
เลือดออก...สัญญาณอันตราย (หมอชาวบ้าน)
โดย นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
เลือดออกอาจไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คิด ลองมาดูกรณีตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่า เลือดออกก็เป็นสัญญาณบอกโรคบางอย่างได้เช่นกัน
วันหนึ่งมีเพื่อนโทรศัพท์มาปรึกษาเกี่ยวกับคนไข้ที่มีอาการเกี่ยวกับเลือดออกทีเดียว 2 รายว่ามีสาเหตุจากอะไร และควรให้การดูแลอย่างไร
รายแรก เป็นชายอายุ 50 ปี อยู่ ๆ มีอาการเลือดกำเดาออกมากและนาน ต้องเข้าโรงพยาบาล กำลังรอผลการตรวจของแพทย์
รายที่ 2 เป็นหญิงอายุ 55 ปี มีอาการปวดท้องและถ่ายอุจจาระออกเป็นสีดำหลายครั้ง กำลังรอให้แพทย์ทำการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร
เพื่อนเล่าว่าที่ต้องโทร. มาถาม เพราะแพทย์ที่ทำการตรวจคนไข้ทั้ง 2 ราย ไม่ได้อธิบายให้ความกระจ่าง ญาติ ๆ ต่างพากันวิตกกังวล
ผมนึกในใจว่าอาการเลือดออกทั้ง 2 คนนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่เป็นสัญญาณที่เตือนว่าอาจเกิดจากสาเหตุที่ร้ายแรง (เช่น มะเร็ง หรือโรคเลือดบางอย่าง) ก็ได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไป อาจเป็นเพียงสาเหตุพื้น ๆ เช่น เลือดกำเดาไหล ก็อาจเกิดจากติ่งเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง หรืออาการถ่ายอุจจาระดำ อาจเกิดจากแผลในกระเพาะอาหารที่มีเลือดออกซึม ๆ ก็ได้
ดังนั้น ผมจึงไม่กล้าวิเคราะห์โรคในแง่ร้ายทางโทรศัพท์ เดี่ยวจะพากันตระหนกตกใจเกินเหตุ ก็ได้แต่ตอบไปว่า คงมีสาเหตุได้หลายอย่าง ใจเย็น ๆ รอผลการตรวจของแพทย์ที่โรงพยาบาลว่าเป็นอะไรแน่ แล้วค่อยหาทางแก้ไขไปตามสาเหตุ


ที่กล่าวเช่นนี้ เป็นไปตามทฤษฎีที่เขียนไว้ในตำรา และสอดคล้องกับประสบการณ์ในการดูแลคนไข้มายาวนาน อาการเลือดออกตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อาจมีสาเหตุร้ายแรง เช่น









ดังนั้น หากพบว่ามีอาการเลือดออกที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ใจ หากไม่ได้เกิดจากโรคร้ายจะได้สบายใจ แต่ถ้าพบว่าเป็นโรคร้าย แพทย์จะได้ให้การรักษาได้ทันท่วงที และมีโอกาสช่วยให้หายขาด หรือมีชีวิตที่ยืนยาวได้


ชายอายุ 60 ปี มีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัวใด ๆ ชอบออกกำลังกายเป็นประจำ และดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี อยู่มาวันหนึ่งจู่ ๆ ก็มีเลือดกำเดาไหล โดยไม่ได้ถูกแรงกระแทกที่จมูก และก็ไม่ได้เกิดจากการสั่งน้ำมูก
เขาพยายามห้ามเลือดด้วยตัวเองอย่างไรก็ไม่ได้ผล ผ่านไปนาน 2 ชั่วโมง จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล แพทย์ใช้ไฟฟ้าจี้ก็ไม่ได้ผล เมื่อทำการตรวจเลือดก็พบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่เคราะห์ร้าย มีเลือดออกในสมองแทรกซ้อน แม้ว่าแพทย์จะทำการผ่าตัดสมอง ก็ไม่อาจจะช่วยได้
คนไข้เสียชีวิตภายใน 10 วัน หลังมีเลือดกำเดาไหล

ชายอายุ 55 ปี เคยมีอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสดเป็นครั้งคราว แต่ละครั้งเป็นเพียง 2-3 วันก็ทุเลาไป เริ่มมีอาการตั้งแต่อายุ 30 ปี แพทย์เคยวินิจฉัยว่าเป็นริดสีดวงทวาร แต่ 1 เดือนมานี้ คนไข้มีอาการถ่ายเป็นเลือดสดทุกวัน เรื้อรังนานกว่าที่เคย คนไข้ก็นึกว่าเป็นโรคริดสีดวงอย่างเคย จนกระทั่งรู้สึกอ่อนเพลีย มีคนทักว่าหน้าตาซีดเชียว จึงได้ไปปรึกษาแพทย์
จากการตรวจอย่างละเอียด แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้ทำการผ่าตัดและให้เคมีบำบัด

หญิงอายุ 50 ปี ประจำเดือนขาดหายไป 6 เดือน ต่อมามีอาการเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดทุกวันอยู่นาน 4 เดือน ก็นึกว่าเป็นอาการวัยทอง ต่อมามีเลือดออกทางช่องคลอดมากขึ้น จึงได้ไปปรึกษาแพทย์ แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 2 ได้ให้การรักษาด้วยการผ่าตัดและรังสีบำบัด คนไข้รับการดูแลรักษาที่โรงพยาบาลอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง โชคดีมีชีวิตอยู่ต่อมาอีก 20 กว่าปี

เด็กหญิงอายุ 10 ขวบ มีอาการตัวร้อนนาน 3-4 วัน มารดาพาไปรักษาที่คลินิก แพทย์บอกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ คนไข้กินยาที่แพทย์สั่งนาน 5 วัน อาการไข้ไม่ทุเลา มารดาจึงพาไปโรงพยาบาล
แพทย์สังเกตเห็นมีจ้ำเขียวตรงหัวเข่าขวา มารดาบอกว่าน่าจะเป็นรอยฟกช้ำ เพราะลูกเป็นเด็กที่ซนมาก คงวิ่งกระแทกถูกอะไรมา แพทย์ตรวจพบรอยจ้ำเขียวอีกจุดหนึ่งที่บริเวณหน้าท้อง และตรวจพบว่ามีภาวะซีดและม้ามโต จึงส่งตรวจพิเศษเพิ่มเติม ก็พบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวตามที่แพทย์สงสัยตั้งแต่แรก
เคราะห์ร้ายที่เด็กเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดร้าย ถึงแม้แพทย์จะพยายามให้การดูแลรักษาอย่างเต็มที่ แต่ก็มีชีวิตอยู่ได้เพียง 3 เดือนหลังวินิจฉัย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก