x close

โยคะเพื่อสุขภาพ เลือกยังไงให้เหมาะกับตัว

โยคะ

โยคะเพื่อสุขภาพ เลือกยังไงให้เหมาะกับตัว (Lisa)

          เดี๋ยวนี้คอร์สโยคะเกิดขึ้นมากมายจนเลือกไม่หวาดไม่ไหว แต่ถ้าเข้าใจแก่นโยคะดี ๆ ศาสตร์แห่งสุขภาพและความแข็งแรงนี้มีอยู่เพียงไม่กี่อย่างหรอกค่ะ

          สาวกโยคะในดินแดนฮอลลีวูดมีมากหน้า นับแต่นักร้องสาวสะโพกดินระเบิดอย่าง เจนนิเฟอร์ โลเปซ ไปจนถึงนักร้องรุ่นป้าอย่าง มาดอนน่า  หรือนักแสดงแถวหน้าอย่าง กวินเน็ธ พัลโทรว์ หรือ นาโอมิ วัตต์ และนักแสดงรุ่นเดอะอย่าง เม็ก ไรอัน ฯลฯ ซึ่งไม่เพียงแต่เซเลบสาว ๆ เท่านั้นที่หันมาสนใจสุขภาพด้วยการฝึกโยคะ นักร้องหนุ่มละตินอย่าง ริกกี้ มาร์ติน ก็หันมาฝึกโยคะอย่างจริงจังเช่นกัน

          แล้วอะไรที่ทำให้เหล่าคนดัง รวมทั้งคนธรรมดาอย่างเรา ๆ หันมานิยมศาสตร์นี้กันมากขึ้น

โยคะคืออะไร

          ถ้าตามศัพท์ภาษาสันสกฤตคำว่า "โยคะ" แปลว่ารวม เต็ม หรืออีกนัยหนึ่งคือองค์รวม ซึ่งแก่นของการเล่นโยคะต้องทำให้เกิด...

          การพัฒนาจิต โดยเฉพาะการฝึกจิตให้นิ่ง และบริหารจิตให้เข้มแข็งจนถึงขั้นยกระดับจิตให้สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป

          การพัฒนาความสมดุล ทั้งสมดุลต่อตัวเองสมดุลต่อตัวเองและผู้อื่น รวมทั้งสมดุลต่อตัวเอง และสิ่งแวดล้อม

          การรวมกายและจิตเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีสติ

          สรุป โยคะก็คือศาสตร์การฝึกฝนตัวเองที่มีรากฐานมาจากอินเดียโบราณ ซึ่งศาสตร์นี้จะฝึกเราในทุก ๆ มิติ เช่น กาย จิต อารมณ์ บุคลิกภาพ ฯลฯ ซึ่งถือเป็นองค์รวมของการพัฒนามนุษย์

โยคะ มีกี่แบบกันเนี่ย

          แม้จะมีคนเปิดคอร์สสอนโยคะกันมากมาย ทั้งโยคะร้อน โยคะเย็น โยคะผสมพิลาทีส โยคะผสมไทเก็ก หรือแม้กระทั่งโยคะเปลือยที่กำลังฮือฮาในต่างประเทศ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราสามารถจัดกลุ่มโยคะออกเป็นแค่ 4 กลุ่มใหญ่ ๆ

          กลุ่มราชาโยคะ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การควบคุมจิตกระทั่งเข้าถึงความหลุดพ้น

          กลุ่มกรรมะโยคะ โยคะเพื่ออุทิศตนให้ผู้อื่น ผู้ฝึกโยคะแบบนี้ จะทำงานเพื่อรับใช้ผู้อื่นไปจนกระทั่งถึงความหลุดพ้น

          กลุ่มญาณโยคะ โยคะที่เน้นการใช้ปัญญา ซึ่งผู้ฝึกจะฝึกจนกว่าจะเข้าสู่ความหลุดพ้น

          กลุ่มภักดีโยคะ ที่ยังคงนิยมกันมากในอินเดีย แม้กระทั่งปัจจุบัน ผู้ฝึกจะเน้นเรื่องศรัทธาโดยการสวดมนต์ แล้วเปล่งเสียงกระทั่งตัวเองไปสู่ความหลุดพ้น

          อย่างไรก็ดี ภายหลังมีการพัฒนาโยคะออกมาในหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถจัดกลุ่มโยคะที่มีอยู่ในสังคมปัจจุบันออกได้เป็น...

