ผลไม้ 60 กิโลแคลอรีนี่ต้องกินปริมาณเท่าไร แต่ละชนิดต้องกินปริมาณกี่กรัม อยากรู้ต้องอ่าน ผลไม้แคลอรีต่ำ กินแล้วไม่อ้วนมีอะไรบ้าง ผลไม้จัดเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ถ้ากินมากเกินไปก็อาจให้โทษแก่ร่างกายได้ อย่างน้อยก็ทำให้อ้วนขึ้นได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงมีคำแนะนำให้กินผลไม้อย่างเหมาะสม คือกินผลไม้ให้ได้ 3-5 ส่วนต่อวัน แต่เอ๊ะ...แล้วผลไม้ 1 ส่วน แต่ละชนิดต้องกินเท่าไรกันล่ะ มาเช็กเลยดีกว่าว่า ผลไม้ 1 ส่วน ซึ่งก็คือผลไม้ที่ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี ต้องกินมาก-น้อยขนาดไหน ชมพู่ในปริมาณที่ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี จะอยู่ที่จำนวน 1 ผลใหญ่ ส่วนสรรพคุณของชมพู่ก็ไม่ต้องพูดเยอะ เพราะจัดเป็นผลไม้ลดน้ำหนักอย่างหนึ่งด้วยนะ สับปะรดประมาณ 6-8 ชิ้นพอดีคำ ให้พลังงานราว ๆ 50-60 กิโลแคลอรี และนอกจากสับปะรดจะมีรสหวานอมเปรี้ยว ไฟเบอร์สูง วิตามิน-แร่ธาตุก็มากแล้ว ในสับปะรดยังมีเอนไซม์โบมีเลียน (Bromelian) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติช่วยย่อยโปรตีนได้ดี ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารโดยเฉพาะโปรตีนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ง่าย ดังนั้นใครกำลังลดน้ำหนักและสร้างกล้ามเนื้อไปพร้อม ๆ กัน สับปะรดคือผลไม้ที่ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวค่ะ แคนตาลูปเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม ซึ่งเป็นธาตุอาหารสำคัญที่ช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต และมีส่วนช่วยให้สมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น ที่สำคัญเห็นแบบนี้แคนตาลูปก็เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงด้วยนะ 1 ส่วนของแคนตาลูปก็ประมาณ 6-8 ชิ้นคำ ให้พลังงานไม่เกิน 60 กิโลแคลอรีเลย ส้มโอเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง วิตามินซีสูง และให้พลังงานไม่มาก ทาน 2 กลีบขนาดกลาง ให้พลังงานเพียง 41 กิโลแคลอรีเท่านั้นเอง จัดเป็นผลไม้ช่วยลดน้ำหนักได้ดีอีกประเภท ได้รู้กันไปแล้วว่าผลไม้ 1 ส่วน ที่ให้พลังงานไม่เกิน 60 กิโลแคลอรีต้องกินประมาณแค่ไหน แต่ก็ต้องย้ำกันอีกทีว่าผลไม้แต่ละชนิดจะมีน้ำหนักและขนาดที่แตกต่างกัน งั้นก็เอาเป็นว่าเราก็เลือกกินผลไม้อย่างพอเหมาะและอย่าลืมกินผัก-ผลไม้ให้หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้สารอาหารที่ครบถ้วน ที่สำคัญควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักโภชนาการ กรมอนามัย, สำนักโภชนาการ กรมอนามัย
แสดงความคิดเห็น