ไทรอยด์เป็นพิษ... ท้องเสียบ่อย น้ำหนักลด กินเท่าไรก็ไม่อ้วน นี่อาจเป็นสัญญาณเตือน

          เช็กอาการไทรอยด์เป็นพิษเบื้องต้นง่าย ๆ จากสัญญาณที่ร่างกายแจ้งเตือน แล้วถ้าเป็นไฮเปอร์ไทรอยด์จะรักษาหายไหม ลองมาดู

ไทรอยด์เป็นพิษ

          ไทรอยด์ เป็นต่อมที่อยู่บริเวณลำคอ ด้านหน้าลูกกระเดือก ติดกับหลอดลม มีลักษณะคล้ายผีเสื้อ หน้าที่ของต่อมไทรอยด์คือผลิตฮอร์โมนในการทำงานของร่างกาย ช่วยในกระบวนการเผาผลาญต่าง ๆ รักษาอุณหภูมิและการหลั่งเหงื่อ รวมทั้งกระตุ้นการเต้นของหัวใจ แต่เมื่อใดก็ตามที่ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ร่างกายก็จะมีความผิดปกติตามไปด้วย อย่างโรคไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyriod) หรือภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ที่พอป่วยปั๊บ จะสังเกตอาการได้ไม่ยากเท่าไร และวันนี้เราจะพามาทำความเข้าใจโรคไทรอยด์เป็นพิษกัน

ไทรอยด์เป็นพิษ คืออะไร


          หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าไทรอยด์เป็นพิษจะทำให้อ้วนง่าย แต่จริง ๆ แล้วไทรอยด์เป็นพิษ หรือ ไฮเปอร์ไทรอยด์ คือภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน จนระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดสูงเกินไป ส่งผลให้ระบบการเผาผลาญทำงานมากขึ้น ดังนั้น ผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษจึงมีน้ำหนักลดผิดปกติ

          ตรงข้ามกับภาวะไทรอยด์ต่ำ (ไฮโปไทรอยด์) คือมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดต่ำ ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายช้า ระบบการเผาผลาญของร่างกายก็จะไม่ค่อยดี ผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์จึงอ้วนขึ้นได้ง่าย

ไทรอยด์เป็นพิษ

ไทรอยด์เป็นพิษ สาเหตุเกิดจากอะไร


          มีหลายสาเหตุที่ทำให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนออกมามากกว่าปกติ จนส่งผลกระทบต่อร่างกาย เช่น

          * โรค Graves’ disease จัดเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดที่กระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ ผู้ป่วยโรคนี้อาจจะมีความผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตาโปน หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ

          * พันธุกรรม หากคนในครอบครัวป่วยไทรอยด์เป็นพิษ ก็มีความเสี่ยงโรคนี้เพิ่มขึ้นได้

          * การติดเชื้อที่ต่อมไทรอยด์ การติดเชื้อหรือเกิดการอักเสบที่ต่อมไทรอยด์ก็เป็นการกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติได้

          * การได้รับไอโอดีนมากเกินไป

          โดยเฉลี่ยแล้วร่างกายควรได้รับไอโอดีนประมาณ 100-200 ไมโครกรัม เพื่อเสริมการทำงานของต่อมไทรอยด์ และป้องกันโรคคอพอก แต่หากร่างกายได้รับไอโอดีนมากจนเกินไป โดยเฉพาะวัยผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ อาจเพิ่มความเสี่ยงภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดสูง (Thyrotoxicosis) เพราะไอโอดีนเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์นั่นเอง

          อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเสียสมดุลของฮอร์โมนไทรอยด์ จนเป็นสาเหตุของต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ซึ่งก็คือฮอร์โมนเพศ โดยพบว่าเพศหญิงมีความเสี่ยงเป็นโรคนี้มากกว่าเพศชายประมาณ 5-10 เท่า รวมทั้งการกินยาลดความอ้วน ที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนไทรอยด์ ก็จะกระตุ้นให้ร่างกายมีฮอร์โมนไทรอยด์เยอะเกิน เช่นเดียวกับการมีความเครียดทางจิตใจก็อาจส่งผลให้เป็นโรคนี้ได้เช่นกัน

