วิตามิน D3 ช่วยอะไร ยี่ห้อไหนดี เติมวิตามินสำคัญให้ร่างกาย ช่วยดูดซึมแคลเซียม

           วิตามิน D3 ยี่ห้อไหนดี เลือกซื้ออย่างไรให้มาช่วยเติมวิตามินดี หนึ่งในวิตามินที่คนไทยขาดมากเป็นอันดับต้น ๆ เพื่อดูแลกระดูกและฟัน พร้อมเสริมการทำงานระบบต่าง ๆ
วิตามิน d3 ประโยชน์

          ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า วิตามินดี เป็นวิตามินอีกชนิดหนึ่งที่คนไทยได้รับไม่เพียงพอ แม้ร่างกายของเราสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้เองที่ผิวหนังเมื่อได้รับรังสี UVB จากแสงแดด แต่จากการสำรวจสุขภาพ ของประชากรไทยกลับพบว่า มีคนไทยมากถึง 45.2% ที่ขาดวิตามินตัวนี้ โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ที่มีพฤติกรรมหลบเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดดเสมอเมื่อออกแดด ซึ่งการขาดวิตามินดีเช่นนี้ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ไม่เต็มที่ นำไปสู่โรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูกมากมาย อีกทั้งยังสัมพันธ์กับการเกิดโรคอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้า โรคเบาหวาน โรคมะเร็งบางชนิด รวมถึงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงจนเสี่ยงติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น 

          ดังนั้น ในช่วง 1-2 ปีมานี้ เราจึงเห็นคนหันมารับประทานอาหารเสริมวิตามิน D3 กันมากขึ้น เพื่อเติมวิตามินดีที่ขาดหายไป ว่าแต่...วิตามิน D3 คืออะไร แตกต่างกับวิตามินดีที่เรารู้จักไหม แล้วทำไมถึงต้องรับประทานเสริมตัวนี้ ตามมาศึกษาข้อมูลด้านล่างกันได้เลย

วิตามิน D3 คืออะไร
ต่างกับ วิตามิน D อย่างไร

วิตามิน d3 คืออะไร

          ต้องอธิบายก่อนว่า วิตามินดี ที่เราเรียกกันเป็นคำเรียกรวมวิตามินดีทุกชนิด แต่หากแยกประเภทจะมีอยู่ 2 รูปแบบหลัก ๆ คือ วิตามิน D2 และวิตามิน D3 ซึ่งทั้ง 2 ชนิดมีความแตกต่างกัน คือ

  • วิตามิน D2 (Ergocalciferol) ส่วนใหญ่ได้มาจากพืช ตระกูลเห็ด รา และยีสต์ เช่น เห็ดหอม ร่างกายสามารถดูดซึมได้น้อยกว่าวิตามิน D3 

  • วิตามิน D3 (Cholecalciferol) ร่างกายสร้างขึ้นเองได้จากการสัมผัสแสงแดด รวมถึงการรับประทานอาหารบางชนิด ซึ่งร่างกายจะดูดซึมวิตามิน D3 ได้ดีกว่าวิตามิน D2 จึงมีประสิทธิภาพในการเพิ่มระดับวิตามินดีในเลือดได้ดีกว่า 

วิตามิน D3 มีในอาหารอะไรบ้าง

วิตามิน d3 มีในอาหารอะไรบ้าง

          อาหารที่มีวิตามิน D3 คือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น ไข่แดง ตับ นม เนย น้ำมันตับปลา เนื้อวัว ชีส ปลาที่มีไขมันสูงอย่างปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล เป็นต้น

