ลูกพลับ เป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานอร่อย ชื่นใจ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่หลายคนก็กังวลเรื่องน้ำหนักและปริมาณน้ำตาลในลูกพลับ ว่าจะพาให้อ้วนไหม
สำหรับคนที่ชอบกินลูกพลับเพราะติดใจรสหวาน กรอบ หอมเป็นเอกลักษณ์ แต่ระหว่างกินไปก็กังวลว่ากินลูกพลับอ้วนไหม จนรู้สึกคาใจว่าแคลอรีในลูกพลับจะเยอะหรือมีน้ำตาลมากเท่าไร เอาเป็นว่าลองมาดูข้อมูลกัน และเรายังมีประโยชน์ของลูกพลับมาให้อ่านเพิ่มเติมด้วย
ลูกพลับ ประโยชน์ดียังไง
ลูกพลับไม่เพียงแต่อร่อย ทว่ายังมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราหลายด้าน
1. คุณค่าทางโภชนาการสูง
แม้ลูกพลับเป็นผลไม้ขนาดเล็ก แต่ก็อัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย โดยมีทั้งคาร์โบไฮเดรต, ไฟเบอร์, วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินอี, วิตามินเค, วิตามินบี 6, โพแทสเซียม, ทองแดง, แมงกานีส รวมไปถึงโปรตีนและไขมันอีกเล็กน้อย
2. ใยอาหารสูง ทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติก
ลูกพลับจัดเป็นแหล่งที่ดีของใยอาหาร และใยอาหารเหล่านี้ก็ทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติกด้วย ดังนั้น การกินลูกพลับจึงช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ส่งเสริมการทำงานของโพรไบโอติก ช่วยเพิ่มกากใยอาหารในลำไส้ ทำให้การขับถ่ายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
3. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
สีส้มเหลืองของลูกพลับเป็นสิ่งที่บอกชัดว่าผลไม้ชนิดนี้มีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังพบสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบในลูกพลับอีกด้วย
4. มีวิตามินเอสูง ดีต่อดวงตา
วิตามินเอในลูกพลับก็เด่นไม่แพ้ใคร โดย 1 ลูกจะให้วิตามินเอราว ๆ 15% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน อีกทั้งยังมีลูทีนและซีแซนทิน จึงถือว่าลูกพลับเป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงดวงตาและการมองเห็นได้อีกทางหนึ่ง
5. ดีต่อหัวใจ
ทั้งสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะฟลาโวนอยด์ รวมกับสารแทนนินและวิตามินแร่ธาตุในลูกพลับ อีกทั้งไฟเบอร์ในผลไม้ชนิดนี้ มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยลดความดันโลหิต จึงลดความเสี่ยงโรคหัวใจไปด้วยในตัว
ลูกพลับ ให้พลังงานกี่แคลอรี
ลูกพลับ กี่แคลฯ เป็นคำถามที่หลายคนสนใจ และจากข้อมูลก็พบว่า ลูกพลับสด 1 ลูก น้ำหนักประมาณ 168 กรัม จะให้พลังงานราว ๆ 118 กิโลแคลอรี พร้อมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้
- คาร์โบไฮเดรต 31 กรัม
- โปรตีน 1 กรัม
- ไขมัน 0.3 กรัม
- ไฟเบอร์ 6 กรัม
- วิตามินเอ คิดเป็น 15% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- วิตามินซี คิดเป็น 14% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- วิตามินอี คิดเป็น 8% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- วิตามินเค คิดเป็น 4% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- วิตามินบี 6 คิดเป็น 10% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- โพแทสเซียม คิดเป็น 6% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- ทองแดง คิดเป็น 21% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- แมงกานีส คิดเป็น 26% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
