.jpg)
กินโปรฯ หรือชื่อเต็ม ๆ คือ โปรโคดิล ยาแก้แพ้และแก้ไอชนิดหนึ่งที่วัยรุ่นนำมาใช้ในทางที่ผิด โดยหารู้ไม่ว่าการกินโปรฯ แบบนี้อันตรายถึงชีวิต
ยารักษาโรคเป็นยาที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ แต่เมื่อไรที่นำยารักษาโรคไปใช้ในทางที่ผิดหรือใช้ไม่ถูกวิธีแน่นอนว่าดาบคมที่สองของยาชนิดนั้น ๆ อาจก่อให้เกิดอันตรายกับชีวิตได้ เหมือนอย่างที่ตอนนี้กลุ่มวัยรุ่นนิยมนำยาโปรโคดิลหรือยาแก้ไอมาผสมกับเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความมึนเมาคล้ายได้ดื่่มเหล้าเบียร์ โดยหารู้ไม่ว่าการกินโปรฯ ผิดวิธีแบบนี้มีอันตรายถึงชีวิตได้เลย

กองควบคุมวัตถุยาเสพติด องค์การอาหารและยา (อย.) ระบุว่า โปรโคดิล มีชื่อเรียกในวงการยาว่า ยากลุ่มโปรเมทาซีน (Promethazine) ประกอบด้วยตัวยาสำคัญคือ promethazine hydrochloride เป็นยาในกลุ่มยาแก้แพ้ บรรเทาอาการไอ ใช้สำหรับบรรเทาอาการแพ้ เมารถ เมาเรือ แพ้อากาศ น้ำมูกไหล ป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะร่วมด้วย จัดอยู่ในกลุ่มยาที่แพทย์นำมาใช้ในการระงับประสาทชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์ทำให้ง่วงซึม
ทั้งนี้ ยาโปรโคดิลมีลักษณะเป็นยาน้ำเชื่อมใส สีน้ำตาล จัดเป็นยาอันตรายตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ขอความร่วมมือให้เภสัชกรขายยาโปรโคดิลอย่างระมัดระวัง โดยนำไปใช้เพื่อรักษาอาการแพ้ หรืออาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ทว่ากลับมีวัยรุ่นที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์นำยาโปรโคดิลมาใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งก็นำมาสู่ภัยอันตรายต่อชีวิตอย่างที่อาจจะนึกไม่ถึง

พันเอก เจษฎา ยิ่งวิวัฒนพงษ์ อาจารย์ภาควิชาจิตเวชและประสาทวิทยา กองการศึกษา วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ให้ข้อมูลว่า การใช้ยาแก้ปวดร่วมกับยาแก้ไอในทางที่ผิดจะทำให้ยาออกฤทธิ์ไปยังสมองเป็นหลักก่อนจะย้อนกลับมาที่ร่างกาย โดยคนที่กินยาโปรฯ เกินขนาดจะสูญเสียการทรงตัวเป็นช่วง ๆ เนื่องจากการประสานงานของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ผิดปกติไป และหากกินโปรติดต่อกันนานเข้าอาจเกิดภาวะชัก สมองหยุดทำงานเนื่องจากขาดออกซิเจน นำไปสู่การเสียชีวิตในเวลาต่อมา

















ทั้งนี้ นายแพทย์ปฏิพัทธ์ วุฒิวิทยารักษ์ แพทย์ชำนาญการ ศูนย์บริการสาธารณสุข ๔๒ ถนอม ทองสิมา เผยว่า ยาโปรโคดิลไม่ถือเป็นสารเสพติดตามกฎหมาย ทว่าหากนำเอาผลข้างเคียงของยามาใช้ในทางที่ผิดอาจทำให้ตัวยานี้ไม่ต่างอะไรจากสารเสพติด โดยเฉพาะหากนำมาผสมกับกลุ่มยาแก้ปวดชนิดรุนแรง และเมื่อกินร่วมกับน้ำอัดลมจะยิ่งออกฤทธิ์เป็นสารกระตุ้นมากกว่าเดิม ซึ่งหากกินยาเกินขนาดก็อาจทำให้เกิดอาการชักและเสียชีวิตได้ เนื่องจากยาเหล่านี้มีฤทธิ์กดประสาทและการหายใจ
และนอกจากการกินโปรฯ แล้ว ยังมีการกินลีน (LEAN) หรือการนำน้ำอัดลมมาผสมกับยาแก้ปวด ยาแก้ไอ ชนิดรุนแรง ซึ่งล้วนเป็นยาที่มีฤทธิ์กดประสาทและทำให้ง่วงซึมเหมือนกับยาโปรโคดิล มีฤทธิ์ไม่ต่างจากสารเสพติด และก็มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นตระหนักไว้เลยนะคะว่า ยาแก้ปวดหรือยาแก้ไอมีสรรพคุณบรรเทาอาการเจ็บป่วยเท่านั้น อีกทั้งควรใช้ยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรอย่างเคร่งครัด อย่าได้ริลองนำมาผสมกับเครื่องดื่มหรือใช้ยาผิดวัตถุประสงค์ให้เสี่ยงอันตรายต่อชีวิตจะดีกว่า
world_id:559a458f4d265a71108b4569
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
สุนันทานิวส์
สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม
เฟซบุ๊ก ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว
yaandyou.net