วิธีกินแอปเปิลไซเดอร์ ให้ได้ประโยชน์ควรกินอย่างไร เพราะถ้ารู้ไม่ชัด อาจได้รับผลเสียมากกว่าผลดีต่อร่างกาย แอปเปิลไซเดอร์ หรือ น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทว่าบางคนอาจไม่รู้วิธีรับประทานอย่างกระจ่างชัด และกำลังกังวลว่าจะได้รับสรรพคุณจากแอปเปิลไซเดอร์ไม่ครบถ้วน ดังนั้น ลองมาดูวิธีกินแอปเปิลไซเดอร์ให้ได้ประโยชน์และปลอดภัยกัน แอปเปิลไซเดอร์ ภาษาอังกฤษ คือ Apple Cider Vinegar เป็นน้ำส้มสายชูหมักประเภทหนึ่ง ที่นำแอปเปิลหรืออาจใช้ผลไม้ชนิดอื่นด้วยก็ได้มาคั้นเป็นน้ำ แล้วนำไปหมักกับยีสต์และน้ำตาล เพื่อให้เกิดกรดอะซิติก ซึ่งกรดตัวนี้ทำให้แอปเปิลไซเดอร์มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นอกจากนี้ในการหมักก็ยังให้สารอาหารอื่น ๆ เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส พรีไบโอติก เป็นต้น ประโยชน์ของแอปเปิลไซเดอร์ที่ดีต่อสุขภาพ อาทิ ช่วยย่อยอาหาร ในแอปเปิลไซเดอร์มีกรดอะซิติกที่ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำย่อย ทำให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เนื่องจากอาหารไม่ย่อยไปด้วย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิด โดยสามารถเจือจางแล้วกลั้วคอเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียในลำคอได้ หรือผสมน้ำแล้วใช้เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อตามพื้นที่ต่าง ๆ ก็ได้เช่นกัน อาจช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ โดยจากการศึกษาพบว่า การกินแอปเปิลไซเดอร์หลังมื้ออาหารมีส่วนช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้ ทว่าการศึกษานี้ยังอยู่ในกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นนะคะ ไม่ควรหวังผลหรือใช้แทนยาลดน้ำตาลในเลือดไปเลย อาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด จากการศึกษาขนาดเล็กชิ้นหนึ่งพบว่า การรับประทานแอปเปิลไซเดอร์มีส่วนช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้ แต่ยังจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไป จากการศึกษาวิจัยของหลาย ๆ แห่งพบว่า การรับประทานแอปเปิลไซเดอร์มีส่วนช่วยลดไขมันและลดน้ำหนักในกลุ่มอาสาได้ ทว่าส่วนใหญ่เป็นการศึกษาขนาดเล็กที่มีกลุ่มทดลองจำนวนน้อย หรือทดลองในระยะเวลาสั้นเกินไป จึงยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์แน่ชัดว่าแอปเปิลไซเดอร์ช่วยลดพุง ลดน้ำหนักได้จริง ดังนั้น จึงไม่ควรมุ่งหวังประโยชน์ข้อนี้จากแอปเปิลไซเดอร์ หรือใช้แอปเปิลไซเดอร์เพียงอย่างเดียวในการลดความอ้วน ไม่ควรกินแอปเปิลไซเดอร์เพียว ๆ แต่ควรนำมาเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารแทน เช่น ใช้เป็นน้ำสลัด หรือใช้ในการทำมายองเนสโฮมเมด เป็นต้น นำแอปเปิลไซเดอร์ปริมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ (15-30 มิลลิลิตร) ผสมกับน้ำเปล่า 1 แก้ว (ประมาณ 200-240 มิลลิลิตร) โดยสามารถดื่มก่อนอาหาร หลังอาหาร หรือก่อนนอนก็ได้ แต่ควรจำกัดปริมาณเพียงแค่ 1 แก้วต่อวัน เพื่อเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดได้จากการรับประทานแอปเปิลไซเดอร์มากเกินไป หากไม่ชอบรสชาติเปรี้ยวสามารถนำแอปเปิลไซเดอร์มาผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำผลไม้ก็ได้ แต่ควรเจือจางทั้งสองอย่างกับน้ำเปล่า และใช้ในปริมาณไม่เกิน 