มันแกว ประโยชน์ดียังไง ถ้าใครชอบรสชาติหวานน้อยและเนื้อสัมผัสที่กรอบของมันแกว มาดูสรรพคุณให้ฟินมากขึ้นกันดีกว่า มันแกว มักจะถูกวางขายในตู้กระจกที่มีผลไม้พร้อมรับประทานชนิดอื่น ๆ ทว่าด้วยความที่มันแกวมีบ้านอยู่ใต้ดิน หลายคนจึงสับสนว่า มันแกวเป็นผักหรือผลไม้ และบางครั้งเรามักจะเห็นคราบขาว ๆ จากมันแกวด้วย ซึ่งทำให้รู้สึกว่ามันแกวมีแป้งเยอะ กินมาก ๆ จะอ้วนหรือเปล่า เอาเป็นว่าวันนี้ลองมาไขทุกข้อสงสัย พร้อมรู้จักมันแกวให้มากขึ้นกันเถอะ มันแกว จัดเป็นพืชมีหัวที่ขยายตัวมาจากส่วนของรากแก้ว จึงไม่ใช่ทั้งผักหรือผลไม้ โดย มันแกว ภาษาอังกฤษ คือ Yam bean หรือ Jicama เป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่งในวงศ์ Fabaceae ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Pachyrhizus erosus Urban ส่วนในไทยก็เรียกกันหลากหลาย เช่น มันแกว มันละแวก มันลาว มันเพา หัวแปะกัวะ เป็นต้น ลักษณะของมันแกวจะเป็นไม้เถาเลื้อยพัน ใบประกอบด้วยใบย่อยเล็ก ๆ 3 ใบ ติดเรียงกันเป็นแถวคล้ายขนนก โดยใบย่อยแต่ละใบจะเรียงสลับกันไปมา ส่วนดอกของมันแกวจะออกเป็นช่อ ๆ โดยแต่ละช่อจะออกเดี่ยว ๆ ที่ซอกใบ และมีขนสีน้ำตาลปกคลุม ผลของมันแกวจะมีรูปร่างแบนยาวคล้ายฝักและมีขนปกคลุม ภายในฝักแต่ละฝักจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 4-9 เมล็ด ลำต้นมีขน มีหัวใต้ดินขนาดใหญ่ไว้ทำหน้าที่สะสมอาหาร ส่วนของมันแกวที่นิยมนำมารับประทานคือ หัว หรือรากสะสมอาหารใต้ดิน โดยมีเปลือกสีน้ำตาลหุ้ม เนื้อข้างในเป็นสีขาว เนื้อหวาน กรอบ ฉ่ำน้ำ เคี้ยวเพลิน ทำให้มันแกวเป็นพืชที่ได้รับความนิยมนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งรับประทานสด ๆ ทำสลัด หรือในอาหารคาวหลายเมนูก็มีมันแกวเป็นส่วนผสมด้วย ที่สำคัญส่วนหัวของมันแกวก็อุดมไปด้วยสารอาหาร เพราะเป็นส่วนกักเก็บสารอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงลำต้น เนื้อมันแกวดิบปริมาณ 100 กรัม ให้คุณค่าทางสารอาหาร ดังนี้ พลังงาน 34 กิโลแคลอรี น้ำ 90.5 กรัม โปรตีน 0.90 กรัม ไขมัน 0.10 กรัม คาร์โบไฮเดรต 6.80 กรัม ไฟเบอร์ 1.4 กรัม เถ้า 0.30 กรัม แคลเซียม 9 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 16 มิลลิกรัม เหล็ก 0.50 มิลลิกรัม ไอโอดีน 2 ไมโครกรัม วิตามินบี 1 (ไทอะมีน) 0.03 มิลลิกรัม วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) 0.01 มิลลิกรัม วิตามินบี 3 (ไนอะซิน) 3 มิลลิกรัม วิตามินซี 9 มิลลิกรัม มันแกวมีทั้งสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญ ต่อไปเราก็มาดูกันว่ามันแกวมีประโยชน์ดียังไงบ้าง สรรพคุณของมันแกวก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ดีต่อสุขภาพตามนี้เลย เนื้อมันแกวเป็นพืชสีขาว อุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์หลากหลายชนิดที่จะรวมพลังกันต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบในร่างกาย ช่วยชะลอความชรา และช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ในมันแกวมีไฟเบอร์ และเป็นพืชฉ่ำน้ำ การรับประทานมันแกวจึงจะได้สารอาหารเหล่านี้ไปช่วยในกระบวนการย่อย ทำให้มวลอาหารนิ่มลง ง่ายต่อการขับถ่าย เห็นหน้าตาธรรมดาแบบนี้แต่ในเนื้อมันแก้วมีพรีไบโอติกอยู่เหมือนกัน โดยพรีไบโอติกจะทำหน้าที่ปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ เป็นอาหารให้โพรไบโอติกเจริญเติบโตและมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น นอกจากจะดีต่อสุขภาพภายในลำไส้แล้วยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมอีกหลายต่อ เนื่องจากมันแก้วอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซีก็มีไม่น้อย อีกทั้งยังมิวิตามินบี ไอโอดีน ธาตุเหล็ก