ต้นอ่อนบรอกโคลี กินได้ไหม หลายคนสงสัยว่ามีผักอย่างต้นอ่อนบรอกโคลีด้วยหรือ โดยหารู้ไม่ว่าเขาเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารสำคัญ แถมมีประโยชน์อนันต์จนไม่อยากให้มองข้ามเลย ต้นอ่อนบรอกโคลี หรือ Broccoli sprouts คือต้นอ่อนของบรอกโคลีที่มีอายุเพียง 3-5 วัน แม้จะมีขนาดเล็ก แต่คุณค่าทางโภชนาการและสารสำคัญต่าง ๆ กลับอัดแน่นเกินตัว กลายเป็นอาหารยอดนิยมที่ผู้รักสุขภาพให้ความสนใจ และวันนี้เราจะพาไปเจาะลึกถึงประโยชน์ของต้นอ่อนบรอกโคลี ตั้งแต่คุณค่าทางสารอาหาร ไปจนถึงเมนูอร่อย ๆ ที่ทำได้ง่าย ๆ ต้นอ่อนบรอกโคลีอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย โดยต้นสดในปริมาณ 85 กรัม หรือ 1 ถ้วย ขนาด 3 ออนซ์ จะให้คุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้ พลังงาน 35 กิโลแคลอรี คาร์บ 5 กรัม ไฟเบอร์ 4 กรัม โปรตีน 2 กรัม ไขมัน 0.5 กรัม นอกจากนี้ต้นอ่อนบรอกโคลียังมีวิตามินซี วิตามินเค วิตามินเอ แคลเซียม ธาตุเหล็ก และจุดเด่นคือมีสารพฤกษศาสตร์อย่างซัลโฟราเฟน (sulforaphane) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ทำให้ต้นอ่อนบรอกโคลีแตกต่างจากบรอกโคลีที่โตเต็มที่อย่างชัดเจน เพราะซัลโฟราเฟนในต้นอ่อนบรอกโคลีมีปริมาณสูงกว่าบรอกโคลีที่โตเต็มที่ถึง 10-100 เท่าเลยทีเดียว หลายคนคงสงสัยว่าต้นอ่อนบรอกโคลี ประโยชน์ดียังไง เอาเป็นว่าลองอ่านแล้วตัดสินเลยว่าต้นอ่อนบรอกโคลีช่วยอะไรได้บ้างในเรื่องสุขภาพร่างกาย ซัลโฟราเฟนที่มีอยู่มากในต้นอ่อนบรอกโคลี จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งคอยทำหน้าที่ปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ และช่วยลดการอักเสบในร่างกายอันเป็นสาเหตุสำคัญของโรคเรื้อรังหลายชนิดได้อีกด้วย งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า ซัลโฟราเฟนอาจมีส่วนในด้านเพิ่มการสร้างยีนที่ช่วยปกป้องเซลล์สมอง และลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน นอกจากนี้ยังอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง และอาจส่งเสริมการสร้างเซลล์ประสาทใหม่ ต้นอ่อนบรอกโคลีมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ และยังเป็นพรีไบโอติกหรืออาหารของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ส่งเสริมให้จุลินทรีย์ในลำไส้สมดุล นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่พบว่าซัลโฟราเฟนอาจช่วยลดการอักเสบในลำไส้ได้อีกด้วย มีงานวิจัยพบว่า สารซัลโฟราเฟนอาจมีส่วนช่วยยับยั้งและลดการติดเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori) ซึ่งเป็นสาเหตุของแผลในกระเพาะอาหารได้ และนอกจากสารซัลโฟราเฟนแล้ว ในต้นอ่อนบรอกโคลียังมีสารกลูโคซิโนเลต ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในพืชตระกูลกะหล่ำ โดยสารชนิดนี้อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลผู้ที่ติดเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารเช่นเดียวกัน นักวิจัยพบว่า สารซัลโฟราเฟนอาจช่วยลดระดับสารกลูตาเมตในสมองได้ ซึ่งสารกลูตาเมตเป็นตัวส่งสัญญาณระหว่างเซลล์สมองและมีความเชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้าและโรคจิตเภท ดังนั้น การรับประทานต้นอ่อนบรอกโคลีเป็นประจำจึงอาจช่วยส่งเสริมการดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและโรคจิตเภทควบคู่ไปกับยารักษาอาการได้อีกทาง สารซัลโฟราเฟนที่มีส่วนช่วยลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ อาจช่วยปรับปรุงพฤติกรรมบางอย่างของผู้ป่วยออทิสติกสเปกตรัมได้ เช่น ทักษะการเข้าสังคม, พฤติกรรมซ้ำ ๆ และทักษะการสื่อสาร และหากใครเริ่มสนใจอยากลองต้นอ่อนบรอกโคลีบ้างแล้ว แต่ยังติดตรงที่ว่าผักชนิดนี้กินได้จริง ๆ ไหม แนะนำให้เลื่อนมาไขข้อข้องใจกันต่อได้เลย ต้นอ่อนบรอกโคลีเป็นผักที่กินได้แน่นอนค่ะ โดยสามารถกินสด ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากสารซัลโฟราเฟนอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ควรล้างให้สะอาดก่อนรับประทานทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย เพราะต้นอ่อนบรอกโคลีต้องเพาะในดิน ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้ออีโคไล, เชื้อซัลโมเนลลา และเชื้อโรคชนิดอื่น ๆ หากไม่ได้ล้างให้สะอาด ทั้งนี้ หากไม่อยากเสี่ยงกับเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ก็สามารถกินต้นอ่อนบรอกโคลีแบบปรุงสุก โดยผ่านความร้อนในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น หั่นต้นอ่อนบรอกโคลีเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทิ้งไว้ 40-45 นาที เพื่อให้ซัลโฟราเฟนออกมามากที่สุด แล้วค่อยนำไปลวกหรือนึ่งแทนการต้มหรือผัด แม้จะโดนความร้อนจากการปรุงอาหารทำลายจนอาจจะได้สารซัลโฟราเฟนน้อยลงหน่อย แต่ก็ปลอดภัยต่อเชื้อโรคมากกว่า ต้นอ่อนบรอกโคลีมีรสชาติเผ็ดเล็กน้อยคล้ายพืชตระกูลกะหล่ำ สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น สลัด : นำต้นอ่อนบรอกโคลีมาโรยหน้าสลัดผักต่าง ๆ หรือจะมิกซ์กับผักสลัดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการก็ดี สมูทตี้ : ใส่ต้นอ่อนบรอกโคลีลงในสมูทตี้ผลไม้หรือปั่นรวมกับผักที่ชอบ ปรุงรสด้วยน้ำผึ้งและเกลือเล็กน้อยก็อร่อยสดชื่นแล้ว โรยหน้าอาหาร : โรยต้นอ่อนบรอกโคลีบนแซนด์วิช ซุป หรือข้าวผัด แค่นี้ก็เพิ่มดีเทลและความกรุบ ๆ ให้กับเมนูอาหาร น้ำสกัดเย็น : นำต้นอ่อนบรอกโคลีไปคั้นเป็นน้ำสกัดเย็นดื่มเพียว ๆ ก็ได้ หรืออยากผสมกับผักและผลไม้อื่น ๆ ก็ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพไม่แพ้กัน ปรุงเป็นอาหาร : นำต้นอ่อนบรอกโคลีมาเป็นส่วนผสมในเมนูต่าง ๆ เช่น ไข่เจียว แกงจืด ผัดผัก เป็นต้น การรับประทานต้นอ่อนบรอกโคลีในปริมาณที่เหมาะสมมักไม่ก่อให้เกิดโทษ แต่ก็มีข้อควรระวังบางอย่าง เช่น ความเสี่ยงจากเชื้อโรค เพราะปลูกในสภาพชื้น อบอุ่น ซึ่งเชื้อแบคทีเรียมักจะชอบ ดังนั้น แนะนำให้ล้างหลาย ๆ รอบจนมั่นใจว่าสะอาดจริง ๆ หรือปรุงให้สุกสำหรับกลุ่มเปราะบาง เช่น หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย อาจมีอาการท้องอืดหรือมีกรดก๊าซในกระเพาะอาหารเยอะขึ้น เนื่องจากต้นอ่อนบรอกโคลีมีไฟเบอร์สูง แถมมีสารประกอบบางอย่างในพืชตระกูลกะหล่ำซึ่งร่างกายย่อยไม่ได้ โดยเฉพาะหากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป ระวังอาการแพ้พืชตระกูลกะหล่ำ หรือหากมีอาการไม่พึงประสงค์หลังจากรับประทาน ควรหยุดรับประทานและปรึกษาแพทย์ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ควรระวังการรับประทานต้นอ่อนบรอกโคลีสด เพราะมีสารกอยโตรเจน ซึ่งจะไปขัดขวางการนำไอโอดีนไปใช้ หรือยับยั้งการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ ทำให้อาการป่วยแย่ลงได้ อย่างไรก็ตาม หากต้องการรับประทานจริง ๆ สามารถนำต้นอ่อนบรอกโคลีไปปรุงให้สุกเพื่อลดปริมาณสารกอยโตรเจน และรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ นอกจากนี้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือรับประทานยาบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานต้นอ่อนบรอกโคลีเป็นประจำ โดยเฉพาะคนที่เลือกกินผงต้นอ่อนบรอกโคลีซึ่งเป็นอาหารเสริม ต้นอ่อนทานตะวัน ประโยชน์อนันต์ที่ไม่ควรพลาดจากพืชตัวน้อย ต้นอ่อนข้าวสาลี (Wheatgrass) ประโยชน์ดียังไง มารู้จักพืชที่คนกินได้ แมวก็กินดี 7 ผักไมโครกรีน ประโยชน์อลัง กินผักจิ๋วอะไรได้บ้าง แต่ละชนิดดีต่อสุขภาพยังไง ขอบคุณข้อมูลจาก : webmd.com, mindbodygreen.com, healthline.com, verywellhealth.com
แสดงความคิดเห็น