1-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน อีกทั้งควรระวังปริมาณน้ำตาลในน้ำผึ้งหรือน้ำผลไม้ด้วยนะคะ นอกจากการดื่มน้ำแอปเปิลไซเดอร์แล้ว เดี๋ยวนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเม็ดและเยลลี่กัมมี่ที่ช่วยให้รับประทานแอปเปิลไซเดอร์ได้สะดวกขึ้น เหมาะกับคนที่ไม่ชอบกลิ่นแรงและรสเปรี้ยว และยังไม่ต้องกลัวว่ากรดในน้ำส้มสายชูหมักจะมาทำลายเคลือบฟันหรือระคายเคืองกระเพาะอาหาร เพียงแต่ต้องเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ มีเครื่องหมาย อย. และยังต้องระวังเรื่องน้ำตาล รวมทั้งสารเติมแต่งต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของขนม ถ้าจะให้ดีควรเลือกแบบน้ำตาลต่ำ มีสารเติมแต่งน้อยที่สุด และต้องรับประทานตามปริมาณที่ระบุไว้บนฉลาก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง ควรเจือจางกับน้ำก่อนทุกครั้ง อย่ากินทั้งช้อนโต๊ะ เพราะแอปเปิลไซเดอร์มีความเป็นกรดสูง อาจทำให้เคลือบฟันสึกกร่อน เกิดการระคายเคืองช่องปาก ลำคอ หรือกระเพาะอาหารได้ในบางคน ใช้หลอดดูดแทนการดื่มจากแก้วโดยตรง เพื่อป้องกันกรดในแอปเปิลไซเดอร์ทำลายสารเคลือบฟัน หลังจากดื่มแอปเปิลไซเดอร์ให้บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง เพื่อป้องกันการกัดกร่อนของฟัน ร่างกายของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน หากเพิ่งเคยกินแอปเปิลไซเดอร์ครั้งแรก ควรใช้ในปริมาณเล็กน้อย และเข้มข้นน้อยที่สุด เมื่อร่างกายปรับสภาพได้แล้วค่อยเพิ่มความเข้มข้นไปทีละสเต็ป ไม่ควรรับประทานตอนท้องว่าง เพราะกรดในแอปเปิลไซเดอร์จะทำให้กระเพาะอาหารระคายเคือง การรับประทานหลังอาหารจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้ ควรกินแอปเปิลไซเดอร์ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากเกินไป และไม่ควรกินแอปเปิลไซเดอร์ในปริมาณสูงต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพราะความเป็นกรดอาจทำให้ปริมาณโพแทสเซียมในเลือดต่ำ และลดความหนาแน่นของมวลกระดูกได้ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคกระเพาะ กรดไหลย้อน เบาหวาน โรคไต ผู้ที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องความหนาแน่นของมวลกระดูก เช่น กระดูกพรุน รวมถึงผู้ที่มีปัญหาเรื่องเคลือบฟัน ไม่ควรรับประทาน หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อน แอปเปิลไซเดอร์อาจทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาเบาหวาน ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันโลหิต ยาถ่าย ยารักษาโรคหัวใจบางชนิด ฯลฯ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ไม่ควรรับประทานแอปเปิลไซเดอร์ แม้ว่าแอปเปิลไซเดอร์จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง ทว่าก็มีโทษที่ควรระวังด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงควรใช้อย่างเหมาะสม และไม่ควรดูแลสุขภาพด้วยแอปเปิลไซเดอร์เพียงอย่างเดียว แต่ควรกินอาหารให้ดี นอนให้ดี และเคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ ด้วยนะคะ แอปเปิลไซเดอร์ ยี่ห้อไหนดี ลดพุง คุมน้ำหนัก ดีต่อสุขภาพ แอปเปิลไซเดอร์ น้ำส้มสายชูหมักจากผลไม้ สุขภาพก็ได้ประโยชน์ ประโยชน์ของแอปเปิลไซเดอร์ น้ำส้มสายชูจากผลไม้ ขอบคุณข้อมูลจาก : รามา แชนแนล, ชัวร์ก่อนแชร์, healthline.com, webmd.com
แสดงความคิดเห็น