โรคที่มากับน้ำท่วม มีอะไรบ้าง ใครกำลังเผชิญกับอุทกภัยน้ำท่วมภาคใต้ อยู่ในตอนนี้ ต้องเช็กอาการให้รู้ทัน เพื่อป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยก่อนเจ็บป่วยจากโรคเหล่านี้ เมื่อเกิดน้ำท่วม สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่ความเสียหายต่อบ้านเรือนหรือความลำบากในการเดินทาง แต่ยังรวมถึงโรคจากน้ำท่วม ที่มากับน้ำสกปรก ความเสี่ยงเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนที่ต้องลุยน้ำเป็นประจำหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีน้ำขังยาวนาน วันนี้เราได้รวบรวมสัญญาณเตือนของโรค ที่พบได้บ่อยในช่วงน้ำท่วม พร้อมวิธีรักษา รวมถึงแนวทางการป้องกันมาแนะนำ นอกจากน้ำกัดเท้าแล้ว ในช่วงน้ำท่วม ผิวหนังยังเสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อจากการสัมผัสน้ำสกปรกหรือดินโคลน โดยเฉพาะผู้ที่มีแผลเล็ก ๆ อยู่แล้ว แผลเหล่านี้อาจติดเชื้อและลุกลามรุนแรงได้ง่าย อาการของโรคผิวหนังอักเสบ ผิวมีอาการแดง คัน ลอก หรือเจ็บเล็กน้อย หากติดเชื้อราจะมีอาการคัน ผิวลอก เป็นขุย หรือมีวงกลมแดง หากติดเชื้อแบคทีเรียจะมีอาการบวม แดง กดเจ็บ ขยายวงกว้าง หรือมีหนองเกิดขึ้นได้ วิธีรักษาโรคผิวหนังอักเสบ โดยทั่วไปโรคผิวหนังช่วงน้ำท่วมมักเกิดจากความชื้นและน้ำสกปรก การรักษาคือทำความสะอาดผิวให้แห้ง ทายาเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย และหลีกเลี่ยงน้ำสกปรก ส่วนคนที่มีแผลลุกลามควรพบแพทย์ทันที วิธีป้องกันโรคผิวหนังอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำสกปรกโดยตรง โดยเฉพาะผู้ที่มีบาดแผล แม้จะเป็นเพียงรอยแผลเล็กน้อย เพราะมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ หากมีแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำเพื่อป้องกันเชื้อโรคแทรกซ้อน แต่ถ้าจำเป็นต้องลุยน้ำ ให้รีบล้างทำความสะอาดผิวหนังทันทีด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อน ๆ จากนั้นเช็ดร่างกายและซอกพับทุกส่วนให้แห้งสนิท โดยเน้นย้ำที่ซอกนิ้วเท้า ข้อพับ และขาหนีบเป็นพิเศษ และต้องไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้นซ้ำเพื่อป้องกันการอับชื้นและการสะสมของเชื้อโรค ในสภาวะที่มีน้ำขัง มีความชื้นสูง และสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด หรือความแออัดในศูนย์พักพิงสามารถทำให้เชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัสแพร่กระจายได้ง่าย นำไปสู่โรคระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อาการของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ไข้หวัด : มีอาการเป็นไข้ น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ ปวดศีรษะ ไข้หวัดใหญ่ : ไข้สูงลอย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ ปอดบวม : มีไข้ อ่อนเพลีย ไอมาก แน่นหน้าอก หอบ เหนื่อยง่าย หายใจลำบากมีเสียงหวีด ติดเชื้อราทางเดินหายใจ : ไอเรื้อรัง มีเสมหะ ปวดคอ แน่นหน้าอก หรือหายใจไม่สะดวก อาจเป็นมากขึ้นเมื่อออกแรงหรือทำกิจกรรม อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด วิธีรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ให้ยารักษาตามอาการที่เป็น เช่น ยาลดไข้ หรือยาปฏิชีวนะ (กรณีเป็นปอดบวมหรือติดเชื้อแบคทีเรีย) หรือยาต้านเชื้อรา (กรณีติดเชื้อราทางเดินหายใจ)) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ รักษาความอบอุ่นของร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงน้ำท่วม สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ที่มีฝุ่นหรือเชื้อโรคเยอะ ล้างมือบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า วิธีป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ในช่วงน้ำท่วม สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและความแออัดในศูนย์พักพิงชั่วคราวอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่และปอดอักเสบ ดังนั้น