
"บ้าแชต" เหมือน "ติดยา" (ไทยโพสต์)
จิตแพทย์ชี้ ติด "แชตมือถือ" หนักๆ ก็เหมือนคนติดยาเสพติด ส่งผลกระทบจิตใจ เสียสุขภาพ สมาธิสั้น เตือนพ่อแม่ระวังเด็กใช้มากเกิน
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผอ.สำนักสุขภาพจิตสังคม กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีของคนในสังคมปัจจุบันนี้แบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ ใช้ในระดับปกติ และใช้เกินปกติ แต่ผลทางด้านจิตใจทางการแพทย์ถือว่า อาการติดโทรศัพท์มือถือที่กำลังฮิตในหมู่ดาราไฮโซ เซเลบริตี้ และกำลังเริ่มฮิตในกลุ่มวัยรุ่นขณะนี้ เป็นอาการเดียวกับการติดอินเทอร์เน็ตหรือติดสารเสพติด เรียกว่า โรค "Addiction" หรือ "การติดเป็นนิสัย" คือใช้เทคโนโลยีจนเกินไป หมกมุ่นมากไป ถ้าไม่ได้ใช้แล้วห่วงหา ซึ่งมีส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจในเชิงลบ เหมือนการเสพติดอย่างหนึ่ง
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การใช้บีบีเป็นวิธีการสื่อสารแบบการส่งข้อความ SMS ซึ่งสะดวกกว่าการใช้คอมพิวเตอร์พูดคุยหรือที่เรียกว่าแช้ต (Chat ) ผ่านระบบเอ็มเอสเอ็น (MSN) ซึ่งต้องทำเฉพาะกับเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่การใช้โทรศัพท์มือถือจะสามารถทำได้ทุกสถานที่ทุกเวลา
นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีลักษณะนี้มากเกินไปจะทำให้ความเป็นส่วนตัวน้อยลง ไม่ได้อยู่กับตัวเอง หรือมีสมาธิกับการทำงานน้อยลง และเกิดความคาดหวังแบบอุปโลกน์ ซึ่งผู้ใช้ต้องระมัดระวังการใช้ ควรใช้ให้พอเหมาะและมีขอบเขต ไม่เช่นนั้นจะเกิดผลกระทบ คือ



"จากข้อมูลที่มีการสำรวจพบว่าวัยรุ่น รร.ระดับมัธยมของรัฐแห่งหนึ่ง พบว่า ร้อยละ 90 เด็กใน รร.มีโทรศัพท์มือถือใช้ แต่เทคโนโลยีก้าวหน้าพ่อแม่ยิ่งต้องรู้ให้เท่าทัน ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเด็กคิดอะไรอยู่ และเด็กไทยจะสมาธิสั้นมากขึ้น"
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