และแร่ธาตุต่าง ๆ จึงถือว่ามันแกวเป็นอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ประมาณหนึ่ง แม้มันแกวจะมีคาร์บอยู่บ้าง ทว่าก็มีปริมาณน้ำตาลต่ำ และมีค่าดัชนีน้ำตาลไม่สูง คนเป็นเบาหวานรับประทานได้ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะมีทั้งแคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ที่มีหน้าที่เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน และเป็นแร่ธาตุสำคัญต่อการเจริญเติบโต ส่วนฟลาโวนอยด์ที่อยู่ในมันแกวนั้นยังมีคุณสมบัติช่วยต้านอักเสบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการเสื่อมของกระดูก มีการศึกษาที่พบว่า การรับประทานไฟเบอร์เป็นประจำมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งในมันแกวยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟลาโวนอยด์ ที่มีส่วนลดการอักเสบในหลอดเลือด ช่วยให้หลอดเลือดคลายตัว ลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี การรับประทานมันแกวจึงมีส่วนช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจได้นั่นเอง การกินมันแกวจะอ้วนหรือไม่ขึ้นอยู่กับปริมาณการรับประทานและวิธีการปรุง หากรับประทานมันแกวสด ๆ หรือมันแกวต้มในปริมาณไม่มาก ก็คงไม่ทำให้อ้วน เพราะมันแกวเป็นพืชที่มีน้ำตาลต่ำ แคลอรีต่ำ แต่ถ้ารับประทานมาก หรือนำไปทอดด้วยน้ำมัน ก็ส่งผลให้อ้วนได้เช่นกัน ส่วนคนที่กำลังลดน้ำหนัก มันแกวถือว่ามีไฟเบอร์พอสมควร เมื่อกินแล้วจะช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น ลดความอยากอาหาร จึงอาจช่วยควบคุมน้ำหนักไปในตัว ทว่าหากไม่อยากกังวลเรื่องน้ำหนักตัวก็ควรจำกัดปริมาณการรับประทานมันแกวตามความเหมาะสม ร่วมกับควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยจะดีกว่า สำหรับเนื้อส่วนหัวของมันแกวสามารถรับประทานสด ๆ ได้ เมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม อย่างการรับประทานมันแกวที่ปอกสำเร็จก็ไม่มีอะไรน่ากังวลค่ะ แต่ห้ามรับประทานเปลือก ใบ ลำต้น และเมล็ดมันแกว เนื่องจากเป็นส่วนที่เป็นพิษ ผู้ป่วยโรคไตควรเลี่ยงการรับประทานมันแกว เพราะมีปริมาณโพแทสเซียมค่อนข้างสูง และผู้ป่วยโรคไตส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาในการควบคุมระดับโพแทสเซียมในร่างกาย จึงอาจส่งผลกระทบต่อโรคที่เป็นอยู่ แม้จะมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ แต่มันแกวก็มีพิษในส่วนของเมล็ดมันแกว โดยพิษตัวนั้นคือ สารโรติโนน (Rotenone) ซึ่งเป็นสารเคมีกำจัดแมลงที่เป็นพิษกับมนุษย์และสัตว์ หากรับประทานเข้าไปจะเกิดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง หรือเสี่ยงเสียชีวิตได้ถ้ารับพิษเข้าร่างกายเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วเราจะกินเฉพาะหัวมันแกวเป็นอาหารว่าง ดังนั้น คงห่างไกลพิษในเมล็ดมันแกวพอสมควร แต่อย่างไรก็ดี ควรซื้อมันแกวที่ดูสะอาด ผิวเรียบเนียน ไม่มีรอยด่างดำ จากนั้นปอกเปลือกแล้วนำไปล้างหลาย ๆ น้ำ หรือแช่น้ำเกลือสัก 10-15 นาที แล้วล้างน้ำอีกครั้ง เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อาจฝังอยู่ จะได้กินมันแกวอย่างอร่อยและดีต่อสุขภาพนะคะ ซูเปอร์ฟู้ดแก้ท้องผูก กินให้ถูก แก้ท้องผูกอย่างเริด 7 ผลไม้น้ำตาลสูง มีอะไรบ้างที่คนป่วยเบาหวาน หรือกำลังควบคุมน้ำตาลควรระวัง 10 ผลไม้น้ำตาลต่ำ หวานน้อย อร่อยมาก แถมไม่ทำลายสุขภาพด้วย แก้วมังกร อ้วนไหม สีไหนดี พร้อม 5 วิธีกินแก้วมังกรให้ได้ประโยชน์จัดเต็ม ไข่ผำ สรรพคุณแน่นอนันต์ จัดเป็นซูเปอร์ฟู้ดไซซ์จิ๋ว ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, ศูนย์พิษวิทยา สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข, healthline.com, health.com
แสดงความคิดเห็น