แอสต้าแซนทิน (Astaxanthin) อาหารเสริมอีกตัวที่กำลังมาแรงใน พ.ศ. นี้ แต่ก่อนจะซื้อต้องรู้จักสรรพคุณให้ชัด พร้อมวิธีเลือกซื้อแอสต้าแซนทินที่ตอบโจทย์ความต้องการ ในยุคที่ผู้คนใส่ใจเรื่อง สุขภาพ สารต้านอนุมูลอิสระกลายเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือ "แอสต้าแซนทิน" (Astaxanthin) ราชินีแห่งสารต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่นกว่าวิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีน แล้วถ้าอยากรับประทานอาหารเสริม ชนิดนี้ต้องเลือกซื้ออย่างไร แอสต้าแซนทิน ยี่ห้อไหนดี กินตอนไหนถึงได้ประโยชน์จริง ๆ เรารวบรวมข้อมูลมาให้พิจารณากันแล้ว แอสต้าแซนทิน คือ สารสีแดงตามธรรมชาติที่อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่อาจช่วยปกป้องเซลล์และดูแลสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน พบในสาหร่ายบางชนิดและยีสต์บางชนิดที่เป็นแหล่งอาหารของสัตว์ทะเล เช่น กุ้ง ปู ปลาแซลมอน คริลล์ (Krill) เมื่อสัตว์ทะเลกินสาหร่ายและยีสต์ที่มีสารสีแดงชนิดนี้เข้าไปก็จะถูกสะสมไว้ในเปลือกและเนื้อ ทำให้สัตว์ทะเลมีสีชมพูแดง การกินอาหารทะเลเหล่านี้จึงเหมือนกับเราได้รับสารแอสต้าแซนทินไปด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แหล่งที่พบแอสต้าแซนทินตามธรรมชาติมากที่สุดคือ สาหร่ายฮีมาโตค็อกคัส พลูวิเอลิส (Haematococcus pluvialis) ซึ่งมักถูกนำไปสกัดเป็นอาหารเสริมแอสต้าแซนทิน ประโยชน์ของแอสต้าแซนทินเด่น ๆ คือมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าสารอาหารชนิดอื่น ๆ จึงช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมได้หลายอย่าง อาทิ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและริ้วรอย โดยมีงานวิจัยพบว่า การใช้แอสต้าแซนทินทั้งภายนอกและรับประทานร่วมกันสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้จุดด่างดำดูจางลง และช่วยรักษาความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นของผิวได้ มีส่วนช่วยลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ ป้องกันความเสียหายของกล้ามเนื้อและกระดูก จึงทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น ทนทานขึ้น มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลตัวร้าย (LDL) และเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ มีส่วนช่วยปกป้องดวงตาจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมและอาการตาล้า และอาจช่วยบรรเทาอาการตาแห้งเล็กน้อยถึงปานกลางได้ มีการศึกษาพบว่า แอสต้าแซนทินอาจช่วยลดอาการอักเสบและอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบได้ เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ การอักเสบเรื้อรังต่าง ๆ แอสต้าแซนทินอาจมีบทบาทในการช่วยเรื่องสุขภาพกระดูก โดยมีส่วนช่วยลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระในเซลล์กระดูก และอาจช่วยยับยั้งการทำงานของเซลล์ที่ทำหน้าที่สลายเนื้อกระดูก พร้อมกับช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกและลดการสูญเสียมวลกระดูกได้ แอสต้าแซนทินมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงหรือชะลอการดำเนินของโรคสมองเสื่อม รวมทั้งมีส่วนช่วยในการปรับปรุงความจำ สมาธิ และการเรียนรู้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภาวะความจำบกพร่องเล็กน้อย มีการศึกษาพบว่า การเสริมแอสต้าแซนทินในผู้ชายที่มีบุตรยาก ช่วยเพิ่มความเข้มข้นและเพิ่มคุณภาพของสเปิร์ม เห็นได้จากอัตราการตั้งครรภ์ที่สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ อยากซื้อแอสต้าแซนทินมาดูแลสุขภาพควรเลือกซื้ออย่างไร ลองมาดูคำแนะนำตรงนี้ก่อน เลือกจากปริมาณแอสต้าแซนทินที่เหมาะสม โดยหากต้องการบำรุงสุขภาพทั่วไปควรกินในปริมาณ 4-6 มิลลิกรัม แต่หากต้องการดูแลสุขภาพตามจุดประสงค์ หรือเพื่อบรรเทาอาการอื่น ๆ อาจรับประทานในปริมาณที่มากกว่า 6 มิลลิกรัมได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เลือกแอสต้าแซนทินที่สกัดมาจากสาหร่ายสีแดงฮีมาโตค็อกคัส พลูวิเอลิส (Haematococcus pluvialis) ซึ่งมีงานวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย และมีรูปแบบโครงสร้างที่ร่างกายนำไปใช้ได้ดีกว่า แต่ก็มีราคาสูงกว่าแอสต้าแซนทินที่มาจากการสังเคราะห์ บางแบรนด์อาจใส่ส่วนผสมของวิตามินอี สารสกัดจากเมล็ดองุ่น วิตามินซี ขมิ้นชัน สังกะสี ฯลฯ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพของแอสต้าแซนทิน เราจึงควรพิจารณาว่าส่วนผสมเหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการหรือไม่ หรือต้องการเฉพาะแบรนด์ที่มีแอสต้าแซนทินเพียว ๆ เลือกซื้อจากรูปแบบที่สะดวกในการรับประทาน เช่น แบบแคปซูล แบบเม็ดยา แบบซอฟต์เจล หรือแบบผง ตรวจสอบส่วนผสมต่าง ๆ ให้แน่ชัดว่ามีส่วนประกอบใดที่ทำให้เรามีอาการแพ้หรือไม่ เช่น บางแบรนด์อาจมีส่วนผสมจากถั่วเหลือง เป็นต้น เลือกซื้อแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานการผลิตที่ดี มีความปลอดภัย มีเลขทะเบียน อย. ชัดเจน และตรวจสอบวันผลิต-วันหมดอายุให้ชัดเจน ควรซื้ออาหารเสริมจากช่องทางที่น่าเชื่อถือ เช่น ร้านขายยา หรือมีเภสัชกรคอยให้คำแนะนำ เปรียบเทียบราคาและความคุ้มค่า โดยอาจจะพิจารณาจากรีวิวของคนที่รับประทานจริง เมื่อทราบถึงสรรพคุณแอสต้าแซนทิน และวิธีเลือกซื้อแล้ว คราวนี้มาดูกันว่า แอสต้าแซนทิน ยี่ห้อไหนน่าสนใจกันบ้าง แอสต้าแซนทินจากแบรนด์ Herbal One ในเครืออ้วยอันโอสถ ที่เราคุ้นชื่อกันดี ขวดนี้มีส่วนประกอบของสารสกัดสาหร่ายสีแดง (Haematococcus Pluvialis extract) ปริมาณ 200 มิลลิกรัม โดยจะให้แอสต้าแซนทิน 6 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพ และยังมาพร้อมกับผงขมิ้นชันอีก 124 มิลลิกรัม ที่ช่วยเสริมการทำงานของแอสต้าแซนทิน วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร ราคาปกติ : 480 บาท (30 แคปซูล) DHC Astaxanthin แอสต้าแซนทินแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีชื่อเรื่องอาหารเสริม 1 ซอง มี 30 เม็ด สามารถรับประทานได้ 30 วัน โดยแต่ละเม็ดให้แอสต้าแซนทินขนาด 9 มิลลิกรัม และเสริมด้วยวิตามินอี เหมาะกับคนที่ต้องการเน้นดูแลสุขภาพผิวมากเป็นพิเศษ วิธีรับประทาน : วันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า แล้วตามด้วยน้ำอุ่น ราคาประมาณ : 590 บาท (30 แคปซูล) แอสต้าแซนทิน Smooth Life by Smooth E ซึ่งให้แอสต้าแซนทินมาเต็ม ๆ 6 มิลลิกรัม และเป็นแอสต้าแซนทินที่ผลิตจากสาหร่ายสีแดงที่เพาะเลี้ยงตามธรรมชาติในทะเลทรายอาตากามา ประเทศชิลี จึงมีความบริสุทธิ์ ทนแสงแดด ทน UV ได้ดีกว่าสาหร่ายที่เพาะเลี้ยงในระบบปิด นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมเสริมอื่น ๆ อีก 4 ชนิด คือ โคเอนไซม์คิวเทน น้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำมันมะกอก และวิตามินอี มาช่วยเสริมการทำงานในด้านการดูแลผิวพรรณด้วย วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร ราคาปกติ : 1,160 บาท (30 แคปซูล) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแอสต้าแซนทินจากแบรนด์เซนจิ ที่ใช้แอสต้าแซนทินสกัดจากสาหร่ายสีแดง นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ให้มาในปริมาณ 6 มิลลิกรัม เสริมด้วยซูเปอร์วิตามินซี 500 มิลลิกรัม ที่มาจากสารสกัดคามู-คามู, สารสกัดส้มสีแดง, สารสกัดอะเซโรล่า เชอร์รี, สารสกัดซีบัคธอร์น และสารสกัดแครนเบอร์รี อีกทั้งยังมีซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยเป็นกระสายยาเพิ่มการดูดซึม 5 เท่า เพื่อประโยชน์ของผิว เรียกได้ว่ากินเม็ดเดียวครบจบ ไม่ต้องกินวิตามินซีเพิ่ม วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล หลังอาหาร ราคาปกติ : 690 บาท (30 แคปซูล) แอสต้าแซนทิน Dr.pong ขวดนี้เหมาะกับคนที่อยากรับประทานแอสต้าแซนทินแบบเพียว ๆ ไม่มีส่วนผสมของวิตามินอื่น ๆ โดยใน 1 แคปซูล อัดแน่นด้วยแอสต้าแซนทินที่สกัดมาจากสาหร่ายสีแดงจากประเทศญี่ปุ่น ในปริมาณ 6 มิลลิกรัม และยังมีส่วนผสมของ MCT Oil carrier 100% ซึ่งเป็นน้ำมันที่ช่วยนำพาการดูดซึมแอสต้าแซนทินโดยไม่ทำให้เกิดไขมันสะสมในร่างกายเหมือนกับน้ำมันชนิดอื่น วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมมื้ออาหาร ราคาปกติ : 600 บาท (30 แคปซูล) "แบล็คตร้า แอสตาแซนธิน พลัส" อีกหนึ่งแบรนด์อาหารเสริมแอสต้าแซนทินที่ใช้สารสกัดสาหร่ายสีแดงจากญี่ปุ่น ในปริมาณ 300 มิลลิกรัม ซึ่งจะให้แอสต้าแซนทิน 6 มิลลิกรัม และยังมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่ช่วยดูแลผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดองุ่น สารสกัดสตรอว์เบอร์รี ซิงก์ โคเอนไซม์คิวเทน รวมถึงวิตามินอี บรรจุมาในรูปแบบซอฟต์เจลที่รับประทานง่าย ดูดซึมได้ดี วิธีรับประทาน : วันละ 1 ซอฟต์เจล หลังมื้ออาหาร ราคาปกติ : 590 บาท (30 แคปซูล) สำหรับคนที่ต้องการแอสต้าแซนทินในปริมาณไม่สูงมาก ลองดูแบรนด์ NOW นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ที่ให้แอสต้าแซนทินจากสาหร่ายขนาดเล็ก ฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส ซึ่งปลูกในสภาพแวดล้อมที่ห่างไกลและบริสุทธิ์ของประเทศชิลี มาในปริมาณ 4 มิลลิกรัม บรรจุมาในแคปซูลนิ่ม Veggie Softgels คนที่กินมังสวิรัติหรือกินเจสามารถรับประทานได้ วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล ก่อนหรือหลังมื้ออาหาร ราคาปกติ : 685 บาท (60 แคปซูล) เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุด ควรรับประทานแอสต้าแซนทินพร้อมอาหาร เนื่องจากแอสต้าแซนทินเป็นสารที่ละลายได้ดีในไขมัน ไขมันจากอาหารจะช่วยเพิ่มการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น แต่ไม่ควรกินตอนท้องว่าง เพราะอาจทำให้การดูดซึมไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีควรรับประทานอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ การรับประทานแอสต้าแซนทินร่วมกับอาหารหรือสารอาหารบางชนิดอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมและเสริมฤทธิ์ของแอสต้าแซนธินได้ดีขึ้น เช่น อาหารที่มีไขมันดี : อย่างอะโวคาโด ถั่ว น้ำมันมะกอก เนื่องจากแอสต้าแซนทินเป็นสารที่ละลายได้ดีในไขมัน เมื่อรับประทานพร้อมกันจะช่วยเพิ่มการดูดซึม คอลลาเจน : ทั้งแอสต้าแซนทินและคอลลาเจนมีส่วนช่วยดูแลผิวพรรณ ดังนั้น การรับประทานร่วมกันอาจช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิวได้ดียิ่งขึ้น วิตามินซี : วิตามินซีก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อผิวพรรณและปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระที่มีผลต่อสุขภาพโดยรวม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแอสต้าแซนทินหลายยี่ห้อจึงนิยมผสมวิตามินซีลงไปด้วย เพื่อเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน วิตามินอี : แอสต้าแซนทินและวิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมันได้ดี การรับประทานร่วมกันอาจช่วยเสริมฤทธิ์ในการปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ และมีส่วนช่วยในการดูแลสมองและผิวพรรณ คนที่มีอาการแพ้อาหารทะเล หรือสัตว์ที่มีเปลือกแข็ง แพ้สาหร่าย ไม่ควรรับประทาน อ่านฉลากและคำเตือนก่อนรับประทาน รับประทานตามปริมาณที่แนะนำบนฉลากของผลิตภัณฑ์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งปริมาณแอสต้าแซนทินอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประโยชน์ต่อสุขภาพที่ต้องการ แต่จากการศึกษาพบว่าการรับประทานแอสต้าแซนทิน 4-12 มิลลิกรัมต่อวัน อาจมีประโยชน์ และไม่ควรกินติดต่อกันเกิน 12 สัปดาห์ การรับประทานแอสต้าแซนทินในปริมาณสูงเกินไปอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง การรับประทานแอสต้าแซนทินอาจทำให้ขับถ่ายบ่อยขึ้นและอุจจาระมีสีแดง เด็กและสตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมแอสต้าแซนทิน แอสต้าแซนทินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือสมุนไพรบางชนิด เช่น แปะก๊วย อาหารที่มีแคลเซียมสูง อาหารที่มีแคโรทีนอยด์สูง เช่น ฟักทอง แครอต มะเขือเทศ ผักใบเขียว มันหวาน จึงควรเว้นระยะเวลารับประทานให้ห่างจากอาหารเหล่านี้ แอสต้าแซนทินมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือด คนที่รับประทานยาลดความดันโลหิตหรือยาลดน้ำตาลในเลือดจึงควรระมัดระวัง แอสต้าแซนทินอาจทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาที่ใช้รักษาตับ, ยาที่ยับยั้งเอนไซม์ 5-alpha-reductase ซึ่งรักษาโรคต่อมลูกหมากโต ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด (แอสไพริน วาร์ฟาริน), ยากดภูมิคุ้มกัน, ยารักษาโรคหัวใจ, อาหารเสริมฮอร์โมน เป็นต้น ผู้ที่รับประทานยารักษาโรคอยู่เป็นประจำควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินอาหารเสริมทุกชนิด ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค ควรรับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว ใครกำลังมองหาแอสต้าแซนทินมาใช้ดูแลสุขภาพก็สามารถเลือกซื้อตามคำแนะนำข้างต้นได้เลย และขอย้ำอีกครั้งว่า ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทั้งหลายไม่มีผลในการป้องกันและรักษาโรค แต่การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และหลากหลาย ร่วมกับการออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ คือสิ่งที่ดีต่อสุขภาพอย่างยั่งยืนในระยะยาว เบต้ากลูแคน (Beta Glucan) ยี่ห้อไหนดี พร้อมเช็กสรรพคุณ วิธีเลือกซื้อ และข้อควรระวัง วิตามินคนนอนน้อย นอนดึก พักผ่อนไม่พอ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ตัวช่วยคืนความสดชื่น ฟื้นฟูร่างกาย วิตามิน D3 ช่วยอะไร ยี่ห้อไหนดี เติมวิตามินสำคัญให้ร่างกาย ช่วยดูดซึมแคลเซียม น้ำมันปลา ช่วยอะไร ต่างกับน้ำมันตับปลาอย่างไร เลือกซื้อยี่ห้อไหนดี ปี 2568 วิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 พร้อมไขข้อสงสัย กินวิตามินซีทุกวันอันตรายไหม ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : webmd.com, healthline.com, health.com, mrmed.in, naturalhealthresearch.org, nutraingredients.com, shop.ouayun.com, lazada, Smooth E Official Store, zenjibioplus.com, Blacktra Nutrition, Now Foods Official Shop TH
แสดงความคิดเห็น