          อย่างไรก็ตาม วิตามินดีในร่างกายของเรามาจากการสังเคราะห์ที่ผิวหนังถึง 80-90% ส่วนอีก 10-20% ได้จากการรับประทานอาหารที่มีวิตามินดี ด้วยเหตุนี้แม้เราจะรับประทานอาหารดังที่กล่าวมา แต่ถ้าไม่ค่อยถูกแสงแดด หรือสวมเสื้อผ้าปกปิดร่างกาย กางร่ม ทาครีมกันแดดเมื่อออกนอกอาคาร ย่อมมีแนวโน้มขาดวิตามินดี ยังไม่รวมถึงคนที่รักษาสุขภาพ ไม่ชอบกินไข่แดง ตับ เนย เพราะกลัวคอเลสเตอรอลพุ่ง แบบนี้ก็ยิ่งขาดวิตามินดี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในหลาย ๆ เรื่อง

วิตามิน D3 ช่วยอะไร
ไม่ใช่แค่ดีต่อกระดูก

วิตามิน d3 ช่วยอะไร

          ประโยชน์ของวิตามิน D3 มีหลายด้านที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น

  • ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสจากระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญต่อกระดูกและฟัน ดังนั้น วิตามินดีจึงมีส่วนช่วยเสริมสร้างและรักษาความแข็งแรงของกระดูก ลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุน โรคกระดูกอ่อน โดยมีการศึกษาพบว่า ผู้สูงอายุที่รับประทานอาหารเสริมวิตามิน D3 และแคลเซียมเสริม มีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกสะโพกหักและกระดูกหักที่ไม่ใช่กระดูกสันหลัง (กระดูกนอกกระดูกสันหลัง) ลดลง 6%

  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย โดยทำให้เม็ดเลือดขาวตอบสนองต่อเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น 

  • ช่วยลดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ทั้งโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ โรค RSV และโควิด 19

  • อาจช่วยลดความรุนแรงของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune Diseases) บางชนิดได้ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) เป็นต้น

  • มีงานวิจัยพบว่า ระดับวิตามินดีที่ต่ำอาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะซึมเศร้า ดังนั้น การได้รับวิตามินดีในปริมาณที่เพียงพออาจช่วยลดความเสี่ยงหรือบรรเทาอาการของภาวะซึมเศร้าได้  

  • มีความสำคัญต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท ซึ่งส่งผลต่อความจำ การเรียนรู้ และการตัดสินใจ

  • มีส่วนช่วยควบคุมสารสื่อประสาท รวมถึงเซโรโทนินและโดปามีน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมอารมณ์ โดยผู้ที่มีระดับวิตามินดีสูงมักมีแนวโน้มที่จะอารมณ์ดีและมีความเครียดน้อยกว่าผู้ที่มีระดับวิตามินดีต่ำ

  • ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย โดยวิตามินดีจะช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ รวมถึงบรรเทาอาการเมื่อยล้า

  • ป้องกันการลื่นล้ม เพราะวิตามินดีมีส่วนช่วยเรื่องการยืดและหดตัวของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อขา จึงช่วยให้ผู้สูงอายุก้าวเดินและทรงตัวได้ดี โดยจากการศึกษาในคนไข้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มคนไข้ที่มีอัตราการลื่นล้มสูง พบว่า การรับประทานวิตามินดีปริมาณสูงสามารถลดโอกาสการลื่นล้มอันเนื่องจากกล้ามเนื้อขาอ่อนแรงได้ 22% 

  • ควบคุมความดันโลหิต และรักษาสมดุลของระดับแคลเซียมในร่างกาย จึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

  • มีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย ป้องกันโรคเบาหวานประเภทที่ 2

  • มีความสำคัญต่อการแบ่งตัวของเซลล์ให้เป็นไปอย่างปกติ รวมทั้งควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกาย

ใครเสี่ยงขาดวิตามิน D3

  • คนที่ไม่ค่อยได้รับแสงแดด เช่น ทำงานออฟฟิศ ใช้ชีวิตในร่มเป็นเวลานาน สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด ทาครีมกันแดด 

  • คนที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ โดยเฉพาะไม่ค่อยได้กินปลาที่มีไขมันสูง นม ชีส ไข่แดง อย่างคนกินเจ กินมังสวิรัติ เป็นต้น

  • ผู้สูงอายุ มีความเสี่ยงต่อการขาดวิตามินดี เพราะร่างกายเสื่อมลง การสร้างวิตามินดีของผิวหนังลดลง

  • คนที่มีผิวคล้ำจะมีเม็ดสีเมลานินมากกว่าคนผิวขาว ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพในการสังเคราะห์วิตามินดีจากแสงแดด

  • คนที่มีโรคในระบบลำไส้ อาจมีปัญหาเรื่องการดูดซึมไขมัน

  • คนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง ซึ่งส่งผลต่อการดูดซึมวิตามินดี เช่น โรคในระบบลำไส้ โรคอ้วน โรคไต โรคตับ โรคเซลิแอค โรคโครห์น เป็นต้น

  • คนที่ใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาแก้ชัก หรือยาลดไขมัน อาจมีผลต่อระดับวิตามินดีในร่างกาย

ขาดวิตามิน D3 จะเป็นอย่างไร

วิตามิน d3 ควรกินกี่ iu ต่อวัน

          อาการขาดวิตามินดี หรือ D3 ส่งสัญญาณให้เห็นดังนี้

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

  • มีอาการปวดกระดูก ปวดข้อ มวลกระดูกลดลงมาก กระดูกหักง่าย ในเด็กอาจเกิดโรคกระดูกอ่อน  

  • ปวดกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อยไม่ทราบสาเหตุ กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อกระตุก หรือเป็นตะคริวบ่อย

  • รู้สึกเสียวเหมือนมีอะไรทิ่มแทงที่มือหรือเท้า

  • มีงานวิจัยพบว่า คนที่มีระดับวิตามินดีในเลือดต่ำกว่า 30 ng/mL มีความเสี่ยงติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ง่ายกว่าคนที่มีระดับวิตามินดีในเลือดปกติ

  • อารมณ์แปรปรวน มีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล

  • เจ็บป่วยง่าย

  • แผลหายช้า

  • นอนหลับยาก 

วิตามิน D3
ควรกินปริมาณเท่าไรต่อวัน

          เพื่อป้องกันการขาดวิตามินดี เราควรได้รับวิตามินดังนี้

  • เด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 1 ขวบ ควรได้รับวิตามินดีอย่างน้อย 400 IU/วัน (10 ไมโครกรัม)

  • ผู้ที่มีอายุ 1-70 ปี ควรได้รับวิตามินดีอย่างน้อย 600 IU/วัน (15 ไมโครกรัม)

  • ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินดีอย่างน้อย 800 IU/วัน (20 ไมโครกรัม)

  • ผู้หญิงที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ ควรได้รับวิตามินดี 400-600 IU/วัน (10-15 ไมโครกรัม)

  • สตรีตั้งครรภ์ในกลุ่มความเสี่ยงสูง ควรได้รับวิตามินดี 2,000-4,000 IU/วัน (50-100 ไมโครกรัม)

          ทั้งนี้ เพื่อให้มีระดับวิตามินดีในเลือด 25(OH)D อยู่ที่ 30-50 ng/mL ซึ่งเป็นระดับมาตรฐานที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย และไม่ควรรับประทานวิตามินดีเกินวันละ 4,000 IU หรือ 100 ไมโครกรัม ยกเว้นกรณีที่มีข้อบ่งชี้พิเศษและอยู่ในการดูแลของแพทย์ อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและภาวะสุขภาพที่เป็นอยู่ด้วย

          อย่างที่กล่าวไปว่าการได้รับวิตามินดีจากแสงแดดเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักไม่ได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ รวมถึงคนที่เป็นวีแกนหรือกินเจ กินมังสวิรัติ ก็ยิ่งไม่ได้รับวิตามิน D3 จากอาหาร ด้วยเหตุนี้การรับประทานอาหารเสริมวิตามิน D3 จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

