ลูกพลับ เป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานอร่อย ชื่นใจ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่หลายคนก็กังวลเรื่องน้ำหนักและปริมาณน้ำตาลในลูกพลับ ว่าจะพาให้อ้วนไหม สำหรับคนที่ชอบกินลูกพลับเพราะติดใจรสหวาน กรอบ หอมเป็นเอกลักษณ์ แต่ระหว่างกินไปก็กังวลว่ากินลูกพลับอ้วนไหม จนรู้สึกคาใจว่าแคลอรีในลูกพลับจะเยอะหรือมีน้ำตาลมากเท่าไร เอาเป็นว่าลองมาดูข้อมูลกัน และเรายังมีประโยชน์ของลูกพลับมาให้อ่านเพิ่มเติมด้วย ลูกพลับไม่เพียงแต่อร่อย ทว่ายังมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราหลายด้าน แม้ลูกพลับเป็นผลไม้ขนาดเล็ก แต่ก็อัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย โดยมีทั้งคาร์โบไฮเดรต, ไฟเบอร์, วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินอี, วิตามินเค, วิตามินบี 6, โพแทสเซียม, ทองแดง, แมงกานีส รวมไปถึงโปรตีนและไขมันอีกเล็กน้อย ลูกพลับจัดเป็นแหล่งที่ดีของใยอาหาร และใยอาหารเหล่านี้ก็ทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติกด้วย ดังนั้น การกินลูกพลับจึงช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ส่งเสริมการทำงานของโพรไบโอติก ช่วยเพิ่มกากใยอาหารในลำไส้ ทำให้การขับถ่ายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น สีส้มเหลืองของลูกพลับเป็นสิ่งที่บอกชัดว่าผลไม้ชนิดนี้มีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังพบสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบในลูกพลับอีกด้วย วิตามินเอในลูกพลับก็เด่นไม่แพ้ใคร โดย 1 ลูกจะให้วิตามินเอราว ๆ 15% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน อีกทั้งยังมีลูทีนและซีแซนทิน จึงถือว่าลูกพลับเป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงดวงตาและการมองเห็นได้อีกทางหนึ่ง ทั้งสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะฟลาโวนอยด์ รวมกับสารแทนนินและวิตามินแร่ธาตุในลูกพลับ อีกทั้งไฟเบอร์ในผลไม้ชนิดนี้ มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยลดความดันโลหิต จึงลดความเสี่ยงโรคหัวใจไปด้วยในตัว ลูกพลับ กี่แคลฯ เป็นคำถามที่หลายคนสนใจ และจากข้อมูลก็พบว่า ลูกพลับสด 1 ลูก น้ำหนักประมาณ 168 กรัม จะให้พลังงานราว ๆ 118 กิโลแคลอรี พร้อมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้ คาร์โบไฮเดรต 31 กรัม โปรตีน 1 กรัม ไขมัน 0.3 กรัม ไฟเบอร์ 6 กรัม วิตามินเอ คิดเป็น 15% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน วิตามินซี คิดเป็น 14% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน วิตามินอี คิดเป็น 8% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน วิตามินเค คิดเป็น 4% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน วิตามินบี 6 คิดเป็น 10% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โพแทสเซียม คิดเป็น 6% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ทองแดง คิดเป็น 21% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน แมงกานีส คิดเป็น 26% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน จัดว่าลูกพลับเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการน่าสนใจเลยทีเดียว แต่หากยังกังวลเรื่องปริมาณน้ำตาล ลองมาเช็กที่หัวข้อถัดไปกันเลย หากใครสงสัยว่าลูกพลับน้ำตาลเยอะไหม จากข้อมูลพบว่า ลูกพลับ 1 ลูก น้ำหนัก 168 กรัม มีปริมาณน้ำตาลประมาณ 21 กรัม จัดเป็นผลไม้น้ำตาลสูงพอสมควร และยิ่งผลสุกงอมเท่าไรก็จะยิ่งมีปริมาณน้ำตาลสูงขึ้นด้วย แม้ลูกพลับจะเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง แต่ถ้ากินในปริมาณที่พอเหมาะ ลูกพลับก็ไม่ทำให้อ้วนค่ะ แต่ถ้ากินมากเกินไป หรือเลือกกินลูกพลับแปรรูปที่มีน้ำตาลสูง อาจทำให้ได้รับพลังงานส่วนเกิน ซึ่งหากร่างกายเผาผลาญไม่หมดก็จะกลายเป็นไขมันสะสม ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถกินลูกพลับสดได้ในปริมาณที่จำกัด และควรระวังปริมาณน้ำตาลในลูกพลับ โดยเฉพาะลูกพลับแบบหวานที่สุกงอม ซึ่งจะมีปริมาณน้ำตาลสูง หากวันไหนรับประทานลูกพลับควรลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลในมื้ออาหารอื่น ๆ ด้วย เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษานักโภชนาการและแพทย์เพื่อวางแผนการบริโภคอย่างเหมาะสม นอกจากปริมาณน้ำตาลในลูกพลับแล้ว ก็มีข้อควรระวังในการกินลูกพลับ ดังนี้ ไม่ควรกินลูกพลับขณะท้องว่าง เนื่องจากจะทำให้กรดในกระเพาะอาหารหลั่งออกมามาก นอกจากนี้ในลูกพลับยังมียางและสารแขวนลอย ซึ่งอาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้ หรือเกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้ ไม่ควรกินลูกพลับที่ยังไม่สุก เพราะมีรสฝาดจัดและเสี่ยงจะได้รับยางจากลูกพลับ ยิ่งกินพร้อมเปลือกอาจเกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังได้มากขึ้น หลีกเลี่ยงการรับประทานลูกพลับพร้อมกับอาหารที่มีน้ำตาลสูงชนิดอื่น ๆ เพื่อไม่ให้ได้รับน้ำตาลมากเกินไป ลูกพลับแปรรูป เช่น แยมลูกพลับ ลูกพลับอบแห้ง ลูกพลับแช่แข็ง ลูกพลับแช่อิ่ม ลูกพลับในกระป๋อง จะยิ่งมีน้ำตาลสูงกว่าลูกพลับสด จึงควรระมัดระวังในการรับประทาน โดยเฉพาะคนที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด คนที่มีอาการแพ้อาหาร หรือมีภาวะภูมิแพ้ อาจจะแพ้ลูกพลับได้เหมือนกัน ดังนั้น หากยังไม่เคยกินลูกพลับมาก่อน ควรเริ่มจากการชิมในปริมาณน้อย ๆ เพื่อทดสอบการแพ้ ผู้ป่วยโรคไตควรระมัดระวังการรับประทานลูกพลับ เพราะเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมค่อนข้างสูง กินเข้าไปอาจเพิ่มภาระให้ไตได้ ลูกพลับเป็นผลไม้ที่มีทั้งประโยชน์และโทษ ดังนั้น ควรเลือกกินอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบต่อสุขภาพ และอย่าลืมดูแลตัวเองรอบ ๆ ด้าน ทั้งการพักผ่อน การออกกำลังกาย และการจัดการความเครียดด้วยนะคะ วิธีปอกลูกพลับ พร้อมวิธีเลือกซื้อไม่ฝาด อร่อยหวานกรอบ ผลไม้มงคล 9 อย่าง ความหมายดี ใช้ไหว้เจ้าที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผลไม้สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เลือกหรือเลี่ยง กินได้มาก-น้อยแค่ไหน ต้องรู้ ! โรคเกาต์ห้ามกินผลไม้อะไร ไม่อยากปวดเกาต์ควรระวังผลไม้ชนิดไหนบ้าง 5 ผลไม้ที่ไม่ควรกินตอนท้องว่าง เลี่ยงไว้บ้างน่าจะดี ขอบคุณข้อมูลจาก : สา’สุขชัวร์, กรมอนามัย, healthline.com, webmd.com
แสดงความคิดเห็น