แอสต้าแซนทิน ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ควรกินตอนไหน กินคู่กับอะไรถึงได้ประโยชน์จริง

           แอสต้าแซนทิน (Astaxanthin) อาหารเสริมอีกตัวที่กำลังมาแรงใน พ.ศ. นี้ แต่ก่อนจะซื้อต้องรู้จักสรรพคุณให้ชัด พร้อมวิธีเลือกซื้อแอสต้าแซนทินที่ตอบโจทย์ความต้องการ
แอสต้าแซนธิน คืออะไร

           ในยุคที่ผู้คนใส่ใจเรื่อง สุขภาพ สารต้านอนุมูลอิสระกลายเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือ "แอสต้าแซนทิน" (Astaxanthin) ราชินีแห่งสารต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่นกว่าวิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีน แล้วถ้าอยากรับประทานอาหารเสริม ชนิดนี้ต้องเลือกซื้ออย่างไร แอสต้าแซนทิน ยี่ห้อไหนดี กินตอนไหนถึงได้ประโยชน์จริง ๆ เรารวบรวมข้อมูลมาให้พิจารณากันแล้ว

แอสต้าแซนทิน คืออะไร

          แอสต้าแซนทิน คือ สารสีแดงตามธรรมชาติที่อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่อาจช่วยปกป้องเซลล์และดูแลสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน พบในสาหร่ายบางชนิดและยีสต์บางชนิดที่เป็นแหล่งอาหารของสัตว์ทะเล เช่น กุ้ง ปู ปลาแซลมอน คริลล์ (Krill) เมื่อสัตว์ทะเลกินสาหร่ายและยีสต์ที่มีสารสีแดงชนิดนี้เข้าไปก็จะถูกสะสมไว้ในเปลือกและเนื้อ ทำให้สัตว์ทะเลมีสีชมพูแดง การกินอาหารทะเลเหล่านี้จึงเหมือนกับเราได้รับสารแอสต้าแซนทินไปด้วยเช่นกัน 

          อย่างไรก็ตาม แหล่งที่พบแอสต้าแซนทินตามธรรมชาติมากที่สุดคือ สาหร่ายฮีมาโตค็อกคัส พลูวิเอลิส (Haematococcus pluvialis) ซึ่งมักถูกนำไปสกัดเป็นอาหารเสริมแอสต้าแซนทิน

แอสต้าแซนทิน
สรรพคุณดี ๆ ที่ต้องบอกต่อ

แอสต้าแซนทีน สรรพคุณ

          ประโยชน์ของแอสต้าแซนทินเด่น ๆ คือมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าสารอาหารชนิดอื่น ๆ จึงช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมได้หลายอย่าง อาทิ

  • ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและริ้วรอย โดยมีงานวิจัยพบว่า การใช้แอสต้าแซนทินทั้งภายนอกและรับประทานร่วมกันสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้จุดด่างดำดูจางลง และช่วยรักษาความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นของผิวได้

  • มีส่วนช่วยลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ ป้องกันความเสียหายของกล้ามเนื้อและกระดูก จึงทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น ทนทานขึ้น

  • มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลตัวร้าย (LDL) และเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ

  • มีส่วนช่วยปกป้องดวงตาจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมและอาการตาล้า และอาจช่วยบรรเทาอาการตาแห้งเล็กน้อยถึงปานกลางได้ 

  • มีการศึกษาพบว่า แอสต้าแซนทินอาจช่วยลดอาการอักเสบและอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบได้ เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ การอักเสบเรื้อรังต่าง ๆ 

  • แอสต้าแซนทินอาจมีบทบาทในการช่วยเรื่องสุขภาพกระดูก โดยมีส่วนช่วยลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระในเซลล์กระดูก และอาจช่วยยับยั้งการทำงานของเซลล์ที่ทำหน้าที่สลายเนื้อกระดูก พร้อมกับช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกและลดการสูญเสียมวลกระดูกได้

  • แอสต้าแซนทินมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงหรือชะลอการดำเนินของโรคสมองเสื่อม รวมทั้งมีส่วนช่วยในการปรับปรุงความจำ สมาธิ และการเรียนรู้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภาวะความจำบกพร่องเล็กน้อย 

  • มีการศึกษาพบว่า การเสริมแอสต้าแซนทินในผู้ชายที่มีบุตรยาก ช่วยเพิ่มความเข้มข้นและเพิ่มคุณภาพของสเปิร์ม เห็นได้จากอัตราการตั้งครรภ์ที่สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ

วิธีเลือกซื้ออาหารเสริม
Astaxanthin

          อยากซื้อแอสต้าแซนทินมาดูแลสุขภาพควรเลือกซื้ออย่างไร ลองมาดูคำแนะนำตรงนี้ก่อน

  • เลือกจากปริมาณแอสต้าแซนทินที่เหมาะสม โดยหากต้องการบำรุงสุขภาพทั่วไปควรกินในปริมาณ 4-6 มิลลิกรัม แต่หากต้องการดูแลสุขภาพตามจุดประสงค์ หรือเพื่อบรรเทาอาการอื่น ๆ อาจรับประทานในปริมาณที่มากกว่า 6 มิลลิกรัมได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

  • เลือกแอสต้าแซนทินที่สกัดมาจากสาหร่ายสีแดงฮีมาโตค็อกคัส พลูวิเอลิส (Haematococcus pluvialis) ซึ่งมีงานวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย และมีรูปแบบโครงสร้างที่ร่างกายนำไปใช้ได้ดีกว่า แต่ก็มีราคาสูงกว่าแอสต้าแซนทินที่มาจากการสังเคราะห์

  • บางแบรนด์อาจใส่ส่วนผสมของวิตามินอี สารสกัดจากเมล็ดองุ่น วิตามินซี ขมิ้นชัน สังกะสี ฯลฯ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพของแอสต้าแซนทิน เราจึงควรพิจารณาว่าส่วนผสมเหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการหรือไม่ หรือต้องการเฉพาะแบรนด์ที่มีแอสต้าแซนทินเพียว ๆ 

  • เลือกซื้อจากรูปแบบที่สะดวกในการรับประทาน เช่น แบบแคปซูล แบบเม็ดยา แบบซอฟต์เจล หรือแบบผง

  • ตรวจสอบส่วนผสมต่าง ๆ ให้แน่ชัดว่ามีส่วนประกอบใดที่ทำให้เรามีอาการแพ้หรือไม่ เช่น บางแบรนด์อาจมีส่วนผสมจากถั่วเหลือง เป็นต้น

  • เลือกซื้อแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานการผลิตที่ดี มีความปลอดภัย มีเลขทะเบียน อย. ชัดเจน และตรวจสอบวันผลิต-วันหมดอายุให้ชัดเจน

  • ควรซื้ออาหารเสริมจากช่องทางที่น่าเชื่อถือ เช่น ร้านขายยา หรือมีเภสัชกรคอยให้คำแนะนำ

  • เปรียบเทียบราคาและความคุ้มค่า โดยอาจจะพิจารณาจากรีวิวของคนที่รับประทานจริง

แอสต้าแซนทิน
ยี่ห้อไหนดี ปี 2025

           เมื่อทราบถึงสรรพคุณแอสต้าแซนทิน และวิธีเลือกซื้อแล้ว คราวนี้มาดูกันว่า แอสต้าแซนทิน ยี่ห้อไหนน่าสนใจกันบ้าง

1. Astacumin (แอสต้าคิวมิน) อ้วยอันโอสถ

Astacumin อ้วยอันโอสถ

ภาพจาก : shop.ouayun.com

          แอสต้าแซนทินจากแบรนด์ Herbal One ในเครืออ้วยอันโอสถ ที่เราคุ้นชื่อกันดี ขวดนี้มีส่วนประกอบของสารสกัดสาหร่ายสีแดง (Haematococcus Pluvialis extract) ปริมาณ 200 มิลลิกรัม โดยจะให้แอสต้าแซนทิน 6 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพ และยังมาพร้อมกับผงขมิ้นชันอีก 124 มิลลิกรัม ที่ช่วยเสริมการทำงานของแอสต้าแซนทิน

  • วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร

  • ราคาปกติ : 480 บาท (30 แคปซูล)

2. DHC Astaxanthin

DHC Astaxanthin

ภาพจาก : lazada

          DHC Astaxanthin แอสต้าแซนทินแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีชื่อเรื่องอาหารเสริม 1 ซอง มี 30 เม็ด สามารถรับประทานได้ 30 วัน โดยแต่ละเม็ดให้แอสต้าแซนทินขนาด 9 มิลลิกรัม และเสริมด้วยวิตามินอี เหมาะกับคนที่ต้องการเน้นดูแลสุขภาพผิวมากเป็นพิเศษ

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า แล้วตามด้วยน้ำอุ่น

  • ราคาประมาณ : 590 บาท (30 แคปซูล)