วิธีเลือกซื้ออาหารเสริมวิตามิน D3

วิตามิน d3 k2 ประโยชน์

  • อาหารเสริมวิตามิน D3 มีให้เลือกอยู่ 2 แบบ คือ มีส่วนประกอบของวิตามิน D3 แบบเพียว ๆ กับมีส่วนประกอบของวิตามินและแร่ธาตุชนิดอื่นรวมอยู่ด้วยในเม็ดเดียว ขึ้นอยู่กับเราว่าต้องการสารอาหารชนิดอื่นด้วยหรือไม่ โดยวิตามินที่ผสมมาจะมีส่วนช่วยเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกัน เช่น

    • วิตามิน D3+แคลเซียม : วิตามิน D3 ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม มีประโยชน์ต่อสุขภาพกระดูก

    • วิตามิน D3+K2 : วิตามิน D3 ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม ในขณะที่วิตามิน K2 ช่วยนำแคลเซียมไปใช้ในกระดูกและฟันอย่างถูกต้อง

    • วิตามิน D3+แมกนีเซียม : แมกนีเซียมจะช่วยในการเปลี่ยนวิตามิน D3 ให้อยู่ในรูปแบบที่ใช้งานได้

    • วิตามิน D3+วิตามินบี : ทั้งคู่มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ

    • วิตามิน D3+วิตามินซี+สังกะสี : เสริมการทำงานในเรื่องภูมิคุ้มกัน ลดระยะเวลาของการเป็นไข้หวัด

  • เลือกปริมาณวิตามิน D3 ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน โดยพิจารณาจากอายุและปัญหาสุขภาพ เช่น หากเป็นผู้สูงอายุควรได้รับวิตามิน D3 อย่างน้อย 800 IU/วัน (20 ไมโครกรัม) 

  • เลือกจากรูปแบบของวิตามินที่เราสะดวกรับประทาน ซึ่งมีทั้งแบบเม็ด แคปซูล แคปซูลนิ่ม เม็ดฟู่ ฯลฯ ซึ่งถ้าเป็นแบบแคปซูลนิ่มจะดูดซึมได้ดีกว่า

  • เลือกตามขนาดของผลิตภัณฑ์ เช่น หากต้องพกพาออกไปรับประทานนอกบ้านบ่อย ๆ ก็ควรเลือกกระปุกเล็ก แต่ถ้ารับประทานที่บ้านกันหลายคนก็ควรเลือกกระปุกใหญ่ที่มีจำนวนเม็ดมากกว่า และราคามักจะประหยัดกว่าเล็กน้อย

  • เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีเลข อย. ระบุชัดเจน

  • อ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบปริมาณวิตามินและคำแนะนำในการรับประทาน

  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่ฝาปิดสนิท มิดชิด ไม่มีรอยเปิด หรือร่องรอยการแกะ ขวดต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่บุบ ไม่แตก หรือมีรอยร้าว ฉลากต้องติดแน่น ไม่ฉีกขาด หรือเลือนราง

  • ตรวจสอบส่วนผสมอื่น ๆ ในผลิตภัณฑ์ เพื่อหลีกเลี่ยงส่วนประกอบที่อาจทำให้แพ้ และหลีกเลี่ยงสารปรุงแต่ง สี หรือสารกันบูด

  • เปรียบเทียบราคาของแต่ละยี่ห้อ เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีราคาเหมาะสมกับคุณภาพ

  • หากมีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาอยู่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานอาหารเสริมวิตามิน D3

วิตามิน D3 ยี่ห้อไหนดี

           คราวนี้ลองมาไล่เรียงกันดูว่า วิตามิน D3 ที่วางขายในท้องตลาดอยู่ตอนนี้ มีแบรนด์ไหนน่าสนใจบ้าง

1. SWISSE CALCIUM + VITAMIN D3

วิตามิน d3 SWISSE CALCIUM + VITAMIN D3

ภาพจาก : Swisse_Thailand

          วิตามิน D3 จากแบรนด์สวิสเซ ให้วิตามิน D3 ในปริมาณ 444 IU กระปุกนี้เป็นสูตรพรีเมียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน เพราะมีส่วนผสมของแคลเซียมซิเตรด 317 มิลลิกรัม ซึ่งให้การดูดซึมที่ดีกว่าแคลเซียมคาร์บอเนต

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด หลังอาหาร

  • ราคาปกติ : 90 เม็ด 550 บาท

2. Blackmores Bio Calcium+D3

วิตามิน d3 Blackmores Bio Calcium+D3

ภาพจาก : blackmores.co.th

          "แบลคมอร์ส ไบโอ แคลเซียม+ดี3" เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ให้วิตามิน D3 ในปริมาณ 200 IU มาพร้อมกับแคลเซียม 500 มิลลิกรัม โดยแคลเซียมมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง ส่วนวิตามินดีก็มีส่วนช่วยในการดูดซึมตามปกติของแคลเซียมและฟอสฟอรัส จึงทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร 

  • ราคาปกติ : 60 เม็ด 400 บาท

3. Now Foods Vitamin D-3 400 IU

วิตามิน d3 Now Foods Vitamin D-3 400 IU

ภาพจาก : nowfoodsthailand.com

           Now Foods แบรนด์อาหารเสริมนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ขวดนี้เป็นวิตามิน D3 ปริมาณ 400 IU/เม็ด บรรจุมาในรูปแบบซอฟต์เจลที่รับประทานง่าย ขนาดแคปซูลยาวไม่ถึงครึ่งนิ้ว น่าจะถูกใจคนที่มีปัญหากลืนยายาก

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล หลังมื้ออาหาร

  • ราคาปกติ : 180 เม็ด 850 บาท

4. BNH Vitamin D3 + Vitamin K2

วิตามิน d3 Now Foods Vitamin D-3 400 IU

ภาพจาก : The M BRACE by BNH Hospital

          ฝั่งโรงพยาบาล BNH ก็มีผลิตภัณฑ์วิตามินเสริมเช่นกัน ซึ่งคิดค้นสูตรจากทีมเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ดูแลคนไข้มาอย่างยาวนาน โดยใน 1 แคปซูลมีส่วนประกอบของวิตามิน D3 และวิตามิน K2 อยู่ที่ 13 มิลลิกรัม ทำงานร่วมกันในด้านส่งเสริมสุขภาพกระดูก หัวใจและหลอดเลือด ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลแนะนำให้รับประทานต่อเนื่องติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือน

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล หลังอาหารเช้า

  • ราคาปกติ : 30 เม็ด 520 บาท

5. Dary Vit Vitamin D Plus Magnesium

วิตามิน d3 Dary Vit Vitamin D Plus Magnisium

ภาพจาก : cloverplusthailand

          ในแคปซูลแต่ละเม็ดของดารี่ วิต ดี พลัส แมกนีเซียม มีส่วนประกอบของแมกนีเซียมอะมิโนแอซิดคีเลต และมีวิตามิน D3 แบรนด์นี้จึงเหมาะกับคนที่ต้องการเสริมทั้งวิตามินดีและแมกนีเซียมให้จบในเม็ดเดียว

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร

  • ราคาปกติ : 30 เม็ด 490 บาท

6. Biocap Vitamin D3

วิตามิน d3 Biocap Vitamin D3

ภาพจาก : Biocap

          สำหรับคนที่อยากได้วิตามินดีอย่างเดียว ไม่มีส่วนผสมของแร่ธาตุชนิดอื่น ขวดนี้จากไบโอแคปก็น่าสนใจ โดยใน 1 แคปซูลจะให้วิตามิน D3 เพียว ๆ 200 IU หน่วยสากล ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย และที่สำคัญแบรนด์นี้มักจัดโปรฯ อยู่บ่อย ๆ ด้วย