ไทรอยด์เป็นพิษ อาการเป็นอย่างไร


ไทรอยด์เป็นพิษ

          เราสามารถสังเกตอาการไทรอยด์เป็นพิษได้จากอาการดังต่อไปนี้

          * น้ำหนักตัวลดลงผิดปกติ แม้จะกินมากกว่าเดิม

          * ใจสั่น เพราะหัวใจถูกกระตุ้นให้ทำงานมากขึ้น ในรายที่เป็นมาก ๆ จะมีภาวะหัวใจเต้นเร็วแบบผิดจังหวะได้

          * ชีพจรเต้นเร็ว มือสั่น 

          * อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

          * อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย 

          * ถ่ายบ่อย ท้องเสียง่าย เพราะทางเดินอาหารถูกกระตุ้นให้ทำงานมากขึ้น

         
* นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย

          * ขี้ร้อน เหงื่อออกมาก 

          * ต่อมไทรอยด์บริเวณลำคอโตขึ้น คอพอก

          * ตาโปน กลอกตาไม่ได้ เพราะเนื้อเยื่อหลังนัยน์ตาขยายขนาดขึ้น

          * ผมร่วง

          * ประจำเดือนมาไม่ปกติ

         
* กระดูกบาง เพราะการที่ร่างกายมีฮอร์โมนไทรอยด์มากไป ส่งผลต่อความสามารถในการดูดซึมแคลเซียม

          * ขาสองข้างอ่อนแรง  (พบไม่บ่อย)

          *  กล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลัน พบในรายที่ไทรอยด์เป็นพิษแล้วเกิดเกลือแร่โพแทสเซียมต่ำอย่างเฉียบพลัน ทำให้ขยับแขน ขา ไม่ได้

          นอกจากอาการผิดปกติของร่างกายดังกล่าวแล้ว เรายังสามารถตรวจต่อมไทรอยด์ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ดังนี้

ไทรอยด์เป็นพิษ

          - ส่องกระจก ยืดลำคอขึ้น หันทางซ้ายและขวาชัด ๆ เพื่อหาความผิดปกติของลำคอ

          - ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือทั้งสองข้างคลำลำคอพร้อม ๆ กันในแต่ละด้าน จากด้านหลังไปด้านหน้า และจากบนลงล่าง

          - หากพบการสัมผัสที่ติดขัดเหมือนมีก้อน...ให้ลองคลึงดู

          - หากพบก้อนผิดปกติให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ

ไทรอยด์เป็นพิษ ต้องตรวจอะไรบ้าง


          หากสงสัยว่าอาจป่วยไทรอยด์เป็นพิษ แพทย์จะมีวิธีการตรวจ ดังนี้

          - ตรวจร่างกายด้วยการคลำชีพจร คลำก้อนไทรอยด์ ตรวจตา และตรวจการเต้นของหัวใจ

          - ตรวจเลือดและฮอร์โมน เพื่อดูค่าฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกาย

          - หากตรวจพบว่าฮอร์โมนมีระดับสูงผิดปกติแล้ว อาจะมีการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของไทรอยด์เป็นพิษให้ชัดเจนต่อไป

ไทรอยด์เป็นพิษ รักษาอย่างไร


ไทรอยด์เป็นพิษ

          การรักษาไทรอยด์เป็นพิษ สามารถทำได้ 3 แนวทาง คือ

          1. รับประทานยา

          การรักษาไทรอยด์เป็นพิษด้วยการกินยาคือการรักษาหลักของโรคนี้ เพราะยาที่ใช้รักษาจะมีมีฤทธิ์ต่อต้านการทำงานของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ทำให้ต่อมไทรอยด์กลับมาทำงานอย่างสมดุล ซึ่งหากรับประทานยาได้ขนาดพอเหมาะ อาการก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 1-2 ปี นอกจากนี้แพทย์อาจให้ยาลดอาการใจสั่นร่วมด้วยในระยะแรก ๆ แต่ทั้งนี้การกินยารักษาไทรอยด์ควรกินอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรหยุดยาเอง เพราะจะทำให้อาการกำเริบและควบคุมโรคยากขึ้น

