โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อีกหนึ่งภัยเงียบที่ควรรู้ให้ทัน เพราะหากเป็นขึ้นมาอาจลาโลกไปแบบปุบปับเลย ความน่ากลัวของโรคภัยบางโรคคือแอบซ่อนอาการเก่งมาก และเมื่อสำแดงเดชขึ้นมาก็อาจเสียชีวิตอย่างกะทันหันได้ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ อย่างโรคหลอดเลือดหัวใจตีบก็จัดเป็นภัยเงียบต่อสุขภาพเช่นกัน ดังนั้นเรามาทำความรู้จักโรคนี้และเช็กอาการเพื่อให้รู้ทันกันดีกว่า โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease : CAD) สาเหตุส่วนใหญ่กว่า 95% เกิดจากการอักเสบและความเสื่อมของผนังหลอดเลือดหัวใจ เนื่องจากมีไขมันและเนื้อเยื่อเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดหัวใจมีความหนาตัวขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดตีบ การไหลเวียนเลือดไปสู่หัวใจทำได้น้อยลง กล้ามเนื้อหัวใจจึงมีเลือดไปเลี้ยงไม่พอจนนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Heart Attack) และหากไขมันในผนังหลอดเลือดแตกตัวเป็นลิ่มเลือด และไหลไปอุดตันหลอดเลือดหัวใจอย่างเฉียบพลัน อาจนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เสียชีวิตกะทันหันได้ อย่างไรก็ตาม ความเสื่อมของหลอดเลือดหัวใจจะใช้เวลานานนับสิบ ๆ ปี โดยมีปัจจัยเสี่ยงหลาย ๆ ด้าน และกว่าจะรู้ตัวว่าหลอดเลือดหัวใจตีบก็อาจสายไปแล้ว ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ จำแนกออกได้ 2 ปัจจัย ดังนี้ อายุที่มากขึ้น โดยกลุ่มเสี่ยงคือผู้ชายอายุมากกว่า 45 ปี และผู้หญิงอายุมากกว่า 55 ปี เพศ โดยเพศชายเป็นได้มากกว่าเพศหญิง แต่หญิงวัยประจำเดือนจะมีความเสี่ยงเท่า ๆ กันกับเพศชาย พันธุกรรม โดยเฉพาะหากเป็นเพศชายที่มีประวัติบิดาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจก่อนอายุ 55 ปี หรือมารดาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจก่อนอายุ 65 ปี การสูบบุหรี่ ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน การไม่ออกกำลังกาย น้ำหนักมากหรืออ้วน กินอาหารไม่มีประโยชน์ ความเครียด แม้จะเป็นโรคที่อาการแสดงไม่โจ่งแจ้งเท่าไร แต่เราก็สามารถสังเกตความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้จากอาการเหล่านี้ 1. หายใจหอบ หายใจเข้าได้ไม่เต็มปอด และไม่สามารถนอนราบกับพื้นได้ 2. หน้ามืด เวียนหัว แน่นหน้าอก เนื่องจากความดันโลหิตต่ำเฉียบพลัน 3. เหนื่อยง่ายขณะออกแรง หรือเวลาออกกำลังกาย 4. เจ็บแน่นหน้าอกเหมือนถูกเค้นแรง ๆ และอาจมีอาการปวดร้าวตั้งแต่คอ กราม ไหล่ และแขนทั้งสองข้าง อาการมักเกิดขึ้นในขณะใช้กำลัง เช่น ออกกำลังกาย เดินขึ้นที่สูง ยกของ หรืออาจจะเกิดหลังรับประทานอาหารอิ่มมาก ๆ ถ้าได้พักอาการจะดีขึ้น 5. ในกรณีที่อาการรุนแรงอาจหมดสติหรือมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจวายร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ หากมีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบแคบในระยะเริ่มต้นประมาณ 50% อาจมีอาการหอบเหนื่อยเมื่อออกแรงมากขึ้น แต่เมื่อพักสักหน่อยอาการเหนื่อยก็จะหายไป ทว่าหากหลอดเลือดหัวใจตีบมากเกิน 75% อาจมีอาการเหนื่อยแม้นั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไร ซึ่งหากพบความผิดปกติดังที่กล่าวก็ควรรีบตรวจรักษา การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ณ ปัจจุบัน มีอยู่ 3 ทางเลือกด้วยกัน คือ ในกรณีที่เส้นเลือดตีบเพียงบางส่วน ยาจะทำให้ภาวะอุดตันในหลอดเลือดบรรเทาลง การไหลเวียนของเลือดก็จะสะดวกขึ้น