![กล้วย กล้วย](http://img.kapook.com/u/phatchara_N/other/shutterstock_81107173.jpg)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant
รศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผย กินกล้วยตอนท้องว่างได้ ถ้าไม่ได้เป็นกรดไหลย้อน
เป็นประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพและอาหารการกินที่หลายคนสงสัยกันมานานว่า "กินกล้วยตอนท้องว่าง ได้หรือไม่" หลังจากมีข้อมูลถูกส่งต่อกันมากในโลกออนไลน์ เรื่อง "5 สิ่งที่ไม่ควรทานขณะท้องว่าง" ซึ่งหนึ่งในนั้นมีกล้วยรวมอยู่ด้วย โดยระบุว่า "กล้วย เมื่อทานขณะท้องว่างจะทำให้ปริมาณธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น จนสูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไป เป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ"
![กล้วย กล้วย](http://img.kapook.com/u/phatchara_N/other/10801515_561875493943089_387916818031088136_n.jpg)
อย่างไรก็ดีล่าสุด (9 ธันวาคม 2557) รศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลโต้แย้งกับข้อเขียนข้างต้น ผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant โดยยืนยันว่า ท้องว่างก็สามารถกินกล้วยได้ ไม่มีปัญหาอะไร หากไม่ได้เป็นกรดไหลย้อน ซึ่งมีข้อความทั้งหมด ดังนี้
"ท้องว่างก็กินกล้วยได้ (ถ้าไม่ได้เป็นกรดไหลย้อน)"
กล้วยอุดมด้วยแมกนีเซียมก็จริง แต่ถึงกินเข้าไปตอนท้องว่าง มันก็ไม่ได้จะเพิ่มระดับแมกนีเซียมในเลือดปรู้ดปร้าด อันตรายต่อหลอดเลือดหัวใจอย่างที่กลัวกัน
แมกนีเซียมนั้นจะถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ไม่ใช่ที่กระเพาะ กล้วย 1 ลูกหนักประมาณ 100 กรัม มีแมกนีเซียม 43 มิลลิกรัมและดูดซึมเพียง 30% หรือประมาณ 12.3 มิลลิกรัม ขณะที่ระดับแมกนีเซียมสูงสุดที่ร่างกายไม่ควรได้เกิน คือ 700 มิลลิกรัมต่อวัน ...แปลว่า ต้องกินกล้วยมากถึง 55 ลูก !! จึงจะเป็นปัญหาได้
บางคนอ้างต่อถึงโปแตสเซียมในกล้วยที่มีอยู่สูง (นักกีฬาจึงนิยมกินกล้วย เพื่อเสริมเกลือแร่ระหว่างแข่งขัน) ว่าจะเป็นปัญหาต่อหัวใจเช่นกัน ซึ่งก็ไม่ใช่อีก เพราะไตสามารถขับเกลือแร่ต่าง ๆ ส่วนเกิน อย่างเช่น โปแตสเซียม ได้มากถึง 30,000 มิลลิกรัมต่อวัน
แต่จากการที่กล้วยมีน้ำตาลสูง ทำให้เมื่อกินเข้าไปแล้ว กระเพาะจะหลั่งน้ำย่อยออกมามาก และอาจทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ในบางคน
สรุปว่า คนปรกติทั่วไป สามารถกินกล้วยได้เวลาท้องว่าง ไม่เป็นปัญหาอะไร ... แค่แนะนำให้ค่อย ๆ เคี้ยว อย่าอมกลืนไปทั้งลูก เดี๋ยวติดคอตาย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก