Hate Stalking คำนี้อาจไม่คุ้นหูเท่าไร แต่ถ้าพูดถึงการไม่ชอบใครสักคน ก็ยังอดไปตามส่องชีวิตเขาไม่ได้ ถ้ารู้สึกว่าใช่ก็ลองมาเจาะเหตุผลทางจิตวิทยากันว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ โซเชียลมีเดียเป็นจุดเริ่มต้นของการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนแบบง่าย ๆ และไม่จำเป็นต้องพบปะพูดคุยซึ่งหน้าก็สามารถเข้าถึงชีวิตของผู้อื่นได้เพียงปลายนิ้ว แต่บางครั้งความง่ายดายนี้ก็พาเราไปสู่พฤติกรรม Hate Stalking หรือการตามส่องชีวิตคนที่ไม่ชอบหน้าอย่างลับ ๆ ทั้งที่ใจอยากจะเลิกยุ่ง แต่ก็หยุดไม่ได้ ซึ่งวันนี้เราจะมาหาคำตอบกันว่า Hate Stalking เกิดจากอะไร แล้วมีวิธีช่วยให้หลุดจากภาวะนี้ไหม Hate Stalking คือพฤติกรรมการติดตามหรือสอดส่องชีวิตของใครบางคนที่เราไม่ชอบหน้า ไม่ว่าจะเป็นอดีตเพื่อนรัก แฟนเก่า คู่แข่ง ศิลปิน ดารา อินฟลูฯ หรือแม้แต่คนที่เรารู้สึกไม่ถูกจริตและหมั่นไส้แบบไม่มีเหตุผลใด ๆ ทว่าถึงจะไม่ชอบหรือไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยแล้ว แต่ก็ยังคงเผลอเข้าไปส่องโปรไฟล์ ดูสตอรี่ หรืออัปเดตชีวิตของคนคนนั้นอยู่เป็นประจำ จนบางครั้งก็แอบสงสัยในตัวเองว่าทำไปทำไมกันนะ พฤติกรรม Hate Stalking อาจฟังดูขัดแย้ง เพราะไม่ใช่แค่ความเกลียดเพียงอย่างเดียว แต่ยังปะปนไปด้วยความหมกมุ่น หรือการเปรียบเทียบที่เราอาจไม่รู้ตัว ซึ่งตามหลักจิตวิทยาก็ได้อธิบายสาเหตุของ Hate Stalking ไว้ดังนี้ ในบางครั้งการ Hate Stalking ก็อาจเกิดขึ้นเพียงเพราะความเบื่อหน่าย และการเข้าถึงโซเชียลมีเดียที่ง่ายดาย ทำให้เราเผลอไถฟีดไปเจอโปรไฟล์ของคนที่เราไม่ชอบ และก็อดไม่ได้ที่จะแวะส่องดูความเป็นไปของเขาสักหน่อย เพื่อหาโอกาสค่อนแคะ มองบน เบะปากใส่ หรือแสดงฟีลใด ๆ เมื่อเห็นเขากำลังประสบปัญหา เพื่อระบายความเครียดไปในตัว นักจิตวิทยาอธิบายว่า อารมณ์ของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นความเกลียดหรือความชอบ ต่างก็ถูกกระตุ้นจากสมองส่วนเดียวกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่แม้แต่ความรู้สึกในแง่ลบก็ยังสามารถสร้างความพึงพอใจให้เราได้ ทำให้เราคอยสอดส่องชีวิตเขาอยู่ตลอดว่าเป็นยังไง ประสบความสำเร็จไหม หรือล้มเหลว ผิดหวังจากอะไรบ้างหรือไม่ ทุกครั้งที่เราได้รับข้อมูลใหม่ก็เหมือนมิชชั่นคอมพลีต สร้างความรู้สึกพึงพอใจและอยากจะทำมันต่อไปโดยไม่รู้ตัว เรามักจะเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นอยู่เสมอ ยิ่งกับคนที่เราไม่ชอบ การเปรียบเทียบก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้นเพื่อหาจุดด้อยหรือความล้มเหลวของอีกฝ่ายมาสนับสนุนให้เรารู้สึกดีขึ้นกับตัวเอง หรือบางครั้งก็เพื่อหาหลักฐานหรือข้อมูลที่มายืนยันอคติที่เรามีต่อเขา ซึ่งการส่องผ่านโซเชียลมีเดียก็เป็นวิธีที่ง่ายและไม่โจ่งแจ้งจนเกินไป เราจึงสามารถส่องได้บ่อย ๆ นั่นเอง อย่างไรก็ตาม หากปล่อยให้ตัวเองจมปลักอยู่กับความพึงใจเล็ก ๆ จากการส่องคนที่เราไม่ชอบ เราอาจติดกับดักนี้จนส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตในระยะยาวได้ เพราะการจมอยู่กับความรู้สึกลบ และการติดตามชีวิตของคนที่ทำให้เราไม่สบายใจ มีแต่จะเพิ่มความเครียดและความรู้สึกไม่ดีให้ตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเขามีชีวิตที่ดีกว่าเรา แฮปปี้ในทุกโมเมนต์ เราก็จะยิ่งสูญเสียความมั่นใจและดำดิ่งลงไปอีก ซึ่งหากอยากเลิกพฤติกรรมนี้ก็พอมีทางออกที่ทำได้ไม่ยาก การเลิกพฤติกรรม Hate Stalking เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากถ้าตั้งใจ โดยค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ตระหนักรู้และยอมรับ : ขั้นแรกคือการตระหนักว่าคุณกำลังมีพฤติกรรม Hate Stalking และยอมรับว่ามันส่งผลเสียต่อตัวคุณเอง ซึ่งการเข้าใจตัวเองจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเลิกพฤติกรรมนี้ ฝึกปล่อยวาง : ลองถามตัวเองว่า เราได้อะไรจากการจงเกลียดจงชัง หรืออิจฉาคนคนนี้หรือไม่ แล้วเขาทำผิดร้ายแรงจนเราต้องเกลียดขี้หน้าเขาหรือเปล่า หรือเขามีความสำคัญกับชีวิตจนต้องสละเวลามานึกถึงเขาอยู่เรื่อย ๆ เลยหรือ เมื่อเริ่มคิดได้แล้วก็ค่อย ๆ ปล่อยวางใจ วางความรู้สึกทุกอย่าง แล้วนิ่งเฉยให้ได้ ใส่ใจตัวเองให้มากขึ้น : ใน 1 วันมีอะไรให้เราทำมากมาย ดังนั้น แทนที่จะจดจ่ออยู่กับชีวิตของคนอื่น ลองหันมาสนใจชีวิตของตัวเองและทำในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่จะก่อเกิดประโยชน์ให้ตัวเองดีกว่า จำกัดเวลาการใช้งานโซเชียลมีเดีย : การใช้เวลากับโซเชียลมีเดียมากเกินไปอาจทำให้คุณมีโอกาสไปส่องคนที่ไม่ชอบมากขึ้น ดังนั้น หากละหน้าจอ หรือใช้เวลาอยู่กับกิจกรรมอื่น ๆ แทน ก็จะพาให้ใจไม่นึกถึง หาเพื่อนคุย : การพูดคุยกับผู้อื่นอาจช่วยให้คุณได้มุมมองใหม่ ๆ และลดความรู้สึกเหงาและความเบื่อหน่ายได้ บล็อกหรือเลิกติดตาม : หากไม่สามารถหักห้ามใจได้ การบล็อกหรือเลิกติดตามจะช่วยตัดขาดการเข้าถึงข้อมูลของเขาบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งก็จะไม่เห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ ของเขาได้อีก วิธีนี้คือขั้นเด็ดขาดที่จะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้สักที Hate Stalking เป็นพฤติกรรมที่อาจดูเหมือนไม่เป็นอันตรายในตอนแรก แต่ในระยะยาวก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเราเอง ดังนั้น ถ้าปล่อยผ่าน ไม่กดเข้าไปส่องเขาได้เมื่อไร ก็จงปรบมือให้กับความเก่งของตัวเองดัง ๆ พร้อมย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่า เขาไม่ได้มีค่าให้เราต้องใส่ใจขนาดนั้น และเราควรมีพื้นที่ในใจไว้สำหรับความสุขและสิ่งดี ๆ ในชีวิตของเราเอง โซเชียลมีเดีย ดีท็อกซ์.. จิตตกเพราะสังคมออนไลน์ บำบัดได้ด้วยตัวเอง ทำไมเราถึงชอบเสพข่าวดราม่า เจาะเบื้องลึกของร่างกายกันว่าดราม่าสำคัญไฉน วิธีรับมือกับคนที่เป็นพิษ หยุดเสียสุขภาพจิตเพราะ Toxic Person Sadfishing ตัวจริงเรื่องดราม่าของคนชอบโพสต์เศร้า เรียกยอด Like เช็กสิ สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเครียดมากเกินไป ขอบคุณข้อมูลจาก : Alljit สุขภาพจิตใจ, vox.com, cosmopolitan.com, sureandshare
แสดงความคิดเห็น