          2. ผ่าตัด

          ในกรณีที่กินยาต้านฮอร์โมนไทรอยด์แล้วไม่หาย แพทย์อาจพิจารณาให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัด โดยจะตัดเนื้อไทรอยด์ส่วนเกินออกให้เหลือเนื้อไทรอยด์อยู่ในระดับใกล้เคียงกับคนปกติ โดยหลังผ่าตัด ผู้ป่วยจะหายจากอาการของไทรอยด์เป็นพิษเกือบ 100% แต่มีข้อเสียคือร่างกายจะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ 100% เช่นเดียวกัน ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เสียงแหบ มือชา ฯลฯ ทั้งนี้แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยรับฮอร์โมนทดแทนตลอดชีวิต ซึ่งการรับฮอร์โมนทดแทนจะช่วยให้ผู้ป่วยได้ใช้ชีวิตตามปกติ โดยไม่มีผลกระทบต่ออวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย

          3.  กลืนสารรังสี

          หรือที่เรียกว่าการกลืนน้ำแร่ โดยจะเป็นการกลืนน้ำที่ประกอบด้วยสารไอโอดีน กัมมันตรังสี ที่ได้รับการคำนวณขนาดไว้ให้พอดีกับแต่ละบุคคล การรักษาด้วยวิธีนี้จะช่วยให้ต่อมไทรอยด์ฝ่อลงและไทรอยด์เป็นพิษหายไป อัตราการหายเกือบ 100% ในเวลาประมาณ 4-6 เดือน ภายหลังกลืนน้ำแร่ 1-2 ครั้ง

          ทั้งนี้ การรักษาด้วยการกลืนสารรังสีมีผลข้างเคียงน้อยกว่าการผ่าตัด โดยอาจมีภาวะต่อมน้ำลายอักเสบ หรือมีอาการทางตาในผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ แต่อย่างไรก็ตาม หลังรักษาต่อมไทรอยด์หายแล้ว อาจมีภาวะไทรอยด์ทำงานไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องกินฮอร์โมนทดแทนเพื่อเสริมการทำงานของต่อมไทรอยด์ไปตลอดชีวิตเหมือนการรักษาไทรอยด์เป็นพิษด้วยการผ่าตัด

          นอกจากจะต้องระวังเรื่องอาหารการกินไม่ให้ร่างกายได้รับไอโอดีนมากจนเป็นอันตราย และยังมีอาหารที่ผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษควรเลี่ยงให้ไกลด้วย เช่น นม ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ อาหารที่กินแล้วแพ้ เป็นต้น

          - ไทรอยด์เป็นพิษห้ามกินอะไร เลี่ยงไว้เพื่อความชัวร์

ไทรอยด์เป็นพิษ เสี่ยงเสียชีวิตหรือไม่


          หากป่วยไทรอยด์เป็นพิษแล้วไม่รับการรักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลายอย่าง เช่น ตับอักเสบเฉียบพลัน หัวใจเต้นผิดจังหวะ และเสี่ยงเสียชีวิตด้วยภาวะพายุไทรอยด์ได้ ทว่าหากเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี ดูแลตัวเองดี ๆ และพบโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ การรักษาไทรอยด์เป็นพิษก็จะง่ายขึ้น ความเสี่ยงเสียชีวิตก็จะลดน้อยลง

          ไม่ว่าจะป่วยด้วยโรคอะไรก็ตาม หากสังเกตอาการผิดปกติและรีบไปพบแพทย์ โอกาสที่เราจะหายจากความเจ็บป่วยก็จะมีมาก ดังนั้นอย่าละเลยสัญญาณผิดปกติใด ๆ ของร่างกาย รวมไปถึงคนรอบข้างด้วยนะคะ


* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 29 กรกฎาคม 2563


ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, โรงพยาบาลพญาไท, ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, โรงพยาบาลวิภาวดี, โรงพยาบาลกรุงเทพ, Mahidol Channel มหิดล แชนแนล, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, รายการสถานีศิริราช, กองโภชนาการ กรมอนามัย, Rama Chanel, การประปานครหลวง, รายการชีวิตชีวา
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไทรอยด์เป็นพิษ... ท้องเสียบ่อย น้ำหนักลด กินเท่าไรก็ไม่อ้วน นี่อาจเป็นสัญญาณเตือน อัปเดตล่าสุด 19 กรกฎาคม 2565 เวลา 08:56:02 185,064 อ่าน
TOP
x close