
ไข้หวัดนก H5N8 เชื้อร้ายสายพันธุ์ใหม่ ที่วันนี้ต้องรู้จักแล้วล่ะ
โรคไข้หวัดนก H5N8 เชื้อร้ายสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดหนักในระบบฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปีกในหลาย ๆ ประเทศ แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานเข้ามาในประเทศไทย แต่เราก็ไม่ควรนิ่งนอนใจว่าจะไม่เกิดขึ้นกับเรา
โรคไข้หวัดนก H5N8 เคยเป็นข่าวโด่งดังเมื่อประมาณปลายปี 2557 ว่าเป็นเชื้อรายที่ระบาดหนักในกลุ่มสัตว์ปีก เป็นผลให้สัตว์ปีกในฟาร์มหลายแห่งตายนับหมื่นตัว แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นโรคในสัตว์ปีก มนุษย์เราก็สามารถติดเชื้อโรคนี้ได้เหมือนกันหากไม่ระวัง กระปุกดอทคอมจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับโรคร้ายสายพันธุ์ใหม่นี้มาฝาก เพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทันอย่างไม่ตื่นตระหนก จะได้เตรียมรับมือกับโรคนี้ด้วยความเข้าใจ

โรคไข้หวัดนกเอช-ไฟฟ์-เอ็น-เอ็ท (H5N8) ก็คือ โรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N8 นั่นเอง เกิดจากการผสมสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซ่าชนิดเอ (Influenza A) ระหว่างเชื้อตั้งต้น H และ N ที่ส่งผลให้ระดับความรุนแรงของเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตที่ติดเชื้อเสียชีวิตได้ สิ่งที่น่ากลัวก็คือ การผสมสายพันธุ์ของเชื้อตั้งต้น H และ N สามารถติดต่อสู่คนได้ สามารถพัฒนาเกิดเป็นเชื้อโรคใหม่ ๆ ขึ้นมาได้อีกมากมาย จึงถูกเรียกว่า ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ โดยที่สามารถผสมสายพันธุ์ได้ตั้งแต่เชื้อ H1 ถึง H16 และเชื้อ N1 ถึงN9 เช่น โรคไข้หวัดนกชนิด H5N1 โรคไข้หวัดนกชนิด H5N2 โรคไข้หวัดนกชนิด H7N9 เป็น ซึ่งเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ล่าสุดก็คือ โรคไข้หวัดนกชนิด H5N8 ที่กำลังระบาดหนักในฟาร์มห่านประเทศไต้หวัน


แม้ว่าทางกระทรวงสาธารณสุขจะออกมาเปิดเผยว่า คนไทยมีความเสี่ยงต่ำในการติดต่อเชื้อไข้หวัดนก H5N8 แต่อย่างไรก็ตามก็ยังต้องเฝ้าระวัง เพราะสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็นในหลายพื้นที่ทำให้เริ่มมีกลุ่มนกจากต่างประเทศอพยพหนีเข้ามาอยู่ที่ประเทศไทย โดยที่เราไม่มีทางรู้เลยว่า กลุ่มนกอพยกนั้นมีเชื้อโรคอะไรอยู่ก่อนแล้วบ้าง ซึ่งโรคไข้หวัดนก H5N8 สายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดหนักในหลายประเทศ เช่น ยุโรป เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน ก็เกิดจากการผสมสายพันธุ์กันระหว่างเชื้อตั้งต้น H กับ N ในยีนของสัตว์ปีก เช่น ไก่ ห่าน เป็ด และนก มีลักษณะการแพร่กระจายของโรคเหมือนกับการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสทั่วไป คือ ผ่านทางระบบหายใจ สัมผัสทางผิวหนัง และทางน้ำลาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปีกหลายแห่งต้องใช้วิธีหยุดการแพร่กระจายของโรคด้วยการทำลายสัตว์ปีกที่ติดเชื้อโรคไข้หวัดนก H5N8

การติดเชื้อโรคไข้หวัดนก H5N8 มีความเสี่ยงในกลุ่มเกษตรกรผู้ทำฟาร์มสัตว์ปีกมากกว่าคนกลุ่มอื่น แต่สำหรับคนทั่วไปนั้นสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้โดยการไม่อยู่ท่ามกลางกลุ่มของสัตว์ปีก และเลือกบริโภคอาหารที่มีการปรุงสุกอย่างดีแล้ว


เชื้อโรคไข้หวัดนก H5N8 เป็นโรคที่มีโอกาสติดเชื้อในคนต่ำมาก หรือถ้าหากติดเชื้อก็จะแสดงอาการไม่รุนแรงมากนัก เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ มีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การระบาดที่ผ่านมา ยังไม่พบผู้ติดเชื้อจนถึงขั้นเสียชีวิต แต่สำหรับในสัตว์ปีกนั้น เมื่อติดเชื้อแล้ว จะมีอาการป่วยและมีโรคแทรกซ้อนรุนแรงจนถึงขั้นล้มตาย

สำหรับวิธีการรักษาโรคไข้หวัดนก H5N8 จะคล้ายคลึงกับการรักษาโรคไข้หวัดนกชนิดอื่น เช่น H5N1 หรือ H5N2 โดยผู้ป่วยติดเชื้อจะต้องเข้ารับการตรวจปริมาณเม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และตรวจเอ็นไซม์ตับ เพื่อหาระดับการติดเชื้อในร่างกาย จากนั้นแพทย์จะทำการฉายรังสีเพื่อตรวจดูการติดเชื้อที่ปอด เมื่อรู้ถึงระดับการติดเชื้อภายในร่างกายแล้วแพทย์จะทำการจ่ายยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมกับร่างกายผู้ป่วยต่อไป

สำหรับวิธีการรับมือกับโรคไข้หวัดนก H5N8 เราก็ควรเตรียมพร้อมป้องกันตัวเองล่วงหน้าไว้เลย ไม่ต้องให้มีรายงานพบการติดเชื้อในบ้านเรา ด้วยวิธีการง่าย ๆ ดังนี้







สำหรับมาตรการเฝ้าระวังเชื้อโรคไข้หวัดนก H5N8 ในประเทศไทยนั้น ทางกรมปศุสัตว์ได้เร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ดังนี้






สถานการณ์ล่าสุดของโรคไข้หวัดนก H5N8

จนถึงวันนี้ (13 มกราคม 2558) ถูกตรวจพบแล้วใน 4 ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป ได้แก่ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และอิตาลี รวมถึงกลุ่มประเทศเอเชียทั้งหมด 3 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ซึ่งเป็นประเทศล่าสุดที่มีการระบาดหนักในฟาร์มเลี้ยงห่าน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข่าวคราวการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก H5N8 เกิดขึ้นในหลายประเทศ แต่เราก็ไม่ต้องตื่นตระหนกกันไป เพราะถ้าหากเรารู้ทัน และเพิ่มความระมัดระวังตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว เชื้อร้ายเหล่านี้ก็ไม่น่ากลัวแล้วค่ะ