          กลุ่มที่เน้นการฝึกกายภาพเป็นหลัก กลุ่มนี้จะฝึกเน้นท่าโยคะอาสนะต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกาย แข็งแรง และบำบัดรักษาโรคได้ เช่น Bikram Yoga, Power Yoga, Astanga Yoga ฯลฯ

          กลุ่มที่เน้นวิถีชีวิตโดยรวม ซึ่งจะเน้นทั้งการฝึกท่าโยคะอาสนะ การฝึกสมาธิ และการถือศีล

          กลุ่มที่เน้นการฝึกพลังปราณ หรือพลังชีวิต กลุ่มนี้จะเน้นการฝึกควบคุมจิต ฝึกลมหายใจ เช่น สหจะโยคะ กุณฑาลินีโยคะ ฯลฯ

  แล้วใครเหมาะจะฝึกบ้างล่ะ

          คนทุกคนไม่จำกัดเพศ อายุ วัย แต่คนที่ป่วยด้วยโรคบางอย่าง เช่น หมอนรองกระดูกเสื่อม หรือบาดเจ็บกล้ามเนื้อแขนหรือคอ ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน อีกอย่างผู้หญิงที่มีประจำเดือนควรงดฝึกโยคะ เพราะแรงกดจากการฝึกท่าอาสนะอาจกระทบกระเทือนระบบสืบพันธุ์ ซึ่งอาจทำให้เลือดออกมากขึ้น นอกจากนั้นผู้หญิงตั้งครรภ์ ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนจะฝึกท่าอาสนะใด ๆ

  ควรฝึกเวลาไหน

          ถ้าหากเวลาตื่นเช้า ๆ ได้ ควรเลือกฝึกโยคะตอนเช้า และหมั่นฝึกให้เป็นนิสัย เพื่อความแข็งแรงของร่างกาย นอกจากนั้นควรหาเวลาในการฝึกประมาณ วันละ 15-60 นาที ซึ่งควรดูความเหมาะสมของร่างกายตัวเองว่า รับไหวแค่ไหน ส่วนสถานที่ควรเลือกฝึกในห้องที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก และควรเป็นที่ที่สงบพอสมควร อย่างไรก็ดี ใครที่จะฝึกโยคะควรฝึกตอนท้องยังว่างอยู่ ไม่ก็ให้ห่างจากการกินอาหารหนักมาถึง 4 ชั่วโมงแล้ว หรือห่างจากอาหารเบา ๆ สัก 2 ชั่วโมง

แล้วฝึกโยคะให้สมบูรณ์มีวิธีปฏิบัติอย่างไร

ถ้าจะให้ผลดี ผู้ฝึกโยคะต้องปฏิบัติตามหลักการทั้ง 5 อย่างนี้...

          ปฏิบัติอาสนะ ซึ่งท่าอาสนะมีอยู่หลายท่า แต่สามารถแยกย่อยออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ อาสนะเพื่อสมาธิ เช่น ปทุมอาสนะ สิทธาอาสนะ วัชระอาสนะ และอาสนะเพื่อการผ่อนคลาย เช่น สวะอาสนะ (ท่าศพ) มัคระอาสนะ (ท่าจระเข้) สุดท้ายคืออาสนะเพื่อสร้างสมดุล เช่น วัคระอาสนะวฤกษ์อาสนะ หาละอาสนะ ภุชงค์อาสนะ ฯลฯ

          ฝึกลมหายใจ

          ฝึกการผ่อนคลาย

          กินอาหารที่มีประโยชน์

          มองโลกในแง่บวก

หลักในการฝึกท่าโยคะ (อาสนะ)

          ค่อย ๆ เคลื่อนไหว และควรหยุดนิ่งในช่วงที่มีการหยุดนิ่งในแต่ละท่า

          มีสติกับทุกการเคลื่อนไหว ไม่ว่าอาสนะนั้น ๆ จะเป็นท่าบิดเอว ยกแขน ยกขา หรือยกมือ รวมทั้งหายใจเข้าหรือออก ผู้ฝึกควรมีใจจดจ่ออยู่ทุกท่วงท่า พยายามมีความรู้สึกตัวอย่าเผลอไปคิดหรือกังวลเรื่องใด ๆ

