
อาหารแคลเซียมสูงมีอะไรบ้าง
ปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับต่อวัน
กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดปริมาณแคลเซียมที่ควรบริโภคในแต่ละวันตามกลุ่มอายุ ดังนี้
-
ทารก 0-5 เดือน ต้องการแคลเซียม 210 มิลลิกรัมต่อวัน
-
ทารก 6-11 เดือน ต้องการแคลเซียม 260 มิลลิกรัมต่อวัน
-
เด็กอายุ 1-3 ขวบ ต้องการแคลเซียม 500 มิลลิกรัมต่อวัน
-
เด็กอายุ 4-8 ขวบ ต้องการแคลเซียม 800 มิลลิกรัมต่อวัน
-
วัยรุ่นชาย-หญิง อายุ 9-18 ปี ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
-
ผู้ใหญ่ชาย-หญิง อายุ 19-50 ปี ต้องการแคลเซียม 800 มิลลิกรัมต่อวัน
-
ผู้ใหญ่ชาย-หญิง อายุ 51 ปีขึ้นไป ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
-
หญิงตั้งครรภ์หรือหญิงให้นมบุตร อายุ 14-18 ปี ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
-
หญิงตั้งครรภ์หรือหญิงให้นมบุตร อายุ 19-50 ปี ต้องการแคลเซียม 800 มิลลิกรัมต่อวัน
จะเห็นว่าในแต่ละวัยมีความต้องการแคลเซียมต่างกัน ซึ่งในความเป็นจริงในแต่ละวันเราอาจได้รับแคลเซียมไม่พอ เพราะรับประทานอาหารบางอย่างหรือยารักษาโรคบางชนิดที่ลดการดูดซึมแคลเซียม สูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หลายคนจึงเลือกอาหารเสริมแคลเซียมเป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างแคลเซียมเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้นมากกว่าวัยผู้ใหญ่
แคลเซียมเสริมมีกี่ชนิด
1. แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate)
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีแคลเซียมอยู่ 40% กล่าวคือ ใน 1 เม็ด 1,000 มิลลิกรัม จะมีแคลเซียมอยู่ 400 มิลลิกรัม เท่านั้น และยังเป็นเกลือแคลเซียมที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อย คือประมาณ 10% ข้อดีคือมีราคาถูกกว่าชนิดอื่น
อย่างไรก็ตาม หากกินแคลเซียมเสริมชนิดนี้ ควรรับประทานพร้อมอาหาร หรือรับประทานหลังอาหารอย่างน้อยไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะต้องอาศัยกรดในกระเพาะอาหารช่วยทำให้แคลเซียมคาร์บอเนตแตกตัวและละลายน้ำได้ดียิ่งขึ้น แต่มีผลข้างเคียงคือ แคลเซียมส่วนที่ไม่ถูกดูดซึมอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก ท้องอืดได้
2. แคลเซียมซิเตรท (Calcium Citrate)
3. แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต (Calcium L-Threonate)
แคลเซียมกินตอนไหน
วิธีเลือกซื้ออาหารเสริมแคลเซียม
-
เลือกซื้อแคลเซียมเสริมรูปแบบตามต้องการ เช่น แบบเม็ดหรือแคปซูล ซอฟต์เจลาติน หรือแคปซูลแบบนิ่ม เม็ดฟู่ เป็นต้น
-
ตรวจสอบชนิดของเกลือแคลเซียมว่าอยู่ในรูปแบบใด และใน 1 เม็ดมีปริมาณแคลเซียมเท่าใด โดยอาจจะเลือกปริมาณแคลเซียมต่อเม็ดที่ไม่สูงจนเกินไป เพราะการรับประทานครั้งละน้อย ๆ แต่หลายครั้ง เช่น 500-800 มิลลิกรัม จะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่าปริมาณมาก ๆ
-
เกลือแคลเซียมแต่ละชนิดจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้แตกต่างกัน ดังนั้นควรอ่านข้อมูลบนฉลากว่าต้องรับประทานตอนไหน
-
เลือกซื้อแคลเซียมเสริมที่มีส่วนผสมของมีวิตามินดี เพื่อช่วยเสริมการดูดซึมแคลเซียม ยกเว้นว่าถ้าเลือกอาหารเสริมแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต ก็ไม่จำเป็นต้องมีวิตามินดี เพราะร่างกายสามารถดูดซึมได้เอง
-
เลือกซื้อจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีชื่อหรือสถานที่ผลิต มีข้อมูลบนฉลากละเอียด มีเลขที่ผลิตภัณฑ์ มีเครื่องหมาย อย. แสดงไว้อย่างชัดเจน
-
ตรวจสอบวันเดือนปีที่ผลิตและวันเดือนปีที่หมดอายุ
-
ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ว่าอยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยฉีกขาดหรือรอยรั่ว
แคลเซียม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023
1. Hi-Balanz Calcium D Plus (ไฮบาลานซ์ แคลเซียม ดี พลัส)
ไฮบาลานซ์ แคลเซียม ดี พลัส มาในรูปแบบเม็ดสีขาว ประกอบด้วยแคลเซียมซิเตรท 1,000 มิลลิกรัม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันโดยไม่ทำให้เกิดหินปูนสะสม ป้องกันโรคกระดูกพรุนในหญิงวัยหมดประจำเดือน อีกทั้งมีแมกนีเซียม 300 มิลลิกรัม และวิตามินดี ที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เหมาะกับวัยผู้ใหญ่ที่ต้องการเสริมแคลเซียม
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1-2 เม็ด หลังอาหาร
-
ขนาด : 1 กล่อง (บรรจุ 30 เม็ด)
- ราคาปกติ : 750 บาท
2. Bonnex (บ็อนเน็กซ์)
บ็อนเน็กซ์ อาหารเสริมแคลเซียมจากสหรัฐอเมริกาในรูปแบบเม็ดแข็งสีขาว ประกอบด้วยแคลเซียมซิเตรท 1,000 มิลลิกรัม ช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟัน มีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็ว อีกทั้งมีแมกนีเซียม 240 มิลลิกรัม และวิตามินดี ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ พร้อมแร่ธาตุสังกะสี ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตและมีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างกระดูก
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 60 เม็ด)
- ราคาปกติ : 290 บาท
3. Amsel Calcium L-Threonate+Collagen Type II (แอมเซล แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต พลัส คอลลาเจน ไทพ์ ทู)
แคลเซียมกระปุกนี้ประกอบด้วยแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต 480 มิลลิกรัม ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกและเพิ่มมวลกระดูก สามารถรับประทานตอนท้องว่างได้ โดยไม่ทำให้เกิดอาการท้องผูก และไม่ตกค้างในทางเดินอาหาร อีกทั้งมีวิตามินดี วิตามินเค รวมทั้งยังมีคอลลาเจนไทพ์ ทู ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกอ่อน ลดการเสื่อมหรือการอักเสบของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ เหมาะกับผู้มีภาวะกระดูกบาง กระดูกพรุน ปวดตามข้อ ปวดเข่า ข้อเข่าเสื่อม
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหารหรือหลังอาหาร
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 60 เม็ด)
- ราคาปกติ : 690 บาท
4. Caltrate Plus (แคลเทรตพลัส)
แคลเทรตพลัส ในรูปแบบเม็ดสีม่วง ประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต 1,500 มิลลิกรัม เทียบเท่าแคลเซียม 600 มิลลิกรัม อีกทั้งมีวิตามินดี ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม พร้อมแร่ธาตุอีก 4 ชนิด ได้แก่ แมกนีเซียม แมงกานีส สังกะสี และทองแดง ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกระดูก
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1-2 เม็ด พร้อมอาหารหรือตามคำแนะนำของแพทย์
-
ขนาด : 1 กล่อง (บรรจุ 120 เม็ด)
- ราคาปกติ : 649 บาท
5. CDR Calcium-D-Redoxon (ซีดีอาร์ แคลเซียม-ดี-รีดอกซ์ซอน)
ซีดีอาร์ แคลเซียม-ดี-รีดอกซ์ซอน รสส้ม แคลเซียมชนิดเม็ดฟู่ละลายน้ำที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่า ตอบโจทย์ผู้ที่ไม่ชอบรับประทานยาเม็ดและผู้สูงอายุที่กลืนเม็ดยายาก ประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต 625 มิลลิกรัม เทียบเท่าแคลเซียม 250 มิลลิกรัม มาพร้อมวิตามินดี วิตามินบี และวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้ อีกทั้งยังช่วยสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นส่วนประกอบของกระดูก
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด ผสมกับน้ำเย็น 1 แก้ว คนให้ละลายจนเกิดฟองฟู่
-
ขนาด : 1 กล่อง (บรรจุ 15 เม็ด)
- ราคาปกติ : 150 บาท
6. MEGA We care Calcium-D (เมก้า วีแคร์ แคลเซียม-ดี)
