
โรค Cerebral Palsy เด็กสมองพิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หนึ่งในโรคที่อาจเกิดขึ้นได้กับเด็ก ตั้งแต่ช่วงก่อนคลอด นั่นก็คือ โรค Cerebral Palsy หรือ โรคสมองพิการ ซึ่งจะส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการช้าลง และมีอาการบกพร่องอื่น ๆ ร่วมด้วย วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับ โรค Cerebral Palsy มาฝากกัน
โรค Cerebral Palsy (ซีรีบรัล พลัลซี หรือ ซีพี) หรือ โรคสมองพิการ เกิดจากสมองส่วนที่ใช้ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งบกพร่อง หรือสูญเสียไป ในทางการแพทย์ จัดเด็กพิการ CP เป็นภาวะพิการทางสมองชนิดหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ผู้เป็น โรค Cerebral Palsy มีปัญหาในการเคลื่อนไหว
โดยแต่ละคนที่เป็น โรค Cerebral Palsy จะมีอาการแตกต่างกัน เช่น บางคนจะเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง เคลื่อนไหวช้า ทรงตัวได้ไม่ดี งุ่มง่าม บางรายเดินไม่ได้ ต้องใช้ไม้เท้าช่วย นอกจากนี้เด็กบางคนอาจมีความบกพร่องอื่นร่วมด้วย เช่น บกพร่องด้านการมองเห็น การได้ยิน กระดูกสันหลังคด โดยอาการของแต่ละคนจะเป็นมากน้อยแตกต่างกัน
ทั้งนี้เด็กพิการซีพี ส่วนใหญ่จะมีสติปัญญาดี ไม่ได้เป็นปัญญาอ่อน ประมาณ 70-80% มีค่า IQ มากกว่า 70 แต่มักมีปัญหาการเคลื่อนไหว พัฒนาการช้า ยืน เดินได้ช้า พูดไม่ชัด ฯลฯ

โรคสมองพิการ หรือ โรค Cerebral Palsy เกิดได้จากหลายสาเหตุ มักมีอาการตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุประมาณ 7 ขวบ ซึ่งเป็นระยะที่สมองเติบโตเต็มที่ ส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติระหว่างการเจริญเติบโตของสมอง ในช่วงต่าง ๆ คือ



หากเกิดความเสียหายกับสมองในช่วง 2 ปีแรก จะทำให้สมองพิการได้ง่าย เพราะช่วง 2 ปีแรก เป็นช่วงที่เด็กมีอัตราการเจริญเติบโตรวดเร็วเกือบร้อยละ 80 ของทั้งหมด ทั้งนี้ หากสมองของเด็กเสียหาย เนื้อสมองส่วนนั้นจะไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพปกติได้

โรค Cerebral Palsy สามารถวินิจฉัยได้จากการซักถามประวัติ และตรวจร่างกาย โดยเฉพาะการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อจะปรากฎให้เห็นชัดเจน นอกจากนี้ยังจะพบเห็นลักษณะงุ่มง่าม เคลื่อนไหวช้า ทรงตัวได้ไม่ดี และหากตรวจด้วยคลื่นสมอง จะพบลักษณะผิดปกติ ที่ทำให้เกิดอาการชักได้

สามารถรักษาตามอาการ โดย


- ยากิน กลุ่ม Diazepam จะช่วยลดความเกร็งของกล้ามเนื้อได้ในระดับหนึ่ง แต่ผลข้างเคียงคือ จะมีอาการง่วงนอน
- ยาฉีดเฉพาะที่ โดยเฉพาะกลุ่ม Botox ซึ่งผลิตจากสารพิษจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์๋ทำให้การนำประสาทส่วนปลายถูกขัดขวาง ถ้าฉีดเข้าไปจะทำให้ลดความผิดรูปผิดร่างของข้อได้ แต่ยาออกฤทธิ์เพียงชั่วคราว คือ 3-4 เดือน หากหมดฤทธิ์ยา กล้ามเนื้อจะกลับมาเกร็งอีก
อย่างไรก็ตาม ยาฉีดเฉพาะที่ยังไม่ได้รับความนิยม เพราะมีราคาแพง และต้องใช้ปริมาณมาก เนื่องจากเด็กพิการซีพี จะมีกล้ามเนื้อเกร็งหลายมัดมาก นอกจากนี้หากผู้ป่วยที่ข้อแข็ง การฉีดยาจะไม่สามารถช่วยได้

- การผ่าตัด ลดความตึงของกล้ามเนื้อ โดยผ่าคลายเฉพาะกล้ามเนื้อที่ยึด ตึง เกร็ง
- การผ่าตัดย้ายเอ็น เพื่อสร้างความสมดุลของข้อ
- การผ่าตัดกระดูก จะใช้สำหรับรายที่กระดูกถูกดึงจนผิดรูปแล้ว





ทั้งนี้การฝึกฝนต่าง ๆ ควรทำในช่วงขวบปีแรก จนถึงอายุ 7 ปี เพราะเป็นช่วงที่เด็กมีพัฒนาการสูงสุด หากพ้นวัยนี้และเด็กไม่ได้รับการฟื้นฟู อาจทำให้พัฒนาการด้านต่าง ๆ มีไม่เต็มที่ และเด็กจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รวมทั้งข้อต่อต่าง ๆ จะยึด เกร็ง มีสภาพความพิการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรได้รับการฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง จนกระทั่งโตแล้ว
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