บริจาคเลือดได้สิทธิอะไรบ้าง รักษาพยาบาลฟรีจริงไหม หรือต้องบริจาคกี่ครั้งถึงได้ส่วนลดค่ารักษาพยาบาล บริจาคเลือด ไม่ใช่เพียงแค่การให้เลือด แต่เป็นการให้โอกาสมีชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วยที่ต้องการเลือดเพื่อรักษาโรคต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังได้รับสิทธิประโยชน์ของการบริจาคเลือด ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน มาดูกันว่าการบริจาคเลือดครั้งหนึ่ง จะมอบอะไรให้เราบ้าง และถ้าบริจาคหลายครั้งจะได้รักษาพยาบาลฟรีจริงไหม นอกจากหยดเลือดของเราจะช่วยต่อชีวิตคนอื่นได้แล้ว เรายังได้สุขภาพดีกลับมาอีกด้วย การบริจาคเลือดนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด นอกจากหยดเลือดของเราจะช่วยต่อชีวิตคนอื่นได้แล้ว เรายังได้สุขภาพดีกลับมาอีกด้วย อาทิ โดยทั่วไปในการบริจาคโลหิต 1 ครั้ง จะได้เลือดครั้งละ 350-450 ซี.ซี. คิดเป็นประมาณ 10% ของปริมาณโลหิตทั้งหมดในร่างกาย จึงไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังเป็นการกระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดแดงชุดใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิมขึ้นมาทดแทนชุดเก่า ทำให้เม็ดเลือดแดงลำเลียงออกซิเจนได้เต็มที่ ระบบไหลเวียนโลหิตจึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การบริจาคเลือดเป็นประจำจะช่วยลดระดับธาตุเหล็กในร่างกาย ซึ่งการมีธาตุเหล็กมากเกินไปอาจก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งการเจาะเลือดออกเป็นประจำยังช่วยลดความเสี่ยงของภาวะหลอดเลือดแดงตีบ เนื่องจากโลหิตในร่างกายไหลเวียนได้ดีขึ้น เม็ดเลือดแดงก็จะนำพาออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงผิวหนังด้วย ทำให้ผิวก็จะได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ จึงดูสดใส เปล่งปลั่ง ในการบริจาคเลือดแต่ละครั้ง ผู้บริจาคจะได้ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต ตรวจภาวะโลหิตจาง อีกทั้งยังมีการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ซี ตรวจหาเชื้อซิฟิลิสและเอดส์ จึงเหมือนได้ตรวจสุขภาพไปในตัว การบริจาคโลหิตทำให้ผู้บริจาคได้ทราบหมู่โลหิตของตนเองในระบบ ABO และ Rh ซึ่งในกรณีเป็นกรุ๊ปเลือดที่หาได้ยาก เช่น Rh- จะได้ดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น รวมถึงระมัดระวังตัวจากอุบัติเหตุต่าง ๆ และยังสามารถวางแผนบริจาคโลหิตเพื่อช่วยชีวิตคนที่มีกรุ๊ปเลือดหายากเช่นเดียวกันได้ บางคนอาจมีคำถามว่า บริจาคเลือดกี่ครั้งรักษาฟรี ? แต่จริง ๆ แล้วกรณีบริจาคโลหิต ณ สภากาชาดไทย ผู้บริจาคจะได้รับสิทธิประโยชน์เรื่องค่ารักษาพยาบาลเพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่ใช่การรักษาฟรีทั้งหมด โดยจะเป็นการช่วยเหลือเฉพาะส่วนเกินจากสิทธิพื้นฐานที่ตัวเองมีอยู่แล้ว เช่น สิทธิข้าราชการ สิทธิประกันสังคม สิทธิบัตรทอง ดังนี้ ผู้บริจาคโลหิต 1 ครั้งขึ้นไป : ช่วยเหลือค่าห้องพิเศษ และค่าอาหารพิเศษ ตามสิทธิพื้นฐานที่สามารถเบิกได้ก่อน ส่วนที่เกินสิทธิให้เรียกเก็บ 50% ผู้บริจาคโลหิต 18 ครั้งขึ้นไป : ช่วยเหลือค่าห้องพิเศษ และค่าอาหารพิเศษ เรียกเก็บ 50% ของอัตราที่กำหนดไว้ ประกอบด้วย 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ผู้บริจาคโลหิต 7 ครั้งขึ้นไป : ถ้าอยู่ห้องพิเศษ ผ่าตัด คลอดบุตร เสีย 50% จากอัตราที่กำหนด ยกเว้นการผ่าตัดด้วยอุปกรณ์พิเศษไม่สามารถใช้สิทธิได้ แต่ยังคงต้องชำระค่ารักษาประเภทผู้ป่วยสามัญ ผู้บริจาคโลหิต 24 ครั้งขึ้นไป : ถ้าอยู่ห้องพิเศษ ผ่าตัด คลอดบุตร เสีย 50% จากอัตราที่กำหนด ยกเว้นการผ่าตัดด้วยอุปกรณ์พิเศษไม่สามารถใช้สิทธิได้ โดยผู้ป่วยไม่ต้องชำระค่ารักษาประเภทผู้ป่วยสามัญ ต้องใช้สิทธิพื้นฐานของตัวเองก่อน เช่น บัตรทอง บัตรข้าราชการ ประกันสังคม ส่วนเกินของสิทธิที่มี จึงใช้สิทธิส่วนลดผู้บริจาคโลหิตได้ สามารถใช้สิทธิได้เมื่อเป็นผู้ป่วยในเท่านั้น ผู้บริจาคโลหิตต้องเป็นคนใช้สิทธิเอง เนื่องจากเป็นสิทธิเฉพาะตัวไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นได้ ผู้ใช้สิทธิต้องมีหนังสือรับรองจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ โดยสามารถนำบัตรประจำตัวผู้บริจาคโลหิตหรือบัตรประจำตัวประชาชนมาขอหนังสือรับรองได้เมื่อรู้วันนอนโรงพยาบาลที่แน่นอนได้ที่ ◆ กทม. : ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภาชาดไทย ชั้น 1 ในวัน-เวลาราชการ ◆ ต่างจังหวัด : ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ และโรงพยาบาลสาขาบริการโลหิตแห่งชาติ ในวัน-เวลาราชการ ทั้งนี้ หนังสือรับรองสามารถใช้ลดหย่อนการรักษาพยาบาลได้เป็นครั้ง ๆ ไป สำหรับการบริจาคโลหิตกับหน่วยงานอื่น ๆ ก็จะมีสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันไป ผู้บริจาคโลหิตกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ตั้งแต่ 30 ครั้งขึ้นไป จะได้รับการยกเว้นค่ารักษาพยาบาลเมื่อเป็นผู้ป่วยนอก 15% ของจำนวนเงินที่จ่ายจริง โดยสามารถใช้สิทธิได้ ณ สถานพยาบาลของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช, ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก และศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุศิริราช 1. ค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับส่วนลด ได้แก่ ค่าหัตถการ ค่าผ่าตัด ค่าบริการวิสัญญี ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ ค่าตรวจทางรังสีวิทยา ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ทั่วไป และค่าบริการอื่น ๆ (อ้างอิงตามรายการที่กรมบัญชีกลางกำหนดให้เบิกได้) 2. ค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ได้รับส่วนลด คือ การบริการรักษาพยาบาล ณ คลินิกพิเศษ, ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ทั่วไป และค่าบริการอื่น ๆ ที่เบิกไม่ได้ตามรายการของกรมบัญชีกลาง, ค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค, การตรวจพิเศษที่จำเป็นต้องส่งไปทำที่อื่นที่ไม่มีบริการในคณะฯ 3. ผู้บริจาคโลหิตที่ใช้สิทธิข้าราชการได้ส่วนลดส่วนเกินเพดานสิทธิ เฉพาะรายการที่กรมบัญชีกลางกำหนดให้เบิกได้ 4. สิทธิประโยชน์ของผู้บริจาคโลหิตจะเริ่มภายหลังจากการบริจาคโลหิตครบจำนวนครั้งที่กำหนดไว้แล้ว 30 วัน 5. สิทธิประโยชน์ของผู้บริจาคโลหิตถือเป็นสิทธิเฉพาะตัว โอนต่อให้บุคคลอื่นไม่ได้ 6. กรณีผู้บริจาคโลหิตมีสิทธิรักษาพยาบาลอื่น ๆ เช่น สิทธิต้นสังกัดจากหน่วยงานต่าง ๆ ประกันสังคม บัตรทอง ประกันชีวิต ให้พิจารณาใช้สิทธิดังกล่าวก่อน แล้วจึงใช้สิทธิผู้บริจาคโลหิต หากใครเคยบริจาคโลหิตกับหน่วยงานหรือโรงพยาบาลอื่น ๆ สามารถสอบถามถึงสิทธิประโยชน์ในด้านการรักษาพยาบาลจากหน่วยงานนั้น ๆ ได้โดยตรง การบริจาคเลือดเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นการแสดงออกถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และความเสียสละต่อสังคม แม้จะกระทำโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน แต่หากวันใดวันหนึ่งจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่สามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ ก็เหมือนกับการได้รับสิ่งตอบแทนความดีเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับมาเช่นกัน เตรียมร่างกายให้พร้อม...ก่อนไปบริจาคโลหิต บริจาคเลือด 1 ครั้ง เผาผลาญได้ตั้ง 650 แคลอรี เฮ้ยจริงดิ ! กัญชาอยู่ในเลือดกี่วัน กิน-ใช้-สูบกัญชา กัญชง กระท่อม บริจาคเลือดได้ไหม กรุ๊ปเลือดบี กับปัญหาสุขภาพเหล่านี้ ที่อาจเสี่ยงกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น กรุ๊ปเลือด O เช็กให้ไว เราเสี่ยงป่วยโรคอะไรมากกว่าหมู่เลือดอื่น ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : ศูนย์บริการโลหิต สภากาชาดไทย (1), (2), โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
แสดงความคิดเห็น