แคลเซียม-ดี จากเมก้า วี แคร์ ในรูปแบบแคปซูลแบบนิ่ม ประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต 1,500 มิลลิกรัม เทียบเท่ากับแคลเซียม 600 มิลลิกรัม ช่วยเพิ่มมวลกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน พร้อมด้วยวิตามินดี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น และช่วยในการทำงานของระบบสังเคราะห์ฮอร์โมน
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 90 เม็ด)
- ราคาปกติ : 710 บาท
7. 21ST CENTURY Calcium, Magnesium and Zinc
ทเวนตี้เฟิร์ส เซนจูรี่ แบรนด์แคลเซียมเสริมนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต 1,000 มิลลิกรัม ช่วยเสริมสร้างสุขภาพกระดูกและฟัน แมกนีเซียม วิตามินดี และสังกะสี อีกทั้งยังมีส่วนผสมของเซลลูโลส ช่วยในการขับถ่ายอีกด้วย
-
วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 เม็ด รับประทาน 3 เวลา
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 90 เม็ด)
- ราคาปกติ : 290 บาท
8. ZEAVITA Tuna Bone Calcium+ (ซีวิต้า ทูน่า โบน แคลเซียม พลัส)
ซีวิต้า แคลเซียมในรูปแบบเม็ดสีขาวขนาดเล็ก กลืนง่าย มีจุดเด่นคือ เป็นแคลเซียมทำจากผงกระดูกปลาทูน่าธรรมชาติ 100% จดสิทธิบัตรญี่ปุ่น โดยกระดูกปลาทูน่าเป็นโครงสร้างแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxyapatite) มีสัดส่วนแคลเซียมและฟอสฟอรัสเหมือนกับกระดูกมนุษย์ ร่างกายจะย่อยง่ายและดูดซึมนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ให้แคลเซียมประมาณ 125 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 50 มิลลิกรัม พร้อมคอลลาเจนไดเปปไทด์จากปลา แมกนีเซียม วิตามินดี และสารสกัดจากขมิ้นชัน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
-
วิธีรับประทาน : วันละ 2 เม็ด พร้อมอาหารเย็น
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 60 เม็ด)
- ราคาปกติ : 1,280 บาท
9. VISTRA CALPLEX CALCIUM 600 mg & MENAQUINONE-7 PLUS (วิสทร้า แคลเพล็กซ์ แคลเซียม 600 มก. แอนด์ มีนาควิโนน-7 พลัส)
วิสทร้า แคลเพล็กซ์ แคลเซียม 600 มก. แอนด์ มีนาควิโนน-7 พลัส ประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต 1,500 มิลลิกรัม เทียบเท่าแคลเซียม 600 มิลลิกรัม อีกทั้งมีวิตามินดี ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม วิตามินเค ช่วยในกระบวนการสร้างกระดูก รวมถึงกรดโฟลิก ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง และแร่ธาตุอื่น ๆ ทั้งแมกนีเซียม สังกะสี โบรอน ทองแดง แมงกานีส วิตามินบี 12
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 30 เม็ด)
- ราคาปกติ : 250 บาท
แคลเซียมห้ามกินกับอะไร
และข้อควรระวังในการรับประทาน
-
ไม่ควรรับประทานแคลเซียมร่วมกับอาหารที่ลดการดูดซึมแคลเซียม เช่น อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ผักที่มีออกซาเลตสูงอย่างใบยอ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม
-
ไม่ควรรับประทานแคลเซียมคู่กับยาปฏิชีวนะบางกลุ่มหรือยาลดความดันบางกลุ่ม เนื่องจากแคลเซียมอาจไปยับยั้งฤทธิ์ของยาได้
-
หากรับประทานแคลเซียมมากเกินความต้องการในแต่ละช่วงวัย อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต หรือหินปูนเกาะในหลอดเลือด
-
การรับประทานแคลเซียมชนิดดูดซึมไม่ดี ไม่ควรรับประทานตอนท้องว่างหรือช่วงที่มีกรดในกระเพาะต่ำ เพราะอาจทำให้มีอาการท้องผูกหรือท้องอืด
บทความที่เกี่ยวข้องกับแคลเซียม
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : hibalanz.com, asia.paradigmistore.com, caltratethailand.com, lazada.co.th, megawecare.co.th, 21stcenturyvitamins.com, amselnutraceutical.com, สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, RAMA Channel, โรงพยาบาลกรุงเทพ