3. Astaxanthin Plus CoQ10 Smooth Life by Smooth E

Astaxanthin Plus CoQ10

ภาพจาก : Smooth E Official Store

          แอสต้าแซนทิน Smooth Life by Smooth E ซึ่งให้แอสต้าแซนทินมาเต็ม ๆ 6 มิลลิกรัม และเป็นแอสต้าแซนทินที่ผลิตจากสาหร่ายสีแดงที่เพาะเลี้ยงตามธรรมชาติในทะเลทรายอาตากามา ประเทศชิลี จึงมีความบริสุทธิ์ ทนแสงแดด ทน UV ได้ดีกว่าสาหร่ายที่เพาะเลี้ยงในระบบปิด นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมเสริมอื่น ๆ อีก 4 ชนิด คือ โคเอนไซม์คิวเทน น้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำมันมะกอก และวิตามินอี มาช่วยเสริมการทำงานในด้านการดูแลผิวพรรณด้วย

  • วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร 

  • ราคาปกติ : 1,160 บาท (30 แคปซูล)

4. Zenji ASTA CAMU C

Zenji ASTA CAMU C

ภาพจาก : zenjibioplus.com

          ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแอสต้าแซนทินจากแบรนด์เซนจิ ที่ใช้แอสต้าแซนทินสกัดจากสาหร่ายสีแดง นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ให้มาในปริมาณ 6 มิลลิกรัม เสริมด้วยซูเปอร์วิตามินซี 500 มิลลิกรัม ที่มาจากสารสกัดคามู-คามู, สารสกัดส้มสีแดง, สารสกัดอะเซโรล่า เชอร์รี, สารสกัดซีบัคธอร์น และสารสกัดแครนเบอร์รี อีกทั้งยังมีซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยเป็นกระสายยาเพิ่มการดูดซึม 5 เท่า เพื่อประโยชน์ของผิว เรียกได้ว่ากินเม็ดเดียวครบจบ ไม่ต้องกินวิตามินซีเพิ่ม

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล หลังอาหาร  

  • ราคาปกติ : 690 บาท (30 แคปซูล)

5. Dr.Pong Astaxanthin 6 mg

Dr.Pong Astaxanthin

ภาพจาก : Dr. Pong shop

          แอสต้าแซนทิน Dr.pong ขวดนี้เหมาะกับคนที่อยากรับประทานแอสต้าแซนทินแบบเพียว ๆ ไม่มีส่วนผสมของวิตามินอื่น ๆ โดยใน 1 แคปซูล อัดแน่นด้วยแอสต้าแซนทินที่สกัดมาจากสาหร่ายสีแดงจากประเทศญี่ปุ่น ในปริมาณ 6 มิลลิกรัม และยังมีส่วนผสมของ MCT Oil carrier 100% ซึ่งเป็นน้ำมันที่ช่วยนำพาการดูดซึมแอสต้าแซนทินโดยไม่ทำให้เกิดไขมันสะสมในร่างกายเหมือนกับน้ำมันชนิดอื่น

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมมื้ออาหาร

  • ราคาปกติ : 600 บาท (30 แคปซูล)

6. Blacktra Astaxanthin Plus 6 mg

Blacktra Astaxanthin Plus

ภาพจาก : Blacktra Nutrition

          "แบล็คตร้า แอสตาแซนธิน พลัส" อีกหนึ่งแบรนด์อาหารเสริมแอสต้าแซนทินที่ใช้สารสกัดสาหร่ายสีแดงจากญี่ปุ่น ในปริมาณ 300 มิลลิกรัม ซึ่งจะให้แอสต้าแซนทิน 6 มิลลิกรัม และยังมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่ช่วยดูแลผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดองุ่น สารสกัดสตรอว์เบอร์รี ซิงก์ โคเอนไซม์คิวเทน รวมถึงวิตามินอี บรรจุมาในรูปแบบซอฟต์เจลที่รับประทานง่าย ดูดซึมได้ดี

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 ซอฟต์เจล หลังมื้ออาหาร

  • ราคาปกติ : 590 บาท (30 แคปซูล)

7. Now Foods Astaxanthin 4 mg

Now Foods Astaxanthin

ภาพจาก : Now Foods Official Shop TH

          สำหรับคนที่ต้องการแอสต้าแซนทินในปริมาณไม่สูงมาก ลองดูแบรนด์ NOW นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ที่ให้แอสต้าแซนทินจากสาหร่ายขนาดเล็ก ฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส ซึ่งปลูกในสภาพแวดล้อมที่ห่างไกลและบริสุทธิ์ของประเทศชิลี มาในปริมาณ 4 มิลลิกรัม บรรจุมาในแคปซูลนิ่ม Veggie Softgels คนที่กินมังสวิรัติหรือกินเจสามารถรับประทานได้

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล ก่อนหรือหลังมื้ออาหาร

  • ราคาปกติ : 685 บาท (60 แคปซูล)

แอสต้าแซนทิน กินตอนไหนดี

          เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุด ควรรับประทานแอสต้าแซนทินพร้อมอาหาร เนื่องจากแอสต้าแซนทินเป็นสารที่ละลายได้ดีในไขมัน ไขมันจากอาหารจะช่วยเพิ่มการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น แต่ไม่ควรกินตอนท้องว่าง เพราะอาจทำให้การดูดซึมไม่ดีเท่าที่ควร

          ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีควรรับประทานอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์

แอสต้าแซนทิน กินคู่กับอะไรดี

แอสตาแซนธินกินคู่กับอะไร

          การรับประทานแอสต้าแซนทินร่วมกับอาหารหรือสารอาหารบางชนิดอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมและเสริมฤทธิ์ของแอสต้าแซนธินได้ดีขึ้น เช่น

  • อาหารที่มีไขมันดี : อย่างอะโวคาโด ถั่ว น้ำมันมะกอก เนื่องจากแอสต้าแซนทินเป็นสารที่ละลายได้ดีในไขมัน เมื่อรับประทานพร้อมกันจะช่วยเพิ่มการดูดซึม

  • คอลลาเจน : ทั้งแอสต้าแซนทินและคอลลาเจนมีส่วนช่วยดูแลผิวพรรณ ดังนั้น การรับประทานร่วมกันอาจช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิวได้ดียิ่งขึ้น

  • วิตามินซี : วิตามินซีก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อผิวพรรณและปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระที่มีผลต่อสุขภาพโดยรวม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแอสต้าแซนทินหลายยี่ห้อจึงนิยมผสมวิตามินซีลงไปด้วย เพื่อเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน

  • วิตามินอี : แอสต้าแซนทินและวิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมันได้ดี การรับประทานร่วมกันอาจช่วยเสริมฤทธิ์ในการปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ และมีส่วนช่วยในการดูแลสมองและผิวพรรณ 

ข้อควรระวังในการกินแอสต้าแซนทิน

  • คนที่มีอาการแพ้อาหารทะเล หรือสัตว์ที่มีเปลือกแข็ง แพ้สาหร่าย ไม่ควรรับประทาน

  • อ่านฉลากและคำเตือนก่อนรับประทาน

  • รับประทานตามปริมาณที่แนะนำบนฉลากของผลิตภัณฑ์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งปริมาณแอสต้าแซนทินอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประโยชน์ต่อสุขภาพที่ต้องการ แต่จากการศึกษาพบว่าการรับประทานแอสต้าแซนทิน 4-12 มิลลิกรัมต่อวัน อาจมีประโยชน์ และไม่ควรกินติดต่อกันเกิน 12 สัปดาห์ 

  • การรับประทานแอสต้าแซนทินในปริมาณสูงเกินไปอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง

  • การรับประทานแอสต้าแซนทินอาจทำให้ขับถ่ายบ่อยขึ้นและอุจจาระมีสีแดง  

  • เด็กและสตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมแอสต้าแซนทิน

  • แอสต้าแซนทินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือสมุนไพรบางชนิด เช่น แปะก๊วย อาหารที่มีแคลเซียมสูง อาหารที่มีแคโรทีนอยด์สูง เช่น ฟักทอง แครอต มะเขือเทศ ผักใบเขียว มันหวาน จึงควรเว้นระยะเวลารับประทานให้ห่างจากอาหารเหล่านี้

  • แอสต้าแซนทินมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือด คนที่รับประทานยาลดความดันโลหิตหรือยาลดน้ำตาลในเลือดจึงควรระมัดระวัง

  • แอสต้าแซนทินอาจทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาที่ใช้รักษาตับ, ยาที่ยับยั้งเอนไซม์ 5-alpha-reductase ซึ่งรักษาโรคต่อมลูกหมากโต ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด (แอสไพริน วาร์ฟาริน), ยากดภูมิคุ้มกัน, ยารักษาโรคหัวใจ, อาหารเสริมฮอร์โมน เป็นต้น ผู้ที่รับประทานยารักษาโรคอยู่เป็นประจำควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินอาหารเสริมทุกชนิด

  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค ควรรับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ

           อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว ใครกำลังมองหาแอสต้าแซนทินมาใช้ดูแลสุขภาพก็สามารถเลือกซื้อตามคำแนะนำข้างต้นได้เลย และขอย้ำอีกครั้งว่า ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทั้งหลายไม่มีผลในการป้องกันและรักษาโรค แต่การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และหลากหลาย ร่วมกับการออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ คือสิ่งที่ดีต่อสุขภาพอย่างยั่งยืนในระยะยาว

บทความที่เกี่ยวข้องกับวิตามินอาหารเสริม

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แอสต้าแซนทิน ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ควรกินตอนไหน กินคู่กับอะไรถึงได้ประโยชน์จริง อัปเดตล่าสุด 25 เมษายน 2568 เวลา 13:40:02
TOP
x close