          อย่าหักโหม เพราะหลายคนอาจจะอยากฝึกท่านั้นท่านี้ให้เป็นเร็ว ๆ เลยพยายามเร่งฝึก และโหมแรงมากเกินไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการฝึกโยคะควรฝึกอย่างช้า ๆ เป็นจังหวะที่ลงตัว ผู้ฝึกควรรู้ข้อจำกัดของตัวเองว่า เราควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายได้มากน้อยแค่ไหน และทำตามข้อจำกัดนั้น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ

          ลมหายใจเข้า-ออกต้องสอดคล้องกัน เวลาสูดอากาศเข้าควรให้พอดีกับท่วงท่าที่ฝึก แล้วพอปล่อยลมหายใจออก ก็ให้สุดลมหายใจเพื่อให้ร่างกายขับอากาศเสียออกมา ซึ่งการทำอย่างนี้ จะช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ

          ผ่อนคลายอารมณ์ อย่าเครียด ให้รู้สึกดี ๆ กับตัวเอง

          ไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ อย่าไปรู้สึกว่าคนอื่นเก่งกว่าเรา และเราต้องแข่งขันกับเขา

แล้วฝึกไปเพื่ออะไร

          หัวใจการฝึกโยคะก็เพื่อความนิ่ง และสบาย โดยใจกับกายต้องหลอมรวมเข้าไว้ด้วยกัน ถ้ากายสบายใจก็จะสงบไปด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้วการทำอาสนะถือเป็นรูปแบบของการฝึกจิตขั้นพื้นฐาน โดยการนำจิตไปอยู่กับความเป็นอยู่ของกายว่าเคลื่อนไหวอย่างไร ค่อย ๆ ให้ใจรับรู้ว่ากายกำลังเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ และนุ่มนวล พอฝึกจนชำนาญจิตจะคุ้นเคยที่จะอยู่กับกายได้เป็นอย่างดี

          เมื่อรู้ถึงข้อดีของโยคะที่ช่วยทั้งเรื่องจิตใจ และร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ก็ลองเก็บโยคะไว้เป็นกีฬาที่ควรเล่นดูสักหน่อยจะเป็นไรคะ

Did You Know?

          การฝึกโยคะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด เพราะทุกครั้งที่ฝึกท่าต่าง ๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อบีบเส้นเลือด ให้ไหลกลับเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว และขณะที่ฝึกเราต้องหายใจลึก ๆ ซึ่งช่วยให้ปอดได้ออกซิเจนอย่างเต็มที่ ก็จะนำออกซิเจนไปสู่กระแสเลือด และเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ

  ฝึกโยคะอย่างไรให้สุขภาพดี

            ฝึกอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นจากท่าที่ง่าย ๆ ก่อน แล้วค่อยพัฒนาไปเป็นท่าที่ยากขึ้น แต่ทั้งนี้ ควรได้รับคำแนะนำจากครูผู้ฝึกก่อนว่า ร่างกายเราเหมาะกับท่าที่ยากนั้นหรือไม่

          เตรียมตัวให้ถูกต้องก่อนฝึก เช่น ควรอาบน้ำก่อนฝึกโยคะ หาแผ่นรองเล่นโยคะมาปู ไม่ก็หาเสื่อแล้วเอาผ้านุ่ม ๆ มาปูรองอีกชั้น

          ฝึกหายใจให้เป็น โดยหายใจเข้าแล้วกลั้นหายใจไว้โดยนับ 1-5 ไม่ก็ 1-10 เสร็จก็หายใจออก โดยให้ลมหายใจออกไปมากที่สุดแล้วนับใหม่ 1-5 ไม่ก็ 1-10

          ควรนวดหลังจากการฝึกโยคะแล้ว เพื่อกระตุ้นต่อมไขมันใต้ผิวหนังให้หลั่งไขมันออกมาตามธรรมชาติ และระบบน้ำเหลืองรวมทั้งระบบเลือด จะถูกกระตุ้นให้ไหลเวียนได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นการนวดยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกต่อหนึ่งด้วย


  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย 

 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โยคะเพื่อสุขภาพ เลือกยังไงให้เหมาะกับตัว อัปเดตล่าสุด 18 ธันวาคม 2556 เวลา 09:30:36 14,628 อ่าน
TOP