วิธีป้องกันที่สำคัญคือการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด โดยการล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดหรือเจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในพื้นที่แออัดหรือเมื่อต้องดูแลผู้ป่วย และเมื่อไอหรือจามควรใช้กระดาษทิชชูหรือข้อศอกปิดปากและจมูกทันที นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิ กับผู้ที่มีอาการป่วย เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคในพื้นที่จำกัด การติดเชื้อบริเวณขาหนีบและอวัยวะเพศที่พบได้บ่อยในช่วงน้ำท่วม คือ โรคสังคัง และการติดเชื้อราในช่องคลอด โดยภาวะเหล่านี้มักเกิดขึ้นจากความอับชื้นสะสม และการสัมผัสกับสิ่งสกปรกอันเป็นผลมาจากการต้องเดินลุยน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน อาการของโรคติดเชื้อบริเวณขาหนีบ สังคัง : มีผื่นแดง หรือผื่นวงแหวน มีขอบเขตชัดเจนที่บริเวณขาหนีบ อวัยวะเพศ หรือก้น ร่วมกับอาการคัน การติดเชื้อราในช่องคลอด : มีอาการคันอย่างรุนแรงบริเวณปากช่องคลอดและในช่องคลอด รู้สึกแสบร้อนบริเวณอวัยวะเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะปัสสาวะ หรือขณะมีเพศสัมพันธ์ ร่วมกับมีตกขาวปริมาณมาก มีลักษณะคล้ายแป้งเปียก คล้ายนมบูด หรือคล้ายคอทเทจชีส มีสีขาวขุ่น วิธีรักษาโรคติดเชื้อบริเวณขาหนีบ สังคัง : ล้างบริเวณที่ติดเชื้อด้วยสบู่อ่อน ๆ และน้ำสะอาด แล้วเช็ดให้แห้งสนิท โดยเฉพาะหลังอาบน้ำหรือหลังมีเหงื่อออก จากนั้นใช้ยาฆ่าเชื้อราชนิดครีมทาบริเวณที่เป็นผื่นและขอบผื่น อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ หรือทาต่อไปอีก 1 สัปดาห์หลังจากผื่นหายสนิท เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ การติดเชื้อราในช่องคลอด : ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับยาที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งโดยทั่วไปมักใช้ยาเหน็บหรือยาสอดช่องคลอด รวมกับยาทาภายนอก เช่น ยาฆ่าเชื้อรชนิดครีม แต่ห้ามใช้ยาปฏิชีวนะเด็ดขาด วิธีป้องกันโรคติดเชื้อบริเวณขาหนีบ ควรหลีกเลี่ยงการแช่น้ำหรือการสัมผัสกับน้ำท่วมขังโดยตรง แต่หากจำเป็นต้องลุยน้ำให้สวมรองเท้าบูทยางทุกครั้ง และทันทีที่ขึ้นจากน้ำท่วม ต้อง เช็ดบริเวณขาหนีบและซอกพับให้แห้งสนิททันที จากนั้นใช้แป้งฝุ่นช่วยดูดซับความชื้น ที่สำคัญคือ ห้ามสวมใส่เสื้อผ้าหรือชุดชั้นในที่เปียกหรืออับชื้นซ้ำ ควรเปลี่ยนชุดชั้นในทุกวัน โดยเลือกวัสดุที่เป็นผ้าฝ้ายเพื่อช่วยระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือนควรเปลี่ยนผ้าอนามัยอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำท่วมขัง โดยเด็ดขาด เนื่องจากในช่วงนี้ปากมดลูกจะเปิดกว้างกว่าปกติ ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้นมาก หากมีความจำเป็นต้องลุยน้ำ ควรเลือกใช้ผ้าอนามัยแบบสอด หรือถ้าใช้แบบแผ่นต้องเปลี่ยนทันทีหลังขึ้นจากน้ำ พร้อมทั้งทำความสะอาดร่างกาย เปลี่ยนชุดชั้นในและเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เมื่อเกิดน้ำท่วม สิ่งที่เราต้องเฝ้าระวังไม่ใช่เพียงความเสียหายทางทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำสกปรก ความชื้น และสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย การดูแลตัวเองให้ถูกวิธีด้วยการสังเกตอาการผิดปกติ และรีบพบแพทย์หากเริ่มมีสัญญาณอันตราย คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนผ่านพ้นสถานการณ์น้ำท่วมได้อย่างปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย 9 สัตว์ที่มากับฝน-น้ำท่วม มีอะไรบ้าง พร้อมวิธีปฐมพยาบาลและป้องกัน 4 สัตว์มีพิษควรระวังช่วงน้ำท่วม ป้องกันไว้ก่อนเจ็บตัว วิธีช่วยคนโดนไฟดูด ไฟช็อต ช่วงฝนตก-น้ำท่วม เข้าช่วยยังไงให้ปลอดภัยทั้งคู่ 7 โรคที่ควรระวังช่วงน้ำท่วม ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์, กรมควบคุมโรค (1), (2), คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, กรมสุขภาพจิต