จัดว่าลูกพลับเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการน่าสนใจเลยทีเดียว แต่หากยังกังวลเรื่องปริมาณน้ำตาล ลองมาเช็กที่หัวข้อถัดไปกันเลย
ลูกพลับ น้ำตาลเยอะไหม
หากใครสงสัยว่าลูกพลับน้ำตาลเยอะไหม จากข้อมูลพบว่า ลูกพลับ 1 ลูก น้ำหนัก 168 กรัม มีปริมาณน้ำตาลประมาณ 21 กรัม จัดเป็นผลไม้น้ำตาลสูงพอสมควร และยิ่งผลสุกงอมเท่าไรก็จะยิ่งมีปริมาณน้ำตาลสูงขึ้นด้วย
กินลูกพลับอ้วนไหม
แม้ลูกพลับจะเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง แต่ถ้ากินในปริมาณที่พอเหมาะ ลูกพลับก็ไม่ทำให้อ้วนค่ะ แต่ถ้ากินมากเกินไป หรือเลือกกินลูกพลับแปรรูปที่มีน้ำตาลสูง อาจทำให้ได้รับพลังงานส่วนเกิน ซึ่งหากร่างกายเผาผลาญไม่หมดก็จะกลายเป็นไขมันสะสม ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้
เป็นเบาหวาน กินลูกพลับได้ไหม
ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถกินลูกพลับสดได้ในปริมาณที่จำกัด และควรระวังปริมาณน้ำตาลในลูกพลับ โดยเฉพาะลูกพลับแบบหวานที่สุกงอม ซึ่งจะมีปริมาณน้ำตาลสูง หากวันไหนรับประทานลูกพลับควรลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลในมื้ออาหารอื่น ๆ ด้วย เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษานักโภชนาการและแพทย์เพื่อวางแผนการบริโภคอย่างเหมาะสม
โทษของลูกพลับที่ควรระวัง
นอกจากปริมาณน้ำตาลในลูกพลับแล้ว ก็มีข้อควรระวังในการกินลูกพลับ ดังนี้
- ไม่ควรกินลูกพลับขณะท้องว่าง เนื่องจากจะทำให้กรดในกระเพาะอาหารหลั่งออกมามาก นอกจากนี้ในลูกพลับยังมียางและสารแขวนลอย ซึ่งอาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้ หรือเกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้
- ไม่ควรกินลูกพลับที่ยังไม่สุก เพราะมีรสฝาดจัดและเสี่ยงจะได้รับยางจากลูกพลับ ยิ่งกินพร้อมเปลือกอาจเกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังได้มากขึ้น
- หลีกเลี่ยงการรับประทานลูกพลับพร้อมกับอาหารที่มีน้ำตาลสูงชนิดอื่น ๆ เพื่อไม่ให้ได้รับน้ำตาลมากเกินไป
- ลูกพลับแปรรูป เช่น แยมลูกพลับ ลูกพลับอบแห้ง ลูกพลับแช่แข็ง ลูกพลับแช่อิ่ม ลูกพลับในกระป๋อง จะยิ่งมีน้ำตาลสูงกว่าลูกพลับสด จึงควรระมัดระวังในการรับประทาน โดยเฉพาะคนที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- คนที่มีอาการแพ้อาหาร หรือมีภาวะภูมิแพ้ อาจจะแพ้ลูกพลับได้เหมือนกัน ดังนั้น หากยังไม่เคยกินลูกพลับมาก่อน ควรเริ่มจากการชิมในปริมาณน้อย ๆ เพื่อทดสอบการแพ้
- ผู้ป่วยโรคไตควรระมัดระวังการรับประทานลูกพลับ เพราะเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมค่อนข้างสูง กินเข้าไปอาจเพิ่มภาระให้ไตได้
ลูกพลับเป็นผลไม้ที่มีทั้งประโยชน์และโทษ ดังนั้น ควรเลือกกินอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบต่อสุขภาพ และอย่าลืมดูแลตัวเองรอบ ๆ ด้าน ทั้งการพักผ่อน การออกกำลังกาย และการจัดการความเครียดด้วยนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้องกับผลไม้
- วิธีปอกลูกพลับ พร้อมวิธีเลือกซื้อไม่ฝาด อร่อยหวานกรอบ
- ผลไม้มงคล 9 อย่าง ความหมายดี ใช้ไหว้เจ้าที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
- ผลไม้สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เลือกหรือเลี่ยง กินได้มาก-น้อยแค่ไหน ต้องรู้ !
- โรคเกาต์ห้ามกินผลไม้อะไร ไม่อยากปวดเกาต์ควรระวังผลไม้ชนิดไหนบ้าง
- 5 ผลไม้ที่ไม่ควรกินตอนท้องว่าง เลี่ยงไว้บ้างน่าจะดี