ในกรณีที่หลอดเลือดอุดตันมาก การทำบอลลูนหัวใจจะช่วยดันไขมันที่อุดตันเส้นเลือดอยู่ให้ไปชิดกับผนังหลอดเลือด ขยายหลอดเลือดที่อุดตันให้เลือดวิ่งผ่านได้สะดวกยิ่งขึ้น ในกรณีที่ทำบอลลูนหัวใจไม่ได้ แพทย์จะเลือกใช้การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ หรือที่เรียกว่าการผ่าตัดบายพาส (Bypass) โดยใช้หลอดเลือดจากส่วนอื่นมาต่อเข้ากับหลอดเลือดหัวใจที่ตีบหรืออุดตัน ทำให้หลอดเลือดนั้นสามารถลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ ทั้งนี้ แพทย์จะแนะนำให้ควบคุมหรือกำจัดปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบด้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยประคองอาการแล้วก็ยังช่วยยืดอายุเราให้อยู่ได้นานขึ้นด้วย หากมีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ และกำลังรักษาตัวอยู่ แพทย์จะแนะนำให้ปฏิบัติตัวเพื่อช่วยลดทอนความรุนแรงของโรคตามนี้ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยง (ควบคุมอาหาร ลดหวาน มัน เค็ม ลดน้ำหนักตัว) กินยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง กินผัก ผลไม้ และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร กินอาหารแต่พออิ่ม หลังกินเสร็จพัก 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เพราะหลังกินอาหารเลือดจะไปเลี้ยงที่ท้อง หากไม่พักจะทำให้เจ็บหน้าอก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลังการรักษาแพทย์จะให้คนไข้ฝึกเดิน จากนั้นควรเพิ่มระยะเวลาทีละน้อย ทำจิตใจให้สงบ หาโอกาสพักผ่อน ลดความเครียด ไม่สูบบุหรี่ เราสามารถปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตเพื่อลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันได้ ดังนี้ หลีกเลี่ยงอาหารหวาน อาหารเค็มจัด อาหารรสจัด และอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว กินอาหารที่มีไขมันต่ำ เน้นกินผัก-ผลไม้ที่ไม่หวานจัด ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะการออกกำลังแบบแอโรบิก เช่น วิ่ง เดินเร็ว ว่ายน้ำ เต้น กระโดดเชือก ปั่นจักรยาน อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อให้หัวใจแข็งแรง หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด ควบคุมน้ำหนักและรอบเอว ควบคุมความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากป่วยด้วยโรคใด ๆ โดยเฉพาะโรคที่เป็นภัยเงียบแบบนี้ ดังนั้นพยายามตรวจเช็กสุขภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อพบความผิดปกติก็อย่าละเลย แต่ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยนะคะ 20 สุดยอดอาหาร ล้างหลอดเลือดหัวใจ ไล่ไขมัน ลดความเสี่ยงหลายโรค เจ็บหน้าอก ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เช็กให้เน้น ๆ ระวังหัวใจขาดเลือด หัวใจวายขณะวิ่ง เกิดจากอะไร ไม่อยากถึงตายต้องลดความเสี่ยง ทำบอลลูนหัวใจทางข้อมือ วิธีรักษาโรคหัวใจแบบไม่ต้องผ่าตัด กลับบ้านได้ในวันเดียว ! หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาการเป็นอย่างไร รู้ก่อนสาย สาเหตุการตายเฉียบพลัน ! 7 สัญญาณเงียบอันตราย ระวังไว้ป้องกันหัวใจวาย 10 สมุนไพรบำรุงหัวใจ ของดีใกล้ตัว มีไว้ติดครัวก็ดี 7 อาการเสี่ยงภาวะหัวใจโต ที่อาจทำหัวใจวายเฉียบพลัน หมดลมหายใจไม่รู้ตัว ผู้ชายที่วิดพื้นได้ 40 ครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้ ขอบคุณข้อูลจาก รามา แชนแนล โรงพยาบาลเปาโล โรงพยาบาลบางปะกอก 9 โรงพยาบาลธนบุรี
แสดงความคิดเห็น