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล หลังมื้ออาหารเช้าหรือเย็น

  • ราคาปกติ : 30 แคปซูล 360 บาท

7. Innobic Calcium Vitamin D3 Plus Vitamin K2

วิตามิน d3 Innobic Calcium Vitamin D3 Plus Vitamin K2

ภาพจาก : Innobic Official Shop

          อินโนบิก ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รวมวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดไว้ในเม็ดเดียว ทั้งวิตามิน D3 ในปริมาณที่เพียงพอกับปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน, วิตามิน K2, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส แถมยังมีแมงกานีส โบรอน และคอปเปอร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมมื้ออาหาร

  • ราคาปกติ : 30 เม็ด 550 บาท

วิตามิน D3 กินตอนไหน กินยังไง

           เนื่องจากวิตามินดีป็นวิตามินละลายในไขมัน การกินพร้อมอาหารหรือหลังอาหารจะถูกดูดซึมได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ข้อบ่งใช้ของแต่ละยี่ห้ออาจไม่เหมือนกัน จึงแนะนำให้อ่านฉลากและรับประทานตามคำแนะนำ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

ข้อควรระวังในการกินวิตามิน D3

วิตามิน d3 กินตอนไหน

  • อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค

  • แจ้งประวัติทางการแพทย์และอาการแพ้ให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนรับประทานวิตามิน D3

  • คนที่มีระดับแคลเซียมในเลือดสูง หรือระดับวิตามินดีในเลือดสูง ไม่ควรรับประทานวิตามิน D3 เสริมเข้าไปอีก

  • ผู้ที่มีปัญหาโรคไต โรคตับ ควรระวังในการรับประทานวิตามินเสริม 

  • เด็ก สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ไม่ควรรับประทานวิตามิน D3

  • วิตามิน D3 อาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด โดยเฉพาะยาต้านการแข็งตัวของเลือด ดังนั้น หากรับประทานยารักษาโรคอะไรอยู่ ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนรับประทานวิตามิน D3

  • การรับประทานวิตามิน D3 มากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแคลเซียมในเลือดสูงจนเป็นอันตรายได้ และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก เบื่ออาหาร หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลียผิดปกติ  

  • หากรับประทานวิตามินตัวอื่นอยู่ด้วย ให้ตรวจดูว่าวิตามินนั้นมีส่วนประกอบของวิตามิน D3 รวมอยู่ด้วยหรือไม่ ปริมาณเท่าไร เพื่อไม่ให้กินวิตามิน D3 สะสมมากเกินไป

  • พบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการแพ้รุนแรง เช่น มีผื่นคัน ใบหน้าบวม ลิ้นบวม เวียนหัว หายใจลำบาก

  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามิน D3 ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค ควรกินอาหารหลากหลายให้ครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ

           อย่างที่เห็นแล้วว่าวิตามินดีมีความสำคัญทั้งต่อกระดูก กล้ามเนื้อ ระบบภูมิคุ้มกัน สภาวะอารมณ์ ดังนั้น แนะนำให้หาเวลาออกไปสัมผัสแสงแดดนอกบ้านดูบ้าง รวมทั้งรับวิตามินดีจากอาหาร เช่น ปลาที่มีไขมันสูง ไข่แดง หรือหากได้รับวิตามินดีจากแสงแดดและอาหารไม่เพียงพอ อาจพิจารณารับประทานอาหารเสริมวิตามิน D3 โดยปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพื่อสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม

บทความที่เกี่ยวข้องกับอาหารเสริมและวิตามิน

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิตามิน D3 ช่วยอะไร ยี่ห้อไหนดี เติมวิตามินสำคัญให้ร่างกาย ช่วยดูดซึมแคลเซียม อัปเดตล่าสุด 26 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15:42:42
TOP
x close