ฝันร้าย สาเหตุนอนไม่หลับที่อาจเกิดจากการกิน !

นอนไม่หลับ

          นอนไม่หลับ ทำไงดี ปัญหานี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรานอนหลับไม่ลงเพียงอย่างเดียว ทว่าการนอนหลับแล้วฝันร้ายยิ่งแย่กว่า
 

          นอนไม่หลับเพราะฝันร้ายอยู่บ่อย ๆ เชื่อว่าใครที่ต้องประสบกับปัญหานี้คงรู้สึกเพลียอยู่ไม่น้อย เพราะลำพังแค่เราพักผ่อนไม่เต็มที่ก็ทำให้ร่างกายแทบหมดแรงไปพอสมควร แต่หากนอนไม่หลับเพราะฝันร้ายจนต้องนอนกระสับกระส่ายนี่เข้าขั้นอยู่ยากกันแล้วนะ เอ๊ะ ! หรือเพราะการที่คุณนอนหลับฝันร้ายจะเป็นเพราะเผลอกินอาหารใกล้เวลาเข้านอนกันล่ะ ?


          ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า วงจรการนอนหลับที่ทำให้เราฝันจะอยู่ในช่วงการนอนหลับแบบ REM (Rapid eye movement sleep) ซึ่งเป็นการนอนหลับในช่วงระยะ 90 นาทีแรกนับจากเราหลับตานอน โดยในวงจรการนอนหลับขั้นนี้ กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะไม่มีการไหวตัว ทว่าสมองจะยังคงตื่นตัวอยู่ อันเป็นเหตุผลที่ทำให้เราสามารถฝันเป็นตุเป็นตะได้นั่นเอง

นอนไม่หลับ
 
          นอกจากนี้ การรับประทานอาหารหนัก ๆ โดยเฉพาะอาหารประเภทไขมัน อาหารที่มีรสจัด รวมถึงอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตมาก ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรานอนไม่หลับ เลยเถิดไปจนถึงเกิดฝันร้ายอยู่บ่อย ๆ ด้วย เนื่องจากการรับประทานอาหารเหล่านี้ จะกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญในร่างกายต้องทำงานหนักล่วงเวลา แถมยังส่งผลให้สมองต้องปลุกตัวเองมาสั่งการให้ร่างกายเผาผลาญอาหารที่กินเข้าไปอย่างต่อเนื่องจนจบสิ้นกระบวนการ ดังนั้นเมื่อทั้งสองส่วนสำคัญของร่างกายยังคงทำงานอยู่อย่างนี้ ตัวเราเองก็เลยนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย รู้สึกร้อน จนนอนฝันร้ายขึ้นมาได้ง่าย ๆ
 

          ทั้งนี้จากผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ The Mind and Body ยังชี้ให้เห็นว่า การรับประทานอาหารขยะที่อุดมไปด้วยน้ำตาล เช่น ไอศกรีม ลูกอม ลูกกวาด จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดคลื่นสมองขณะนอนหลับ และอาจส่งผลให้กลุ่มทดลอง 7 ใน 10 คนฝันร้ายตอนนอนด้วย ซึ่งนอกจากนี้ ผลการวิจัยยังเตือนมาด้วยว่า หากเข้านอนในขณะที่อิ่มจัดก็อาจกระตุ้นให้คลื่นสมองทำงานและก่อฝันร้ายได้เช่นกัน

นอนไม่หลับ

          ดังนั้นหากไม่อยากนอนไม่หลับและฝันร้าย ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อหนักก่อนเข้านอน รวมทั้งทำตามคำแนะนำจาก รศ. นพ.ปารยะ อาศนะเสน ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ดังนี้

          1. หลีกเลี่ยงการบริโภคคาเฟอีน (ชา, กาแฟ, ชาเขียว, เครื่องดื่มชูกำลัง, น้ำอัดลม, โกโก้, ช็อกโกแลต และยาบางชนิด) ภายใน 4-6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เนื่องจากคาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของสมอง ทำให้นอนไม่หลับจนฝันเป็นตุเป็นตะ

          2. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายใน 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน เนื่องจากภายหลังที่แอลกอฮอล์หมดฤทธิ์จะทำให้นอนหลับไม่สนิท ตื่นได้ง่าย และอาจฝันร้าย

          3. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดความเครียดในช่วงเวลาใกล้เข้านอน เช่น การเล่นเกมที่ต้องแข่งขันกัน การดูหนังหรือรายการที่ทำให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้น หลอน หรือคิดถึงเรื่องที่น่ากังวลต่าง ๆ เพราะสมองอาจเก็บข้อมูลเหล่านี้ไปฝันร้ายได้

          หรืออาจจะลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อการนอนหลับที่สบายขึ้นตามวิธีสร้างฝันดี เลี่ยงฝันร้าย นี้ก็ได้ค่ะ

          แม้ความฝันจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนและดูเหมือนเราจะควบคุมมันไม่ได้ ทว่าหากเราทำตามคำแนะนำและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็น่าจะช่วยนอนหลับสบายไร้ความฝันได้บ้างล่ะเนอะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
lifehacker
LIVESTRONG


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ฝันร้าย สาเหตุนอนไม่หลับที่อาจเกิดจากการกิน ! อัปเดตล่าสุด 19 สิงหาคม 2558 เวลา 15:45:17 26,730 อ่าน
TOP
x close